สมาชิก




ลืมรหัสผ่าน
สมัครสมาชิก
 

เมนู

หน้าแรก

รวมรูปภาพ

เว็บบอร์ด

สนทนาคนรักต้นไม้

 

บทความ

หิน-หินเทียม

สารพัดต้นไม้จัดสวน

ไม้ประดับเพื่อการจัดสวน

ปลูกต้นไม้มงคล

เกี่ยวกับเรา

สวนสไตล์ต่างๆ

ต้นไม้ประจำจังหวัด ภูมิสัญญลักษณ์ของเมือง

มหัศจรรย์โลกพฤกษา

ว่าด้วยเรื่อง.....ดิน....และ..ปุ๋ย

พืชจัดสวนมีพิษที่ควรระมัดระวัง

เปลี่ยนสวนเก่าให้เป็นสวนใหม่

จัดสวนพื้นที่ขนาดใหญ่

จัดสวนด้วยตัวเอง

ชื่อนั้นสำคัญไฉน

การทำบ่อเลี้ยงปลา และระบบกรองรักษาคุณภาพน้ำอย่างง่าย

มุมสวนสวยสำหรับคุณ

ในนี้มีอะไรเยอะแยะ

 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/02/2008
ปรับปรุง 19/03/2024
สถิติผู้เข้าชม 17,219,181
Page Views 23,359,441
 
« March 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31      

Family Description H-O

Family Description H-O


 

Family Description

H-O


HAEMODORACEAE

ไม้เนื้ออ่อน อายุหลายปี ลำต้นเป็นหัวหรือเหง้าใต้ดิน ใบออกที่โคนต้น มีก้านใบ เส้นใบเรียงขนาน

ดอกสมบูรณ์เพศสมมาตรตามแนวรัศมี หรือสมมาตรด้านข้าง ส่วนต่างไของดอกเป็นทวีคูณของ3 รังไข่เหนือวงกลีบหรือใต้วงกลีบ ดอกช่อแบบช่อกระจะ ช่อแยกแขนงและเป็นช่อกระจุก กลีบรวม6กลีบแยกหรือติดกัน รังไข่มี3ช่อง

ผลแห้งแตกกลางพู เ่ช่น พัดนางชี

พัดนางชี

HELICONIACEAE

วงศ์นี้ประกอบด้วย1สกุลคือสกุล Heliconia มี100-200ชนิด มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปอเมริกา หมู่เกาะโมลุกกะถึงฟิจิ ลักษณะทั่วไปเป็นไม้ ล้มลุกอายุหลายปี เนื้ออ่อนมีเหง้าทอดเลื้อยใต้ดิน  เจริญเป็นพุ่มสูง0.6-2เมตรลำต้นเหนือดินคือส่วนของกาบใบที่ซ้อนกันเป็นลำ กาบใบปิด มีลิ้นใบ

ช่อดอกออกที่ปลายยอด ตั้งตรงหรือห้อย แต่ละช่อมีใบประดับ 3-30เรียงเป็น2แถวหรือเวียนสลับ กลีบเลี้ยงเด่นมีสีสัน 3กลีบ โดย2กลีบจะเชื่อมติดกับกลีบดอก จะแยกกันเฉพาะปลายกลีบกลีบดอก3กลีบเชื่อมติดกันไม่มากก็น้อย เกสรเพศผู้5-6หรือมีเพียง1

โดยส่วนที่เหลือเปลี่ยนไป มีลักษณะคล้ายกลีบดอก รังไข่ใต้วงกลีบ ช่อดอกบานทนนาน1-2เดือน ผลสีฟ้า ม่วง เหลือง แดงหรือส้ม ผิวเป็นมันมีเนื้อนุ่ม ผลเมล็ดแข็งมี1-3เมล็ด มักมีเยื่อหุ้มเมล็ด

ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้ได้แก่    

H. psittacorum cv.Sassy H. latispatha cv.Distans

H. caribaea x H. bihai

cv. Richmond Red

 H.psittacorum'Susie' H. 'Golden Torch'
HYDRANGEACEAE

HYDRANGEACEAE

(HYDRA)

เขตการกระจายพันธุ์ส่วนใหญ่ใน เขตอบอุ่น พบเพียงบางชนิดในเขตร้อน ทั่วโลกมี 17 สกุล ประมาณ 190 ชนิด เป็นไม้ ล้มลุกหรือกึ่งไม้พุ่ม เนื้อไม้อ่อน หายากที่เป็นไม้เลื้อย ใบเดี่ยวเรียงสลับหรือตรงข้าม ดอกสมบูรณ์เพศ บางครั้งดอกส่วนมากเป็นหมัน และมีกลีบเลี้ยงใหญ่คล้ายกลีบดอก 4-5กลีบ หลอดกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกับรังไข่ไม่มากก็น้อย กลีบดอกแยกกัน5กลีบ เกสรเพศผู้1อันถึงจำนวนมาก

ผลแห้งแตกกลางพู มีเมล็ดจำนวนมาก เมล็ดเล็กบางครั้งมีปีก ในไทยพบในธรรมชาติเพียงสกุลเดียว คือสกุล ฮอมดง Dichroa และพบปลูกเป็นไม้ประดับคือสกุล

ไฮแดรนเยีย Hydrangea

ไฮแดรนเยีย Hydrangea ไฮแดรนเยีย Hydrangea ฮ่อมดง Dichroa febrifuga

ICACINACEAE(วงศ์มะขม)

เป็นวงศ์ขนาดเล็กประมาณ300ชนิด แต่มีความผันแปรมาก กระจายในเขตศูนย์สูตร

เป็นไม้ไม่ผลัดใบ ใบเดี่ยว ส่วนใหญ่เรียงแบบวนรอบ ขอบใบเรียบ มักมีเส้นใบที่โค้งงอมาก กลีบเลี้ยงเชื่อมเป็นรูปถ้วย4ข5พูมักจะติดไปจนถึงติดผล กลีบดอก4-5กลีบ(น้อยชนิดที่จะไม่มีกลีบดอก) ไม่ซ้อนกันปลายแหลม มักโค้งเข้าหากลางดอก เกสรผู้4-5อัน รังไข่อาจมีหรือไม่มีหมอนรอง มีชั้นหุ้มเมล็ดแข็ง มีเนื้อบาง

ตัวอย่างชนิดพืชในวงศ์นี้

บ่อม Gomphandra tetrandra

หมักฟักดง Apodytes dimidiata

งุ้นผึ้งดำ Nothapodytes foetida

มะขม Pittosporopsis kerrii

มะขม Pittosporopsis kerrii
มะขม งุ้นผึ้งดำ Nothapodytes foetida
บ่อม Gomphandra tetrandra
หมักฟักApodytes dimidiata หมักฟักดง

IRIDACEAE

กลุ่มไม้หัวชอบขึ้นในที่ชื้นใบแบนบาง ดอกมักจะคล้ายพวกไอริส แกลดิโอลัส ว่านหางช้าง

ว่านหอมแดง ว่านแม่ยับ

มีประมาณ 90 สกุล  800 ชนิด เป็นพืชล้มลุก อายุหลายปี มีลำต้นใต้ดินเป็นหัว ช่อดอกใหญ่ สีสด เป็นไม้ดอกประดับ เติบโตได้ดีในเขตร้อนและเขตอบอุ่น ลำต้นเป็นหัวใต้ดิน บางชนิด มีขนาดใหญ่พอสมควร มีกลุ่มใบงอกขึ้นมาเจริญบนดิน ใบเดี่ยว ขึ้นเป็นกระจุกติดดิน ใบเรียวแคบ โค้งยาวเส้นใบขนานตามยาว โคนก้านใบห่อประกบซ้อนกันแบบพัดคลี่

