ต้นไม้ใหญ่2 กันเกรา, กุ่มน้ำ, กุ่มบก,กระทุ่ม,กระทิง,กระบก,กระเบา,กระเบากลัก,กระโดน แคนา,แคหัวหมู,งิ้ว,สัก, แสลงพัน,สารภี,คงคาเดือด,อุโลก |
กันเกรา/Fagraea fragrans ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Fagraea fragrans Roxb.
|
ไม้ยืนต้นสูงประมาณ 10-15 เมตรเปลือกต้นเรียบสีน้ำตาลแตกเป็นร่องลึกตามยาว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามรูปรีเป็น แผ่นใบเรียบ เนื้อใบค่อนข้างเหนียว สีเขียวเข้มเป็นมัน ปลายใบ โคนใบ แหลม ขอบใบเรียบ ขนาดใบ กว้างประมาณ 4-6 ซ.ม.ยาวประมาณ 8-12 ซ.ม.ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น ปลายแยกออกเป็น 5 แฉก เริ่มบานเป็นสีขาว บานเต็มที่เป็นสีเหลืองอมแสด ดอกมีกลิ่นหอม ผลเป็นผลเดี่ยวรูปกลมมีติ่งแหลมสั้นอยู่ปลายสุด ผลอ่อนสีเขียว สุกสีแดง มีเมล็ดจำนวนมากสีน้ำตาล |
กุ่มน้ำ/Crateva religiosa
ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Crateva religiosa G.Forst. |
ไม้ ยืนต้นสูงประมาณ 5-12 เมตร เปลือกต้นสีเทาอ่อน มีรูอากาศสีขาวขนาดใหญ่ กระจายและมีรอยย่นตามแนวขวาง เรือนยอดแผ่กระจายหรือรูปทรงกลม ใบประกอบแบบนิ้วมือ ประกอบด้วยใบย่อย3ใบ ใบจะร่วงหมดต้นขณะมีดอก ดอกเริ่มบานสีขาวแล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล เกสรสีม่วงแดง ผลค่อนข้างกลม สุกสีเทา กุ่มน้ำเป็นไม้กลางแจ้งชอบแดดเต็มวัน ต้องการน้ำปานกลาง อีกอย่างตามภูมิปัญญาชาวบ้าน ผลของกุ่มน้ำที่แก่ บดผสมกับซีเมนต์ทำให้โครงสร้างของสิ่งก่อสร้างแข็งแรงขึ้น ส่วนความเชื่อที่เป็นมงคล หากบ้านเรือนใดปลูกกุ่มน้ำนี้ไซร้ จะทำให้ครอบครัวและคนในบ้านมีฐานะ มีเงินมีทองเป็นกอบเป็นกำเป็นกลุ่มเป็นก้อน แนบแน่นมั่นคงเป็นหลักเป็นฐาน ระยะออกดอก : เดือนกุมภาพันธ์-เดือนมิถุนายน ขยายพันธุ์ : ด้วยเมล็ด ปักชำ ตอนกิ่ง |
กุ่มบก/Crateva adansonii subsp. trifoliata ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Crateva adansonii subsp. trifoliata (Roxb.) Jacobs
|
||||||||||||||||
ไม้ต้นสูง 5-12เมตร แตกกิ่งก้านต่ำ เปลือกต้นเรียบสีเทาเรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ ใบเป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ ประกอบด้วยใบย่อย3ใบ ก้านใบยาวใบย่อยรูปรี โคนใบมน ปลายใบย้อยป้าน ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนาสีเขียวเข้มเป็นมัน ขณะมีดอกใบจะร่วงหมดต้น ดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะออกดอกตามง่ามใบใกล้ปลายยอด ดอกสีขาวอมเขียวแล้วค่อยเปลี่ยนเป็น สีเหลือง เกสรสีม่วงแดงยาวกว่ากลีบดอก ผลรูปกลมรี