ช่อดอก เป็นช่อดอก ขนาดใหญ่ สีสดสวยงามมาก ก้านช่อยาว ดอกย่อยมีกลีบประดับ 2 กลีบหรือมากกว่าขนาดใหญ่รองรับไว้ สมบูรณ้พศกลีบรวม มี 6 กลีบ แบ่งเป็น 2 ชั้นๆ ละ 3 กลีบ มีลักษณะคล้ายกัน โคนกลีบรวมมักเชื่อมรวมกัน ตัวอย่างชนิดพืชในวงศ์นี้ได้แก่

ว่านแม่ยับ Iris collettii

ว่านหอมแดง Eleutherine americana

ว่านหางช้าง Belamcanda chinensis

ไอริสน้ำ Neomarica longifolia

ว่านดาบนารายณ์ Neomarica northiana

Gladiolus tristis ซ่อนกลิ่นฝรั่ง

Gladiolus byzantinus แกลดีโอลัสสีม่วงแดง

Gladiolus segetum แกลดีโอลัสสีม่วงแก่

ว่านแม่ยับ ว่านแม่ยับ ไอริสน้ำ ไอริสน้ำ
วานหางช้าง ว่านหางช้าง ว่านดาบนารายณ์ ว่านดาบนารายณ์
ว่านหอมแดง ว่านหอมแดง ไอริสน้ำ แกลดิโอลัส

IRVINGIACEAE(วงศ์ไม้กระบก)

IRVINGIACEAE

(IRVING)

วงศ์กระบกมี สมาชิกเพียง 3 สกุล จำนวนประมาณ 10 ชนิด มีเขตการกระจายพันธุ์เฉพาะในแอฟริกาและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในไทยพบเพียงสกุลเดียวคือ สกุลกระบก Irvingia

ไม้ ต้นหรือไม้พุ่ม ใบเดี่ยวขอบใบเรียบ มีหูใบชัด จะเห็นรอยแผลเป็นของหูใบ ช่อดอกเป็นช่อกระจะ ช่อแยกแขนง หรือช่อเชิงหลั่น

ดอกมีขนาดเล็กขนาดเท่ากัน สมบูรณ์เพศหรือแยกเพศ กลีบเลี้ยง4-5กลีบซ้อนเหลื่อม เกสรเพศผู้5-10หรือ20 ก้านเกสรบาง อับเรณูเล็ก มีฐานจานดอกชัดเจน รังไข่อยู่เหนือส่วนต่างๆของดอก มี2 ผลใหญ่ เป็นผลเดียว เมล็ดแข็ง หรือผลมีปีกเดียวหรือเป็นผลแห้ง แตก 5แฉก เมล็ดรูปรี เช่น กระบก Irvingia malayana

กระบก ดอกกระบก ลูกกระบก

LABIATAE(วงศ์กระเพรา)

LABIATAE

(LAB)

หรือ LAMIACEAE ทั่วโลกมีประมาณ 238สกุล 6,500ชนิด ประเทศไทยพบประมาณ40สกุลไม้พุ่มและไม้ล้มลุกที่ใบมีกลิ่นหอม

ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม กิ่งก้านมักเป็นเหลี่ยมใบออกตรงข้ามแต่ละคู่ตั้งฉากกัน ดอกเป็นหลอด ปลายรูปปากเปิด ผลแบบผลแห้งแล้วแตก

ได้แก่ หูเสือ สะระแหน่ โหระพา แมงลัก พิมเสน ฤาษีผสม สำมะงา 

คนทีสอ คนทีสอทะเล คนทีเขมา

สำมะงา แมงลัก กระเพรา

เนียมหูเสือ สะระแหน่ ฤาษ๊ผสม

คนทีสอ คนทีสอทะเล คนทีเขมา
 หญ้าหนวดแมว สาวสันทราย มาลัยนงนุช กัญชาเทศ
มังกรคาบแก้ว พวงแก้วแดง ม่วงมณี

LAURACEAE(วงศ์อบเชย)

LAURACEAE

(LAURA)

ทั่วโลกมี20สกุลสว่นใหญ่กระจายอยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และศูนย์สูตรของมวีปอเมริกา ส่วนใหญ่เป็นไม้ไม่ผลัดใบ

เป็นไม้ต้นและไม้พุ่มที่มีน้ำมันหอมระเหย เปลือกต้นชั้นนอกบาง เปลือกชั้นในมีกลิ่นหอม มักมียาง ใบเดี่ยวหนาเหนียวเหมือนแผ่นหนัง มักเรียงวนรอบกิ่ง ขอบใบเรียบ ดอกขนาดเล็ก  สีเขียว ขาว หรือเหลือง สมบูรณ์เพศ หรือแยกเพศแยกต้น อับเรณูเปิดโดยฝาเปิด

ผลมีเนื้อบางๆเมล็ดขนาดใหญ่ ก้านผลมักจะพองออก มีชั้นกลีบเลี้ยงยังคงติดอยู่ที่ฐาน  เช่น อบเชย การบูร อโวคาโด หมีเหม็น

แหลบุก Phoebe lanceolata

อโวคาโด Persea americana

หมีเหม็น Litsea glutinosa   

อบเชย Cinnamomum iners   

ทังใบช่อ Nothaphoebe umbelliflora  

ขมิ้นต้น Alseodaphne nigrescens 

เทพทาโร Cinnamomum porrectum    

ตะไคร้ต้น Litsea cubeda 

การบูร Cinnamomum verum

อโวคาโด หมีเหม็น
แหลบุก อบเชย Cinnamomum iners

ตองลาด Actinodaphne ทังใบช่อ ขมิ้นต้น Alseodaphne nigrescens เทพทาโร

อบเชย Cinnamomum iners การบูร Cinnamomum verum ตะไคร้ต้น Litsea cubeda

LECYTHIDACEAE

LECYTHIDACEAE

(LECY)

ไม้ ต้นและไม้พุ่ม ใบเดี่ยวเรียงสลับ ดอกเด่นขนาดใหญ่ สมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยงมี4-6กลีบ เกสรเพศผู้จำนวนมากเรียงหลายชั้น ผลเปลือกแข็งคล้ายเนื้อไม้

ได้แก่สาละลังกา บัวสวรรค์

สาละ ลูกปืนใหญ่ ดอกสาละ บัวสวรรค์ บัวสวรรค์
LEEACEAE

LEEACEAE

(LEEA)

ไม้ ต้นหรือไม้พุ่ม มักมีรอยแผลใบรอบลำต้น ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่1-2ชั้น ใบเรียงสลับ ช่อดอกออกที่ปลายกิ่ง ช่อกระจุกหลายชั้น กลีบเลี้ยงรูปกรวยคว่ำ กลีบแยกตั้งแต่ดอกยังตูม วงกลีบดอกเชื่อมกัน มีเกสรเพศผู้5อัน

ผลรูปทรงกลมแบบมี4-6พู ได้แก่ พญากาสัก ฉัตรแก้ว ฉัตรนาค กะตังใบ กะตังใบแดง

ฉัตรแก้ว ฉัตรแก้ว กะตังแดง

กะตังใบ เขืองLeea rubra ฉัตรนาค พญากาสัก พญากาสัก

LILIACEAE(วงศ์ปริก)

LILIACEAE

( LIL)