เปลือกมีจุดสีน้ำตาลอมแดง ผลแก่เปลือกเรียบ เมล็ดแข็งรูปคล้ายเกือกม้า ชอบแสงแดดจัดขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิด ใบอ่อน ยอดอ่อน ดอกอ่อน ของกุ่มน้ำและกุ่มบก นำมาดองกับน้ำเกลือรับประทานเป็นผักจิ้มน้ำพริกกระปิ น้ำพริกปลาร้า น้ำพิกตาแดง เนื้อไม้ค่อนข้างแข็งแต่ใช้งานไม่ทน ทำของเล่นชิ้นเล็กๆ อุปกรณ์เครื่องดนตรี งานแกะสลัก ในประเทศอินเดีย และโพลินีเซีย จะปลูกต้นไม้ชนิดนี้ไว้รอบๆวัด และมีความเชื่อว่ามีพลังลึกลับแอบแฝง ต้นที่อยู่ในรูป2รูปข้างบนก็ถ่ายมาจากวัดเหมือนกัน คนไทยก็น่าจะเชื่อตามด้วย แต่น่าจะไม่เชื่อหมดเพราะรูปบนสุด นี่ถ่ายที่ปั๊มป.ต.ท.หน้า outlet ออกดอกเดือนมกราคม-เดือนกุมภาพันธ์ ขยายพันธุ์ : ด้วยเมล็ด |
||||||||||||||||
กระทุ่ม/Breonia chinensis
|
||||||||||||||||
ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Breonia chinensis (Lam.) Capuron
|
||||||||||||||||
|
||||||||||||||||
เป็น ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูงประมาณ 15-30 เมตร ผลัดใบ พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ต้นอ่อนมีลำต้นตรงยาวกิ่งด้านข้างกางออกเป็นกลุ่มที่ปลายยอดและขนานกับพื้นดิน ต้นแก่โตเต็มที่ บางครั้งมีพูพอน เรือนยอดเป็นรูปไข่ ทรงพุ่มกลมแน่นเปลือกต้นสีน้ำตาลเทาอ่อน ผิวเรียบ ต้นแก่ผิวหยาบและหลุดลอกเป็นแผ่น เปลือกชั้นในสีเหลืองอ่อน ใบ กว้าง5-14ซม. ยาว10-30ซม.รูปขอบขนานหรือรูปไข่ฐานใบไม่สมมาตร ใบอ่อนสีเขียวอ่อนมีขนนุ่มปกคลุม ใบแก่สีเขียวเข้มเป็นมัน ดอกสีขาวปนเหลืองหรือสีส้ม มีกลิ่นหอมกรุ่นอ่อนๆออกเป็นช่อกระจุกแน่นลักษณะกลมเดี่ยวไม่เกิน2ช่อเมื่อ แก่จะกลายเป็นสีเหลืองเข้ม หอม ผล กลุ่มรูปกลมขนาด3.5-5ซม.ผลอ่อนสีเขียวแล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล มีเนื้อ แตกออกได้เป็นสี่เสี้ยว มีเมล็ดจำนวนมาก ไม้ใช้ในงานทั่วไปงานก่อสร้างเล็กๆ เป็นสัญลักษณ์ของพระวิษณุ กระทุ่ม หรือ "ตะกู"เป็นไม้โตเร็วจัดอยู่ในประเภท "ไม้โตเร็วมาก" ต้นสูง เปลาตรงง่ายต่อการแปรรูป ได้ปริมาณเนื้อไม้ต่อต้นสูง ได้ขนาดและความยาวตามต้องการ ทนน้ำท่วมขัง และสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้หลังน้ำลด และเมื่อตัดโค่นแล้วสามารถงอกขึ้นใหม่ได้อีก ทำให้ไม่ต้องปลูกต้นกล้าหลายรอบ อีกอย่างหากมีอายุ 2 ปีขึ้นไปจะทนต่อสภาวะน้ำท่วมและโดนไฟป่าไม่ตาย นิยมปลูกเป็นสวนป่าเพื่อการใช้สอยและปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจและไม้เศรษฐกิจ ระยะเวลาออกดอก : ระหว่างเดือน มิถุนายน-กันยายน ขยายพันธุ์ : ด้วยการเพาะเมล็ด |