ประมาณ 250 สกุล  4,000 ชนิด เป็นพืชล้มลุก อายุหลายปี มีลำต้นใต้ดินหรืออยู่เหนือดิน ถ้าเป็นลำต้นเหนือดิน จะมีเนื้อไม้อยู่บ้าง บางชนิดอาจเป็นไม้เลื้อย ถ้าเป็นลำต้นใต้ดิน จะมีลักษณะเป็นเหง้า ใบเป็นใบเดี่ยวรูปใบหอก ปลายใบอาจเป็นมือ ใบติดเรียงแบบสลับหรือออกรอบข้อ มีบางชนิดออกแบบตรงกันข้าม โคนก้านใบแผ่กางออกเล็กน้อย

ดอกสมบูรณ์เพศ ออกเป็นช่อกระจุกหรือบางชนิดเป็นดอกเดี่ยว


ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้ได้แก่

Aloe barbadensis หางจระเข้
Asparagus meyeri ปริกหางกระรอก
Asparagus plumosua โปร่งฟ้า
Asparagus sprengeli ปริก
Asparagus officinalis หน่อไม้ฝรั่ง
Chlorophytum elatum ว่านเศรษฐี
Gloriosa superba ดาวดึงส์ ดองดึง
Haworthia spp. ม้าประเภทต่างๆ
Hemerocallis flava ดอกไม้จีน, Lilium bakerianum var. bakerinum ลิลี่ดอยดอกขาว, Lilium prumilinum var.burmanicum เจ้าแตรวง

ลิลลี่ ว่านหางจระเข้ ดองดึงส์
โปร่งฟ้า ปริกหางกระรอก กำแพงเงิน เศรษฐีเรือนนอก
Lily เจ้าแตรวงLilium prumilinum ลิลลี่ดอยดอกขาว

LOGANIACEAE (วงศ์กันเกรา)

LOGANIACEAE

( LOGAN )

ไม้วงศ์นี้ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอบอุ่น มีประมาณ  20  สกุล  400  ชนิด  กระจายพันธุ์ในประเทศไทย  6  สกุล  27  ชนิด  มีทั้งไม้ต้น  ไม้พุ่ม  ไม้เถาเลื้อย  และพืชล้มลุก 

ใบ  เดี่ยว  ออกตรงข้ามกันเป็นคู่  หูใบมักติดกับก้านใบบางครั้งเชื่อมกันเป็นรูปถ้วย  ดอก  สมบูรณ์เพศ  มีตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่  และในบางชนิดก็มีดอกขนาดใหญ่มาก  มีทั้งดอกที่เกิดเดี่ยว ๆ และเกิดรวมกันเป็นช่อตามง่ามใบใกล้ยอด  และตามปลายกิ่ง  กลีบรองดอก  4-5  กลีบ  โคนกลีบมักเชื่อมติดกันกลีบดอกมักเชื่อมติดกันเป็นรูปแตร  ปลายแยก  5  กลีบ  เกสรเพศผู้มีจำนวนเท่ากับจำนวนของกลีบดอก  และมีก้านยาวโผล่พ้นหลอดของกลีบดอกเมื่อดอกบาน  ผลเป็นผลสด  มีเมล็ดมาก

ตัวอย่างพืชวงศ์นี้ได้แก่ ราชาวดี โกงกางเขา กันเกรา

ราชาวดี ราชาวดี กันเกรา แก้วมุกดา โกงกางเขา
LYCOPODIACEAE

LYCOPODIACEAE

( LYCOP)

พืช ที่มีวิวัฒนาการต่ำกว่าเฟิน เป็นไม้เนื้ออ่อนขึ้นบนดินหรือเป็นพืชอิงอาศัย ลำต้นตรงหรือทอดเลื้อย หรือห้อยลง มักแตกกิ่งเป็นรูปส้อม

ใบมีขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายเกล็ดหรือเข็ม มีเส้นใบ 1 เส้นเวียนสลับซ้อนทับหรือกึ่งเป็นวงรอบข้อ สปอโรฟิลล์ (ใบที่สร้างอวัยวะสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ)มีลักษณะคล้ายหรือแตกต่างจากใบที่ ไม่สร้างสปอร์และเรียงซ้อนกันเป็นโครงสร้างพิเศษ อับของสปอร์ที่เกิดที่ซอกของสปอรโรฟิลล์ สปอร์มีแบบเดียว แกมมีโตไฟต์มีหรือไม่มีคลอโรฟิลล์ 

พืชในวงศ์นี้แบ่งเป็น4สกุล ในประเทศไทยมีอยู่ 3สกุลได้แก่ Huperzia, Lycopodiella และ Lycopodium ได้แก่ สร้อยนางกรอง ช้องนางคลี่ ยมโดย สามร้อยยอด

Huperzia carinata

สร้อยนางกรอง

Huperzia squarosa

ช้องนางคลี่

Lycopodium phlegmeria

ยมโดย

Lycopodium complanatum

สามร้อยยอดใบแบน

Lycopodiella cernua

สามร้อยยอด

LYTHRACEAE(วงศ์ตะแบก)

LYTHRACEAE

(LYTH)

มีประมาณ 26 สกุล 552 ชนิด เป็นไม้ล้มลุก ไม้พุ่ม หรือไม้ยืนต้น

บางชนิดตามกิ่งก้านอาจมีหนามแข็งใหญ่ โคนต้นมักเป็นพูพอน ผิวเปลือกของลำต้นและกิ่งมักเรียบเป็นแผ่น หรืออาจเป็นสะเก็ดเมื่อลอกเปลือก บาดแผลจะมีสีม่วง

ใบเรียงสลับหรือเรียงเป็นวงรอบ ดอกเด่น ฐานดอกรูปกรวยมีกลีบดอกกว้างมีก้านกลีบดอก มีจำนวนมาก เมล็ดนูนแบน อาจมีปีกครีบ ไม่มีอาหารสะสมต้นอ่อนในเมล็ดตรง เช่น หลิวไต้หวัน ตะแบก เสลา อินทนิล

ตัวอย่างพรรณไม้ในวงศ์นี้


  ตะแบกเกรียบ  (Lagerstroemia balansae )
  ตะแบกแดง (Lagerstroemia calyculata)
  ตะแบก (Lagerstroemia cuspidata)
  ตะแบกนา (Lagerstroemia floribunda)
  ยี่เข่ง (Lagerstroemia indica)
  อินทรชิต ( Lagerstroemia loudonii)
  อินทนินบก (Lagerstroemia macrocarpa)
  อินทนินน้ำ (Lagerstroemia speciosa)
  เสลา (Lagerstroemia tomentosa)
  เสลาเปลือกบาง (Lagerstroemia venusta)
  เสลาเปลือกหนา (Lagerstroemia villosa)
  เทียนกิ่ง (Lawsonia inermis)

อินทนินบก

เสลา

ตะแบก

หลิวไต้หวัน

ตะแบกอินเดีย

เทียนกิ่งขาว

เทียนกิ่งแดง

ตะแบกนา

อินทนินน้ำ

MAGNOLIACEAE (วงศ์ไม้จำปา)

MAGNOLIACEAE

(MAG)

มี 12 สกุล ประมาณ 210 ชนิดพันธุ์ ในประเทศไทยมี 7 สกุล ประมาณ 16 ชนิด

ไม้ ต้น ไม้พุ่ม ใบเดี่ยวเรียงสลับ ส่วนใหญ่มีขอบใบเรียบ มีเกล็ดตา หุ้มยอดและหลุดร่วงเมื่อใบคลี่ออก ดอกเดี่ยว ขนาดใหญ่ ออกที่ปลายกิ่งตามซอกใบ กลีบจำนวนมากมีลักษณะคล้ายกลีบเลี้ยงทั้งหมด เกสรเพศผู้จำนวนมากเวียนสลับ รังไข่เหนือวงกลีบ ผลเป็นฝักแตกแนวเดียว ผลไม่แตก

ผลมีเนื้อหลายเมล็ด หรือผลปีกเดียว เช่น จำปี จำปา มณฑา ยี่หุบ

ทังเก Aromadendron elegans
จำปีเขา Magnolia craibiana
มณฑาป่า Manglietia garretii
จำปี Michelia alba
จำปา Michelia champaca
จำปีแขก Michelia figo
จำปีหลวง Michelia rajaniana
จำปาป่า Paramichelia baillonii
มณฑา Talauma candollii
มณฑาดอย Talauma hodgsonii
ยี่หุบปลี Talauma siamensis

จำปี มณฑา ยี่หุบ จำปา

จำปีแขก แมกโนเลียเลนไน แมกโนเลีย

ทังเก

จำปีป่า

มณฑิรา

มณฑิรา Magnolia insignis

มณฑาสวรรค์

จำปาแดง

จำลา

MALVACEAE (วงศ์ฝ้าย)

มีประมาณ 85 สกุล ประมาณ 1,500 ชนิดเป็นไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มเนื้ออ่อน มีอายุปีเดียวหรือหลายปี บางชนิดเป็นไม้ยืนต้น ส่วนอ่อนของพืชมีขนอ่อนปลายหลายแฉก เปลือกในมีใยเหนียวมียางเมือก

ใบเดี่ยว ติดเรียงแบบสลับ ตัวใบอาจมีขนนุ่มคลุมขอบใบเป็นจักฟันเลื่อยหรือขอบเรียบ ดอกมีทั้งแบบดอกเดี่ยว เป็นพวงหรือเป็นช่อ เกิดที่ปลายยอดหรือซอกกิ่ง มีวงริ้วประดับ รองรับดอก

ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยง มี 5 กลีบ ติดกันเป็นรูปถ้วย ปลายแยก 5 แฉก สีเขียว กลีบดอก มี 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกับหลอดกลุ่มเกสรตัวผู้ กลีบมีสีสด มักบิด ชายกลีบมักเป็นลอนย่นและเป็นจัก เกสร ตัวผู้ มีจำนวนมาก ก้านเกสรมีสีและเชื่อมรวมกันเป็นหลอดหุ้มล้อมก้านเกสรตัวเมีย

ตัวอย่างชนิดพืชในวงศ์นี้ได้แก่

Abelmoschus esculentus กระเจี๊ยบมอญ
Abelmoschus manihot บ่อแก้ว
Abutilon hirtum ครอบจักรวาล
Althaea rosea ฉัตรทอง,ฮอลลีฮ้อค
Decaschistia harmandii ฝ้ายป่า
Decaschistia siamensis ปอไทย
Gossypium barbadense ฝ้ายเทศ
Gossypium herbaceum ฝ้าย
Hibiscus cannabinus ปอแก้ว
Hibiscus macrophyllus ปอหู
Hibiscus mutabilis พุดตาน
Hibiscus rosa-sinensis ชบา
Hibiscus subdariffa กระเจี๊ยบแดง
Hibiscus schizopetalus พู่ระหง
Hibiscus syriacus ชบาจีน
Hibiscus tiliaceus ปอทะเล
Malvaviscus pilosus ชบาหนู
Sida acuta หญ้าขัดมอญ
Thespesia populnea โพทะเล
Urena lobata ขี้ครอก, Hibicus grewiifolius พันตะวัน

พุดตาน Hibiscus mutabilis  พุดตาน Gossypium barbadense ฝ้ายเทศ
ปอต่อม ทองพันดุล หัวไก่โอก โพทะเล Thespesia populnea
หงอนไก่ทะเล พันตะวัน ชบาหนู ปอหู

ปอทะเล กระเจี๊ยบแดง  กระเจี๊ยบมอญ

ชบาไทย ชบาญี่ปุ่น ชบาจีน


MALPIGHIACEAE(วงศ์พวงทอง)

MALPIGHIACEAE

(MALP)

ประมาณ 60 สกุล 850 ชนิด เป็นไม้เขตร้อน มีทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม และไม้เลื้อย อาจมีขนอ่อนคลุม ใบเดี่ยว ติดเรียงแบบตรงกันข้าม มีเยื่อก้านใบ ที่ก้านใบอาจเป็นข้อต่อ มีต่อมสร้างน้ำยางหนืดเหนียว

ช่อดอก มีหลายแบบ มีกลีบประดับรองรับช่อดอก ดอกย่อยสมบูรณ์เพศ ดอกออกเป็นกลุ่มเห็นชัด กลีบรอง มี 5 กลีบ แยกกันหรือติดกันเล็กน้อยที่ฐาน มีอายุคงทนมีต่อมสร้างน้ำยางเหนียว กลีบดอก มี 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน เนื้อกลีบย่น ขอบจัก กลีบคอดโค้ง เกสรตัวผู้ มี 10 อัน ติดกันที่ฐาน แยกเป็น 2 วง บางอันเป็นหมัน เกสรตัวเมีย มีรังไข่ 1 อัน ภายในมี 3 ห้อง แยกกันหรือเชื่อมรวมกัน

ตัวอย่างชนิดพืชในวงศ์นี้ ได้แก่

ก่ายกอมเครือ (Aspidopterys tomentosa)

Hiptage monopteryx โนรีเกาะช้าง

Hiptage detergens โนรีปัน หยี 

Hiptage bengalensis โนรา 

Hiptage lucida โนรี

Tristellateia australasiae พวงทองเครือ ระคนทอง

Mascagnia macroptera พวงทองปีกผีเสื้อ ทองนพคุณ

Malpighia coccigera ชา ปัตตาเวีย

Malphigia glabra เชอรี่ไทย

ก่ายกอมเครือ (Aspidopterys tomentosa) ก่ายกอมเครือ ก่ายกอมเครือ

โนรา โนรา โนรี

โนรีปันหยี โนรีเกาะช้าง พวงทองเครือ ระคนทอง 

เชอรี่ไทย ชาปัตตาเวีย พวงทองเถา พวงทองปีกผีเสื้อ 

MARANTACEAE(วงศ์คล้า)

MARANTACEAE

(MARAN)

ประมาณ 30 สกุล 400 ชนิด ส่วนใหญ่อยู่ในเขตร้อนของอเมริกา

เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีอายุหลายปี มีลำต้นใต้ดิน ภายในสะสมสารพวกแป้งไว้มาก ลำต้น เป็นเหง้าฝังหัวลงดินหรือทแยง มีใบเกล็ดคลุมไว้เป็นช่วงซ้อนเหลื่อมกัน ใบงอกจากลำต้นใต้ดินขึ้นมา

ใบกว้างเด่น โคนก้านใบแผ่ออกเป็นกาบหุ้มประกบกันเป็นแนวซ้อนคล้ายพัดคลี่ ช่วงต่อระหว่างก้านใบกับแผ่นใบมีแนวเนื้อเยื่อพองนูนขวางเป็นคันคั่นอยู่ เนื้อใบอาจมีลวดลายของสีปรากฏอยู่ ช่อดอก มีกลีบประดับหุ้มช่อดอกไว้