||||||||||||||||
กระทิง/Calophyllum inophyllum. ชื่อพ้อง ---Balsamaria inophyllum (L.) Lour. ---Calophyllum bintagor Roxb. ---Calophyllum blumei Wight ---Calophyllum wakamatsui Kanehira ชื่อสามัญ ---Alexandrian Laurel, Bornero mahogany, Indian laurel, Beautiful-leaf ชื่ออื่น ---สารภีทะเล,สารภีแนน ชื่อวงศ์ ---GUTTIFERAE ถิ่นกำเนิด ---ประเทศอินเดีย เขตกระจายพันธุ์ ---แอฟริกา เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนเหนือของออสเตรเลีย
|
||||||||||||||||
กระทิง เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบอาจสูงถึง 20 เมตรขึ้นไป เรือนยอดแผ่เป็นพุ่มหนาทึบไม่เป็นระเบียบ ลำต้นค่อนข้างสั้นและกิ่งก้านมักคดงอ เปลือกของลำต้นค่อนข้างเรียบเกลี้ยงไม่ตกสะเก็ดเหมือนสารภี นี่เป็นข้อแตกต่างข้อหนึ่ง เนื่องจากเป็นไม้วงศ์เดียวกัน ดูผิวเผินจะคล้ายกันมาก เปลือกต้นสีน้ำตาลเข้มปนเทาหรือค่อนข้างดำ มีน้ำยางสีเหลืองอมเขียว
มักจะนิยมปลูกในวัด และปลูกประดับทั่วไป ชอบแสงแดดเต็มวัน ดินระบายน้ำดี เนื้อไม้มีคุณภาพดี น้ำมันจากเมล็ดเป็นส่วนผสมของน้ำมันนวดกล้ามเนื้อ และ ใช้ผสมทำเครื่องสำอาง |
||||||||||||||||
กระบก/Irvingia malayana
ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Irvingia malayana Oliv. ex A.W.Benn
|
||||||||||||||||
เป็นไม้ต้นไม่ผลัดใบหรือกึ่งผลัดใบ ขนาดใหญ่ พบในป่าผลัดใบ ป่าดิบแล้ง ในระดับความสูง 150-300 เมตร ในภาคต่างๆทั่วประเทศ กระบกสูงได้ถึง 35เมตร เรือนยอดทึบแผ่กว้าง ลำต้นหนา เปลาตรงโคนต้นเป็นพูพอนขนาดใหญ่ เปลือกต้นสีน้ำตาลอมเทา ค่อนข้างเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ด เปลือกชั้นในสีส้มอ่อน ใบเดี่ยวขนาดกว้าง 2.5-5 ซม.ยาว 7-12 ซม.เรียงสลับแบบวนรอบ รูปมนรีปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างมักมีนวลสีเขียวเทา หูใบเรียวม้วนหุ้มยอด ดอกขนาด0.6ซม.สีขาวอมเขียว ออกเป็นกลุ่มช่อแบบช่อกระจะสั้นๆในซอกใบ ดอกมักออกก่อนจะเกิดใบชุดใหม่ ดอกร่วงอย่างรวดเร็ว กลีบเลี้ยง5กลีบเชื่อมกัน กลีบดอก5กลีบยาวเป็น3เท่าของกลีบเลี้ยง เกสรผู้10อัน ติดกับขอบนอกของหมอนรองดอก ผลเมล็ดเดียว ขนาด4-6ซม.สีเขียวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเมื่อสุกภายในมีเนื้อสีส้ม ผลห้อยมีก้านยาวคล้ายๆกับมะม่วงขนาดเล็ก เนื้อไม้แข็งแต่ใช้งานยากไม่ทนทาน ส่วนมากใช้ทำฟืน ใช้ทำเครื่องเรือนและอุปกรณ์การเกษตร ผลกินได้และมีน้ำมันใช้ทำสบู่ เทียน ติดไฟ ผลเป็นที่ชื่นชอบของสัตว์ป่า เนื้อในเมล็ดนำมาคั่วรับประทานได้ ระยะออกดอก : เดือนมกราคม-มีนาคม ขยายพันธุ์ : ด้วยการเพาะเมล็ด |