ดอกย่อยสมบูรณ์เพศ ขนาดดอกเล็ก กลีบเลี้บง มี 3 กลีบ แยกกัน กลีบดอก มี 3 กลีบ เชื่อมติดกันเป็นหลอดที่ฐาน กลีบดอกสีขาวขนาดไม่เท่ากัน บางพันธุ์ของไทยมีสีม่วงน้ำเงิน ตัวอย่างขนิดพืชในวงศ์นี้ ได้แก่ คล้าชนิดต่างๆ

คล้า ม้าลาย Calathea zebrine

โรสคาลาเทีย Calathea warscewiczii 

แววมยุรา Calathea makayana

เรดซิบริน่า Calathea ecuadoriana

สาคูด่าง Maranta arundinacea 

คล้าน้ำ Thali geniculata 

เสน่ห์ขุนแผน Calathea 'Sandriana'

ว่าน แสงอาทิตย์เล็กStromanthe sanguine

ตะขาบทอง Calathea crotalifera

ถุงเงิน Calathea vaginata 

กาเหว่าลาย Calathea lancifolia

Calathea ecuadoriana Calathea warscewiczii Ctenanthe burle-marxii ถุงเงิน Calathea vaginata
Calathea makayana Calathea vaginata สาคูด่าง Calathea zebrina
Ctenanthe oppenheimiana Stromanthe sanguinea Calathea 'Sandriana' แววมยุรา 
Calathea crotalifera Calathea crotalifera คล้าน้ำ Thali geniculata Calathea lancifolia

MARATTIACEAE (วงศ์กีบแรด)

MARATTIACEAE

(MARAT)

 เป็นเฟินที่ขึ้นบนดิน ใบเกลี้ยง ก้านใบมีโครงสร้างคล้ายหูใบ เจริญที่โคน มี3สกุลได้แก่ สกุลว่านกีบแรด(Angiopteris) สกุลว่านหญ้าแฝก และสกุล Marattia

เฟินสกุลนี้มีประมาณ60ชนิดกระจายอยู่ในเขตร้อนและเขตกึ่งร้อนทั่วโลก ซึ่งพบในประเทศไทยเพียงชนิดเดียวคือ Marattia sambucina  พบในป่าดิบเขาหลวง นครศรีธรรมราชเท่านั้น

ว่านกีบแรด (Angiopteris evecta)


MELASTOMATACEA(วงศ์โคลงเคลง)

MELASTOMATACEAE

(MELAS)

ทั่วโลกพบ 211 สกุล 3,000ชนิด  ส่วนใหญ่เป็นไม้ล้มลุกเขตร้อน ในประเทศไทยมี15สกุล มีทั้งเป็นไม้พุ่มและไม้ต้น

ใบจะออกตรงกันข้าม หรือออกเป็นวงรอบต้น เส้นใบหลักขนานกัน กลีบดอกเด่นสะดุดตา รังไข่เชื่อมติดกับฐานดอก มีรยางค์ยื่นออกมาตรงโคนอับเรณู

ผลแห้งแบบแก่แล้วแตกหรือมีเนื้อหลายเมล็ด

ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้  เช่น โคลงเคลง สร้อยระย้า มังเคร่ช้าง

พันซี Soneria erecta, สาวสวรรค์ Soneria griffithii, สาวสนม Soneria reflexa

โคลงเคลง Melastoma malabathricum L. subsp. Malabathricum

มังเคร่ช้าง Melastoma sanguineum 

โคลงเคลงผลแห้ง Melastoma pellrgrinianum 

โคลงเคลงยวน Melastoma saigonense  

โคลงเคลงขนต่อม Clidemia hirta

พลองขี้ควาย Memecylon caeruleum

เหมือดจี้ดง Memecylon plebejum

เหมือดจี้ Memecylon scutellatum 

เอนอ้าหิน Osbeckia thorelii 

เอนอ้าขน หรือ จุกนารี Osbeckia stellata 

เอนอ้า Osbeckia chinensis   

เอนอ้าน้ำ Osbeckia nepalensis

พลองใบเอียด Memecylon lilacinum

โคลงเคลงตัวผู้ Osbeckia cochinchinensis

เอ็นอ้าขน เอ็นอ้าขน โคลงเคลงขี้นก โคลงเคลงขน

โคลงเคลง โคลงเคลง ม่วงมงคล

มังเคร่ช้าง สาวสนม Soneria reflexa พันซี Soneria erecta
เหมือดจี้ดง   สาวสวรรค์ Soneria griffithii เหมือดจี้ Memecylon scutellatum


MELIACEAE (วงศ์ไม้กระท้อน)

MELIACEAE

(MEL)

มีประมาณ 50 สกุล 1,400 ชนิดเป็นไม้ยืนต้นหรือไม้พุ่ม ส่วนใหญ่เป็นไม้เนื้อแข็ง ไม่ผลัดใบหรือผลัดใบระยะสั้น มักมียางขาวหรือน้ำยาง รากและลำต้นแผ่สาขาได้กว้างขวาง มีกลิ่น

ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ติดเรียงแบบสลับและวนรอบกิ่ง เนื้อใบไม่มีต่อมน้ำมันให้เห็น ฐานใบมักเฉียง พื้นที่ใบทั้งสองซีกไม่เท่ากัน ขอบใบอาจเป็นจักฝอย

ช่อดอก ออกที่ซอกกิ่ง ดอกย่อยสมบูรณ์เพศหรือเพศเดียว แต่อยู่ครบในต้นเดียวกันมักมีสีขาวหรือเหลือง เหนือฐานรองดอกมีเนื้อเยื่อวงขอบ กลีบรอง มี 4-5 กลีบ แยกหรือติดกันที่ฐาน กลีบดอก มี 4-5 กลีบ แยกกัน กลีบมักบิด มีสีม่วงหรือม่วงอมขาวกลีบดอกติดอยู่กับหลอดเกสรตัวผู้โดยฐานกลีบเชื่อมติดกัน

ผลแบบมีเนื้อเมล็ดขนาดเล็กบางครั้งมีปีก

ตัวอย่างชนิดพืชในวงศ์นี้

ยมแดง (Trichilla connaroides)

ลางสาด (Aglaia domestica ) 

ลองกอง (Aglaia dookkoo)

ประยงค์ (Aglaia odorata )

ประยงค์ป่า (Aglaia odorata )

ตาเสือ (Dysoxylum cochinchinense)

สะเดา( Azadirachta indica var. siamensis)

ยมหิน (Ch ukrasis velutina)   

เสียดกา (Chukrasia tabularis)

เลี่ยน (Melia azedarach)

กระท้อน Sandorium koetjape )

มะฮ็อกกานีใบใหญ่ (Swietenia macrophylla)

มะฮ็อกกานีใบเล็ก (Srietenia mahogani)

ยมหอม (Toona ciliata )

กัดลิ้น (Walsura trichostemon)

ตะบัน (Xylocarpus gangeticus )

ตะบูนขาว (Xylocarpus granatum)

ตะบูน ดำ(Xylocarpus moluccensis)

ควินิน (Azadirachta indica)  

ยมมะกอก (Chisocheton siamensis)

ยมหอม (Toona ciliata ) ประยงค์ป่า ตาเสือ ยมแดง

มะฮอกกานี กัดลิ้น กระท้อน

ดอกกระท้อน ตะบูนดำ ตะบัน ตะบูนขาว ยมหิน

เลี่ยน เกษมณี สะเดา ลางสาด
ยมมะกอก ยมมะกอก ยมหอม เสียดกา


MEMECYLACEAE

MEMECYLACEAE

(MEMEC)