||||||||||||||||
กระเบา/Hydnocarpus anthelminticus ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Hydnocarpus anthelminticus Pierre ex Laness. |
||||||||||||||||
ไม้ ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 15-20 เมตรไม่ผลัดใบ ขึ้นตามป่าดงดิบใกล้ๆน้ำ และพบเป็นไม้ปลูกบ้าง เมล็ดแก่สามารถนำไปหีบทำน้ำมันทาแก้โรคผิวหนัง และวัณโรค สมัยก่อนมักนิยมนำมาใช้สำหรับรักษาโรคเรื้อน ซึ่งในปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้ว ยังช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง รักษาโรคผิวหนังเรียกได้ว่าแทบทุกชนิด คุดทะราด และโรคผิวหนังผื่นคัน |
||||||||||||||||
กระเบากลัก/Hydnocarpus ilicifolia ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Hydnocarpus ilicifolia King
|
||||||||||||||||
ไม้ต้นไม่ผลัดใบสูง 15-20เมตรเ ป็นพรรณไม้หลักของป่าดิบแล้งและป่าเบณจพรรณชื้น ป่าใกล้ชายทะเลและบริเวณใกล้เขาหินปูน ที่สูงจากระดับน้ำทะเล20-400เมตร เนื้อไม้แปรรูป ใช้ทำกระดาน ด้ามเครื่องมือ เครื่องแกะสลัก ทำฟืนและถ่าน เนื้อในผลกินได้ ลิงชอบเป็นพิเศษ เมล็ดให้น้ำมันที่เหมาะแก่การบำบัด โรคผิวหนัง ทำยาถ่ายพยาธิ และใช้ทำสบู่ แก้โรคเรื้อน แก้วัณโรค ลักษณะของกระเบากลัก ลำต้นส่วนใหญ่เปลาตรง เปลือกเรียบสีเทา กลิ่นเหม็นเขียว ใบ เดี่ยวเรียงสลับ รูปขอบขนานหรือรูปไข่แกมใบหอก เนื้อใบหนาเกลี้ยงเป็นมัน โคนใบมนหรือเบี้ยวเล็กน้อย ขอบใบจักฟันเลื่อยห่าง เห็นได้ชัดในใบอ่อน ดอกสีเขียวอ่อน แยกเพศอยู่ร่วมต้น มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ผลกลมแข็งขนาด4-8ซม.ผิวมีขนนุ่มเป็นกำมะหยี่สีดำ ผลหนึ่งๆมีเมล็ด10-15เมล็ด กระเบากลักมีเรือนยอดกลมใบหนาให้ร่มเงาได้ดี ใช้ปลูกตกแต่งบริเวณบ้าน ที่ทำการ สวนหย่อมสาธารณะได้เป็นอย่างดี ระยะออกดอก---เมษายน – พฤษภาคม ผลแก่ กรกฎาคม- สิงหาคม การขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด |
||||||||||||||||
กระโดน/Careya arborea
ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Careya arborea Roxb. |
||||||||||||||||
กระโดนเป็นไม้ต้นขนาดกลาง ผลัดใบ สูง 8-20 เมตร ชอบขึ้นตามป่าโล่ง รวมทั้งป่าเบญจพรรณและป่าแดงทั่วทุกภาค ในระดับความสูง 50-500 เมตร ลำต้นเปลาตรงมีกิ่งก้านสาขามาก เรือนยอดเป็นพุ่มกลมแน่นทึบ เปลือกต้นหนาสีน้ำตาลปนเทาหรือปนดำ แตกล่อนเป็นสะเก็ดทั่วไป
|
||||||||||||||||
แคนา/Dolichandrone serrulata
ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Dolichandrone serrulata (Wall. ex DC.) Seem.