ส่วนใหญ่เป็นไม้ต้นและไม้พุ่ม ใบออกตรงข้ามหรือออกเป็นวง เส้นใบหลักขนานกัน ดอกเด่นสะดุดตา ได้แก่ พลองกินลูก (Memecylon ovatum)

พลองเหมือด (Memecylon edule)

พลองกินลูก (Memecylon ovatum) พลองกินลูก พลองกินลูก

พลองเหมือด พลองเหมือด พลองเหมือด


MENISPERMACEAE

มีประมาณ70สกุล 400ชนิดไม้ เถาเนื้อแข็ง ใบหยักเป็นพูรูปนิ้วมือหรือเป็นใบมีก้นปิด เรียงสลับ ดอกมีขนาดเล็ก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกคล้ายกัน มีกลีบเลี้ยง 4-8กลีบ กลีบดอก 6-8กลีบ เกสรเพศผู้ 6 หรือมากกว่า

ผลมีเมล็ดแข็ง 1-2 เมล็ด เมล็ดเป็นรูปเสี้ยว

ตัวอย่างชนิดพืชในวงศ์นี้ได้แก่

ยางนางต้น (Cocculus laurifolius),

เถาก้นปิด Stephania hernandifolia
  ขมิ้นเครือ (Arcangelisia flava)
  กรุงเขมา (Cissampelos pareiar)
  เครือไส้ไก่ (Diploclisia glaucescens)
  เถาย่านาง (Tiliacora triandra)
  ชิงช้าชาลี (Tinospora cordifolia)
  เจตมูลหนาม (Tinospora crispa),

บอระเพ็ดพุงช้าง Stephania suberosa
  บอระเพ็ด (Tinospora nudiflora),

สบู่เลือดเถา Stephania venosa ,

บัวบก บัวกือ Stephania pierrei

บอระเพ็ด บอระเพ็ด (Tinospora nudiflora) ชิงช้าชาลี ชิงช้าชาลี

กรุงเขมา เถาก้นปิด ยางนางต้น (Cocculus laurifolius)
บัวบก บัวกือ Stephania pierrei บัวบก บัวกือ บอระเพ็ดพุงช้าง สบู่เลือดเถา
ขมิ้นเครือ   (Arcangelisia flava)

MENYANTHACEAE (วงศ์บัวบา)

MENYANTHACEAE

(MENYA)

บางตำราใช้ชื่อวงศ์ว่า Gentianaceae เป็นพืชล้มลุกอายุปีเดียวหรือหลายปี ลำต้นมีทั้งเป็นเหง้าแข็งใต้ดิน หรือเป็นไหลเลื้อยไปตามดิน หรือ ตามผิวน้ำ ใบเดี่ยวหรือใบประกอบเวียนสลับ โคนก้านใบแผ่เป็นกาบใบใบแตกจากลำต้นแบบตรงข้าม แบบสลับ หรือเวียนรอบข้อ และบางอย่างอาจแตกเป็นกอ

ดอกสมบูรณ์เพศสมมาตรตามรัศมี ดอกเดี่ยว หรือเป็นช่อดอกแบบต่างๆ กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันหรือแยกกันมี5กลีบ ขอบมักหยักหรือเป็นริ้ว ก้านเกสรเพศผู้อยู่บนหลอดดอก รังไข่เหนือวงกลีบ หรือกึ่งใต้วงกลีบ ผลแห้งแตกหรือผลมีเนื้อหลายเมล็ด เช่น บัวบา ตับเต่าเล็ก

บัวบา

บัวบา

ตับเต่าเล็ก

บัวบาดอกเหลือง


MIMOSACEAE(วงศ์ไม้สีเสียด)

MIMOSACEAE

(MIMO)

มีประมาณ 56 สกุล ประมาณ 2,800 ชนิด เป็นไม้ ต้นหรือไม้พุ่ม ที่เป็นไม้ล้มลุกมีน้อย  และที่เป็นพืชน้ำซึ่งมีเยื่อนวมน้ำลำต้น บางชนิดเป็นไม้เลื้อย บางชนิดตามลำต้นมีหนาม

ใบมักเป็นใบประกอบออกตรงข้าม ดอกออกตามซอกใบหรือปลายกิ่งของช่อดอก สมมาตรตามรัศมี สมบูรณ์เพศ มีใบประดับรองรับดอก กลีบเลี้ยงติดกัน5กลีบ และแยกเป็นแฉกตอนปลาย กลีบดอก5ติดกันหรือแยกกัน

ผลเป็นฝัก อาจแตก หรือไม่แตก เมล็ดร๔ปไข่หรือรูปกลมหรือแบน

ตัวอย่างชนิดพืชในวงศ์นี้

  กระถินณรงค์ (Acacia auriculiformis)
  สีเสียด (Acacia catechu)
  ชะอม (Acacia pennata-insuavis)
  ส้มป่อย (Acacia rugata)
  กระถินพิมาน (Acacia tomentosa)
  มะกล่ำ (Adenanthera pavonina)
  คาง,ซึก (Albizia lebbeck)
  ชะเอมไทย (Albizia myriophylla)

กระถินณรงค์

ชะเอมไทย

สีเสียด

มะกล่ำต้น

จามจุรี

ส้มป่อย

กระถินเทศ

ฝักกระถินเทศ


MORACEAE (วงศ์ไทร)

MORACEAE

(MOR)

มี 55 สกุล ประมาณ 2,300 ชนิด พืช วงศ์ไทร มีทั้งไม้ต้น ไม้พุ่มและไม้เลื้อยหรือไม้อิงอาศัย ทุกส่วนของพืชมีน้ำ ยางขาวข้น (latex) บางชนิดมีการผลัดใบ

ใบเป็นใบเดี่ยว ผิวใบด้านล่างค่อนข้างหยาบ ขอบใบเรียบ บางชนิดอาจเป็นคลื่นหรือเป็นจักแฉกเว้าลึกติดเรียงแบบสลับมีแผ่นเยื่อก้านใบ 2 แผ่น ติดประกบก้านใบหรือหุ้มตาไว้เห็นชัดเจน เมื่อหลุดร่วงจะเห็นเป็นรอยวงรอบก้าน

ช่อดอก ออกที่ซอกใบ ปลายกิ่ง ลำต้นหรือรากที่โผล่พ้นผิวดิน ดอกย่อยมีเพศเดียว ช่อดอกตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าช่อดอกตัวผู้ กลีบรวม มีลักษณะเป็นกลีบรอง จำนวน 4 กลีบ ติดเป็น 2 วง เกสรตัวผู้ มี 4 อัน ติดตรงกันข้ามกับกลีบรอง ก้านเกสรยาว

ผล เป็นได้หลายแบบตามชนิดพืช และเป็นผลรวม เมล็ดฉ่ำน้ำ มีอาหารสะสม

ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้

 สาเก (Artocarpus altilis)
 ขนุน (Artocarpus heterophyllus)
 มะหาด (Artocarpus lakoosha)
 กร่าง (Ficus altissima)
ไทร( Ficus annulata)
 ยางอินเดีย( Ficus elastica )
 มะเดื่อหอม, มะเดื่อขม( Ficus hirta)
 มะเดื่ออุทุมพร( Ficus racemosa)
หม่อน (Morus alba)
 ข่อย (Streblus asper)
ไทรเถา,ไทรตีนตุ๊กแก (Ficus pumila)

ไทรคอมแพค

ขนุน

สาเก

สาเก

มะเดื่ออุทุมพร

ตีนตุ๊กแก

ไทร

มะหาด


MORINGACEAE(วงศ์ไม้มะรุม)

MORINGACEAE

(MORING)