|
||||||||||||||||
ไม้ผลัดใบสูงถึง25เมตร เรือนยอดแคบทรงกระบอก กิ่งก้านเรียวเล็ก เปลือกต้นสีน้ำตาลอ่อน เรียบหรือล่อนหลุดเล็กน้อย ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียวใบย่อย3-5คู่ ขอบใบหยักเป็นซี่ประปรายฐานใบไม่สมมาตรใบอ่อนจับแล้วรู้สึกเหนียว ดอกสีขาวสะอาดบานตอนกลางคืน ตอนเช้าร่วง ดอกกินได้ ช่อดอกสั้นไม่แตกแขนงช่อละ3-7ดอกออกที่ปลายกิ่ง ผลยาวปลายแหลมบิดเป็นเกลียว ขึ้นประปรายในป่าเปิดจากจ.เชียงใหม่ลงไป ส่วนมากจะเห็นตามหัวไร่ปลายนา ที่ยังคงเหลืออยู่เพราะดอกรับประทานได้ ระยะออกดอก : เดือนมีนาคม-มิถุนายน ขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ดและปักชำราก |
||||||||||||||||
แคหัวหมู/Markhamia stipulata ชื่อวิทยาศาสตร์---Markhamia stipulata Seem.var.stipulata
|
||||||||||||||||
|
||||||||||||||||
งิ้ว/Bombax ceiba
ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Bombax ceiba Linn.
|
||||||||||||||||
ในอินเดียถือว่าต้นงิ้วเป็นไม้ของพระศิวะ แต่ตามเรื่องคนไทยรู้จักกันดีว่า ต้นงิ้วเป็นที่อยู่ของครุฑ ในเรื่องกากี เรียกว่า วิมานฉิมพลี ชื่อเสียงของต้นงิ้วในภาคภาษาไทยเลยไม่ค่อยเป็นมงคล ในแง่ผิดศีลข้อ3 ตายไปจะตกนรกและรับโทษให้ปีนต้นงิ้ว ในวรรณคดีอินเดียเรียกไม้ชนิดนี้ว่า" ยมะทรุมะ "แปลว่า "ไม้นรก" |
||||||||||||||||
สัก/Tectona grandis ชื่อวิทยาศาสตร์ ---Tectona grandis Linn.f.
|
||||||||||||||||
สักเป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดใหญ่สูงถึง30เมตร และเส้นผ่าศุนย์กลางถึง180ซม.ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดเป็นพุ่มกลม เมื่ออายุมากโคนต้นเป็นพูพอนเล็กน้อย เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลอ่อน บางหลุดล่อนเป็นชิ้นแถบตามยาว เปลือกชั้นในสีขาว |
||||||||||||||||
แสลงพัน/Bauhinia bracteata
ชื่อวิทยาศาสตร์ --- Bauhinia bracteata (Benth.) Baker
ไม้ต้นกึ่งเลื้อยเนื้อแข็ง มีมือจับ ลักษณะใบดอกเหมือนไม้ตระกูลเสี้ยวทั่วไปใบเดี่ยวเรียงสลับ กว้าง5-12ซม.ยาว6-15ซม.ปลายใบแยกเป็นสองแฉก ปลายมน โคนใบรูปหัวใจ |
||||||||||||||||
สารภี
|
||||||||||||||||
|
||||||||||||||||
ต้นนี้เป็นต้นไม้ของเราชาวไทย (วงเล็บ..ดูที่คำต่อท้าย ชื่อวิทยาศาสตร์ "ไซเมนสิส ")จากที่ตู่ต้นไม้พื้นเพบ้านอื่นเป็นไม้ไทยไปหลายชนิด ฐานที่มาอยู่นาน นี่เป็นต้นหนึ่งที่แพง และเป็นต้นไม้ในดวงใจของใครหลายๆคน ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ลองสังเกตุดูต้นไม้ที่ถ่ายรูปมาสองต้นข้างบนเป็นต้นสารภีทั้งคู่ ถ่ายมาในช่วงเวลาเดียวกัน สถานที่เดียวกัน ทำไมถึงแตกต่างเหมือนเป็นต้นไม้คนละชนิด ก็เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมมีอิทธิพลส่งผลให้เป็นแบบนี้ไง ต้นซ้ายมืออยู่ในร่ม น่าจะไม่ได้ปุ๋ยนานแล้ว ต้นขวามืออยู่กลางแจ้งได้รับการดูแลตัดแต่งทรงพุ่มได้น้ำได้ปุ๋ย แล้วอีกอย่างก็เด็กกว่าเยอะ บางทีก็ให้นึกเห็นใจผู้คนที่อยากได้ต้นไม้ใหญ่เก่าแก่ลีลามาปลูกไว้เป็นสมบัติส่วนตัว หารู้ไม่ว่าถ้าไม่ได้สนใจเรื่องอายุขัย ก็อาจเชยชมได้ไม่นาน เหมือนพาคนแก่ย้ายบ้านไงงั้น ทั้งเหนื่อยทั้งผิดที่ ทั้งเหงาทั้งหงอยแล้วก็ไม่โตแล้ว......... กลับเข้าเรื่องดีกว่าพาไปไกลเกิน สารภีเป็นไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ สูงประมาณ 12-15เมตร เป็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกได้ทั้งกลางแจ้งและร่มรำไร ขึ้นได้ในดินทุกชนิดไม่เรื่องมาก ไม่เลือกปุ๋ย ไม่ค่อยพบในป่า มักเป็นไม้ปลูก และพบปลูกมากตามวัดเนื่องจากมีกลิ่นหอมลักษณะของใบ แน่นพุ่มทึบแตกกิ่งก้านสาขามาก ใบเรียบเกลี้ยง ปลายใบกว้างกว่าโคนใบ เปลือกต้นสีคล้ำมีรอยแตกเป็นสะเก็ดอยู่ทั่วไป สารภีมีดอกสีขาว ที่มีกลิ่นหอมแรงและหอมได้ไกลมาก ออกดอกเรียงแน่นเป็นกระจุกตามซอกกิ่งหรือตามกิ่งแก่ ผลของสารภีเป็นกระปุกเล็กๆเมื่อสุกสีเหลืองแก่มีรสหวานรับทานได้ เนื้อไม้คุณภาพดีใช้งานง่าย ทำเครื่องเฟอร์นิเจอร์ งานแกะสลัก เรือ และงานก่อสร้างต่างๆ แถมรูปอีกหน่อย รูปเยอะบอกแล้วว่าเป็นต้นไม้ในดวงใจของใครหลายคน
ระยะเวลาดอกออก : ราวเดือนมกราคม-เดือนกุมภาพันธุ์ ขยายพันธุ์ : ด้วยวิธีเพาะเมล็ด หรือตอนได้ |
||||||||||||||||
สาธร
|
||||||||||||||||
|
||||||||||||||||
|
||||||||||||||||
ไม้ ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง5-18เมตร ผลัดใบ พบในป่าผสมผลัดใบและป่าดิบแล้งทั่วประเทศที่ระดับความสูง100-450เมตรเนื้อไม้และแก่นมีลักษณะสวยงามใช้ในการก่อสร้าง ใช้ทำเครื่องเรือน ลักษณะทั่วไปของต้นสาธร ลำต้นแตกกิ่งค่อนข้างต่ำ เรือนยอดโปร่งแผ่กว้าง เปลือกนอกสีเทาเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ ใบ ประกอบขนนกปลายคี่ ยาว20-30ซม. ใบย่อย7ใบเรียงตรงข้ามรูปหอกกลับยาว5-12ซม. ขอบใบเรียบ แผ่นใบด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนนุ่มเล็กน้อย ใบอ่อนสีน้ำตาลแดง ช่อดอกแยกแขนง ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ช่อยาว5-8ซม. ดอกย่อยรูปถั่ว กลีบดอกสีขาวหรือสีม่วงอ่อน ผลเป็นฝักแบบฝักถั่ว กว้าง3.5-4ซม.ยาว7-14ซม.รูปใบหอกกลับ เมล็ดรูปขอบขนานแกมรูปรีมี3-5เมล็ด ฝักอ่อนมีขน ฝักแก่แห้งและแตก ระยะเวลาออกดอก : เดือนกุมภาพันธุ์-เมษายน ขยายพันธุ์ : ด้วยการเพาะเมล็ด |
||||||||||||||||
คงคาเดือด
|
||||||||||||||||
|
||||||||||||||||
|
||||||||||||||||
ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 8-15 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่ ทึบ เปลือกนอกสีเทาอมดำเรียบหรือแตกล่อนเป็นแผ่น เปลือกในสีขาว กิ่งก้านมาก ดอกออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงที่ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว 30-40 ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอก 2-4 กลีบ ดอกบานเต็มที่กว้าง 1-1.5 ซม. ดอกสีน้ำตาลมีกลิ่นหอม ระยะออกดอก : พฤศจิกายน-ธันวาคม ขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด |
||||||||||||||||
อุโลก
|
||||||||||||||||
|
||||||||||||||||
|
||||||||||||||||
ไม้ ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง10-30เมตรผลัดใบ พบในป่าเต็งรัง และป่าผสมผลัดใบในทุกภาคของประเทศ ที่ระดับความสูง 30-500เมตร ลักษณะลำต้นเปลาตรงเปลือกหนาสีน้ำตาลปนเทา แตกล่อนเป็นสะเก็ด เนื้อไม้สดสีเหลืองทิ้งไว้นานเป็นสีเทาปนเหลือง เรือนยอดเป็นพุ่มกลมโปร่ง เรียงเป็นกระจุกอยู่ตามปลายกิ่ง ใบรูปรีหรือรูปไข่กลับ กว้าง8-12ซม.ยาว12-25ซม.โคนใบสอบ ปลายใบมนและมีติ่งทู่ ใบอ่อนสีชมพูอ่อนและมีขน ใบแก่เกลี้ยง หูใบอยู่ระหว่างก้านใบ ดอก ออกเป็นช่อยาว 5-8 ซม.ตามปลายกิ่ง ดอกย่อยสีขาวขนาดเล็ก กลีบดอก 5 กลีบ มีกลิ่นหอม ผลแห้งรูปรี ยาว 2-3ซม.แก่แห้งแล้วแตก เนื้อไม้ค่อนข้างหยาบและอ่อนใช้ในงานก่อสร้างตกแต่งภายใน ทำลังใส่ของหรือกล่อง เปลือกใช้เป็นยาสมุนไพร แก้ไข้ กระหายน้ำ |
||||||||||||||||
อ้างอิง, แหล่งที่มา ---หนังสือพรรณไม้ในสวนหลวง ร.๙ (2539) ด่านสุทธาการพิมพ์ ---หนังสือ ดอกไม้ และประวัติไม้ดอกเมืองไทย จาก ชุดธรรมชาติศึกษา โดย วิชัย อภัยสุวรรณ 2532 ---ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ BGO Plant Databases, The Botanical Garden OrganizationOrganization http://www.qsbg.org/database/botanic_book%20full%20option/search_page.asp ---The International Plant Names Index and World Checklist of Selected Plant Families 2017. Published on the Internet at http://www.ipni.org and http://apps.kew.org/wcsp/ ---แคหัวมู- สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่แห่งประเทศไทย(วว) http://www.tistr.or.th/sakaerat/plant%20in%20sakaerat/plant%20list/045%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9.pdf Check for more information on the species: Plants Database Names, synonymy and distribution The Garden.org Plants Database https://garden.org/plants/ Global Plant Initiative Digitized type specimens, descriptions and use หอพรรณไม้ - กรมอุทยานแห่งชาติ www.dnp.go.th/botany/Herbarium/GPI.html Tropicos Nomenclature, literature, distribution and collections Tropicos - Home www.tropicos.org/ GBIF Global Biodiversity Information Facility Free and open access to biodiversity data https://www.gbif.org/ IPNI International Plant Names Index The International Plant Names Index - home page http://www.ipni.org/ EOL Descriptions, photos, distribution and literature Global access to knowledge about life on Earth Encyclopedia of Life eol.org/ PROTA Uses The Plant Resources of Tropical Africa https://books.google.co.th/books?isbn=9057822040 Prelude Medicinal uses Prelude Medicinal Plants Database http://www.africamuseum.be/collections/external/prelude Google Images Images รวบรวมเรียบเรียง: Tipvipa..V รูปภาพ : ทิพพ์วิภา วิรัชติ บริษัท สวนสวรส การ์เด้น ดีไซน์ จำกัด สวนเทวา-เชียงใหม่ www.suansavarose.com www.suan-theva.com |
||||||||||||||||