กระจายพันธุ์ในเขตร้อน ประเทศไทยมี1ชนิด

เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก ไม่ผลัดใบ  ไม้ ต้นที่มีลำต้นหนาและเปลือกมียาง หรือไม้พุ่ม ใบประกอบแบบขนนก3ชั้น ใบย่อยเรียงกันแบบตรงข้าม

ช่อดอกออกตามซอกใบ ดอกสีขาวหรือครีมหรือสีแดง ดอกสมบูรณ์เพศมีกลีบเลี้ยง 5กลีบ ผลแห้งแตกเป็นฝักแคบยาว เมล็ดมี3ปีก ได้แก่ มะรุม


MUSACEAE (วงศ์กล้วย)

MUSACEAE

(MUSA)

มี3สกุล ประมาณ50ชนิด เป็นไม้ล้มลุกเขตร้อน

มีลำต้นใต้ดินเป็นเหง้าขนาดใหญ่แตกหน่อได้ง่ายกาบก้านใบแผ่ประกบกันขึ้นเป็นลำคล้ายลำต้นที่สูงและแข็งแรง ใบขนาดใหญ่ก้านใบอวบน้ำอัดซ้อนกันเป็นลำต้นเทียม เนื้อเยื่อก้านใบเป็นโพรงพรุน มีน้ำยางใสสีขาวเมื่อถูกลมจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลช่อดอกขนาดใหญ่เด่น

ใบประดับรูปกาบเรือ ได้แก่ กล้วยชนิดต่างๆ

กล้วยนวล

กล้วยร้อยหวี

กล้วยป่า

กล้วยบัวสีส้ม

กล้วยเสือพราน

กล้วยคุนหมิง

MYRSINACEAE (วงศ์ตาเป็ดตาไก่)

MYRSINACEAE

(MYRS)

เป็น ไม้เขตร้อนและกึ่งร้อน มีทั้งไม้ต้นและไม้พุ่ม ใบเดี่ยวเรียงสลับ เนื้อใบหนาเหมือนแผ่นหนัง ดอกสมมาตรตามรัศมี ผลมักเด่นสะดุดตา มีเมล็ดเดียว

ได้แก่ รามใหญ่ พิลังกาสา ตาเป็ดตาไก่ มะจำก้อง

รามใหญ่

ตาเป็ดตาไก่

พิลังกาสา

มะจำก้อง

MYRISTICACEAE(วงศ์ไม้เลือดควาย)

มีประมาณ400ชนิด ส่วนใหญ่จำกัดในบริเวณเส้นศูนย์สูตรชื้นของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

เป็นไม้ไม่ผลัดใบ มียางสีแดง ใบเดี่ยวเรียงสลับมักจะอยู่ในแนวระนาบ ใบหนาและเหนียวขอบใบเรียบไม่มีหูใบ ดอกเล็กแยกเพศแยกต้น ชั้นกลีบเลี้ยงมี3พูไม่ซ้อนกัน ในดอกตูมไม่มีกลีบดอก ผลสีเหลืองหรือแดงอมส้ม ผิวหนาแตกได้เป็น2พูเมล็ดขนาดใหญ่1เมล็ดมีเยื่อสีแดงหรือสีส้ม

ตัวอย่างพรรณไม้ในวงศ์นี้

หันช้าง เลือดควาย Knema erratica

เลือดควายใบใหญ่ Knema furfuracea

มะพร้าวนกกก Horsfieldia glaba  กรวย Horsfieldia irya

 เลือดควาย
Knema erratica Knema erratica Knema erratica
เลือดควายใบใหญ่
มะพร้าวนกกก


MYRTACEAE (วงศ์ไม้ชมพู่)

MYRTACEAE

(MYRT)

เป็น ไม้เขตร้อนและกึ่งร้อน วงศ์ใหญ่ที่สุดในเขตศูนย์สูตร มีสมาชิกทั่วโลกประมาณ4,620ชนิด มีทั้งไม้ยืนต้นและไม้พุ่ม เป็นไม้ไม่ผลัดใบ  เปลือกเรียบ ส่วนต่างๆ ของต้นพืชมักมีน้ำมันหอมระเหย ใบเดี่ยวเรียงแบบตรงข้ามขอบใบเรียบ เนื้อใบเหนียวหนา ผิวใบเป็นมันหรือมีขนนุ่มคลุม  มีจุดประใสบนใบดอกสมมาตรตามรัศมี มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก พืชในวงศ์นี้ได้แก่

Cleistocalyx operculatus หว้าเขา

Decaspermum cambodianum หัวแหวน
Eucalyptus citriodora ยูคาลิปตัส
Eugenia caryophyllus กานพลู
Eugenia cinerea เสม็ดแดง
Eugenia cumini หว้า
Eugenia furfuracea เสม็ดน้ำ
Eugenia grata เสม็ดชุน
Eugenia jambos ชมพู่น้ำดอกไม้
Eugenia javanica ชมพู่แก้มแหม่ม
Eugenia malaccensis ชมพู่ม่าเหมี่ยว
Eugenia paniala มะเกี๋ยง
Melaleuca leucadendra เสม็ดขาว
Syzygium siamense ชมพู่น้ำ           

ชมพู่มะเหมี่ยว

เสม็ด

ยูคาลิปตัส

กานพลู

ชมพู่น้ำ

ชมพู่น้ำ

ชมพู่แก้มแหม่ม

หว้า

ฝรั่ง

แปรงล้างขวด

หัวแหวน

เสม็ดขาว

เสม็ดแดง


NEPENTHACEA

NEPENTHACEAE

(NEPEN)

มี 1 สกุล ประมาณ 70 ชนิด เป็นไม้เขตร้อนที่มีกระเปาะดักแมลง เป็นพืชที่เกิดอยู่ในเขตแหลมมลายู หมู่เกาะทะเลใต้ ออสเตรเลียตอนเหนือหมู่เกาะเซเซลส์ และมาดากัสการ์

เป็นไม้พุ่มกึ่งล้มลุก ลำต้นทอดเอนหรือเลื้อย ใบเรียงแบบสลับ ก้านใบแผ่ขยายเป็นครีบติดต่อกับแผ่นใบ เส้นกลางใบส่วนปลายม้วนแล้วแผ่ขยายออกเป็นท่อหรือกระเปาะสีสดเพื่อล่อแมลง หรือกลายเป็นมือเกาะพันต้นไม้อื่น ตัวอย่างชนิดพืชในวงศ์นี้ได้แก่

  หม้อแกงลิง (Nepenthes ampullaria)
  หม้อฤาษี (Nepenthes gracilis)
  น้าเต้าพระฤาษี (Nepenthes kampotiana)
  เขนงนายพราน (Nepenthes mirabilis)
  หม้อพราน (Nepenthes rafflesiana)
  น้ำเต้าฤาษี (Nepenthes smilesii)
  น้ำเต้าลม (Nepenthes thorelii)

กระดึงพระราม (Nepenthes distillatoria)

เขนงนายพราน

ช่อดอก

ทรงต้น

Nepenthes mirabilis

หม้อข้าวหม้อแกงลิง (Nepenthes ampullaria)


NYCTAGINACEAE(วงศ์ไม้เฟื่องฟ้า)

NYCTAGINACEAE

(NYCT)

มี 28 สกุล ประมาณ 300 ชนิด เป็นไม้ล้มลุกและไม้เนื้อแข็ง ขึ้นได้ดีในเขตอบอุ่น ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว

ดอกไม่มีกลีบดอก ออกเป็นช่อ ช่อดอกมีหลายแบบ แต่ละดอกมักมีเพศครบและมีใบประดับที่มีสีสันสดใสไว้ใช้ล่อแมลงดอกย่อยมีรูปทรงได้สัดส่วนสมดุลย์ แต่มีขนาดเล็ก กลีบรวม มี 5 กลีบ เชื่อมติดกันเป็นหลอดหรือรูปปากแตร มีลักษณะคล้ายกลีบดอก ส่วนล่างของหลอดมีอายุคงทนหุ้มล้อม

ตัวอย่างชนิดพืชนี้ได้แก่

Bougainvillea glaba ตรุษจีน
Bougainvillea spectabilis เฟื่องฟ้า
Mirabilis jalapa บานเย็น
Pisonia aculeata คัดเค้าหมู
Pisonia grandis แสงจันทร์

เฟื่องฟ้าglaba

เฟื่องฟ้าลูกผสม

สาวิตรี

บานเย็น

แสงจันทร์

คัดเค้าหมู

คัดเค้าหมู

  
OCHNACEAE(วงศ์ไม้ตาน)

OCHNACEAE

(OCHNA)

มี 21 สกุล ประมาณ 375 ชนิด ไม้ ต้นหรือไม้พุ่มไม่ผลัดใบ ใบเดี่ยวมีหูใบ ดอกสมบูรณ์เพศ สมมาตรตามรัศมีไม่มากก็น้อย กลีบเลี้ยงติดทน กลีบดอกแยก เกสรเพศผู้จำนวนมาก รังไข่เหนือวงกลีบ ฐานดอกมักขยายใหญ่เมื่อติดเป็นผล ผลเป็นผลแห้งหรือเป็นผลเนื้อมีหลายเมล็ด เช่น ช้างน้าว มิกกี้เมาส์ ตัวอย่างชนิดพืชของวงศ์นี้

Brackenridgea hookeri นวลยุง
Gomphia serrata ช้างน้าว
Ochna integerrima ตานเหลือง
Ochna kerkii มิกกี้เมาส์

ช้างน้าว

ดอกช้างน้าว

มิกกี้เมาส์

 
OLACACEAE(วงศ์น้ำใจใคร่)

ทั่วโลกมี21สกุล120ชนิดกระจายพันธุ์ในเขตร้อนและตอนใต้ของแอฟริกา ประเทศไทยพบประมาณ3สกุล7ชนิด

เป็นไม้ต้น ไม้พุ่ม หรือไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็ง มักมีรากเบียนสำหรับดูดอาหารจากรากไม้อื่น ใบเดี่ยวเรีนงสลับ ขอบใบเรียบ ไม่มีหูใบ

ดอกแบบช่อเชิงลดมีก้านแยกแขนงเป็นช่อกระจุกแน่น ออกตามง่ามใบ ดอกเล็กสมมาตรตามรัศมี สมบูรณ์เพศ(น้อยที่จะเป็นดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น)

ผลกลมเปลือกแข็งมีเมล็ดเดียว โคนผลมักล้อมรอยด้วยกลีบเลี้ยงที่ขยายใหญ่ขึ้น เมล็ดมีเปลือกชั้นนอกบาง มีแหล่งสะสมอาหาร

ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้

Schoepfia fragrans ขี้หนอน

Anacolosa ilicoides ก่อแซะ

Olax psittacorum น้ำใจใคร่

ก่อแซะ Anacolosa ilicoides

ก่อแซะ Anacolosa ilicoides

ก่อแซะ Anacolosa ilicoides

Schoepfia fragrans ขี้หนอน Schoepfia fragrans ขี้หนอน
น้ำใจใคร่(Olax psittacorum)


OLEACEAE(วงศ์ไม้มะลิ)

OLEACEAE

(OLEA)

มี 29 สกุล ประมาณ 600 ชนิด เป็นไม้ต้น ไม้พุ่ม และไม้เถาเลื้อย

ดอกมีกลิ่นหอมขึ้นได้ดีในเขตร้อนและเขตอบอุ่น ใบออกตรงข้าม ดอกสมมาตรตามรัศมีแยกจากกันโดยเรียงตัวแบบซ้อนเกยขอบ กลีบมีสีขาวหรือเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอม

ขณะดอกตูมกลีบดอกจะบิดเวียนเล็กน้อย มีเกสรเพศผู้2อัน อยู่แยกกัน ก้านเกสรสีเขียวสอดติดอยู่ใกล้ปากหลอดกลีบด้านใน ผล มีหลายแบบทั้งเนื้อนิ่มและเนื้อแห้ง เมล็ดแข็ง มีอาหารสะสมมาก ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้ได้แก่

 จันทร์ทอง (Fraxinus floribunda) 
  มะลิวัลย์ (Jasminum adenophyllum)
  มะลิไส้ไก่ (Jasminum amplexicaule)
  มะลิเถา (Jasminum attenuatum)
  พุทธชาติ (Jasminum auriculatum)
  มะลุลี,มะลิเลื้อย (Jasminum pubescens)
  ปันหยี (Jasminum rex)
  มะลิลา (Jasminum sambac)
  ข้าวสารหลวง (Ligustrum robustum)
  กระโดงแดง (Linociera microstigma  

  อวบดำ                                                      

มะลิลา

มลุลี

มะลิหลวง

มะลิเถา

มะลิวัลย์

พุทธชาด

อวบดำ

จันทร์ทอง


ONAGRACEAE (ไม้วงศ์แพงพวย)

ONAGRACEAE

(ONA)

มี 38 สกุล ประมาณ 650 ชนิด มีถิ่นกำเนิดในอเมริกา

อายุปีเดียวหรือข้ามปี บางชนิดเป็นไม้พุ่มบางชนิดเป็นพืชน้ำซึ่งมักมีนวมหุ้มราก ใบเป็นใบเดี่ยว ติดเรียงแบบสลับหรือตรงกันข้าม อาจมีหรือไม่มีเยื่อก้านใบ

ดอก เป็นดอกเดี่ยว หรือเป็นช่อ ดอกเด่นสะดุดตา มีสี่กลีบ รังไข่อยู่ใต้วงกลีบดอก ผล เป็นแบบแคปซูล เมล็ดมีจำนวนมาก ผิวเมล็ดอาจมีปุยขนละเอียดสั้นๆ หุ้มหนาแน่น ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้ ได้แก่

กระจับแก้ว (Ludwigia sedioides) 

เทียนนา (Fissendocarpa linifolia)                                               
แพงพวยน้ำ (Jassiaea repens)
หญ้ารักนา (Jussiaea suffruticosa)
พญารากดำ (Ludwigia parviflora)

ดอกแพงพวยน้ำ

แพงพวยน้ำ

พญารากดำ

หญ้ารักนา

เทียนนา


ORCHIDACEAEZ(วงศ์กล้วยไม้)

ส่วน ใหญ่เป็นพวกพืชอิงอาศัย มีลำต้นเทียมอวบน้ำ หรือที่เรียกว่า ลำลูกกล้วย

ดอกสีสดใส มีกลิ่นหอม กลีบเลี้ยงมี3กลีบ กลีบดอก3กลีบ ซึ่ง 1กลีบจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นปากหรือกระเป๋า เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียรวมกันเป็นหนึ่งเดียวซึ่งเรียกว่าเส้าเกสร ได้แก่ กล้วยไม้ชนิดต่างๆ

กล้วยไม้ เป็นพืชดอกที่มีความหลากหลายมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง โดยมีประมาณ 880 สกุล และประมาณ 22,000 ชนิด ที่มีการยอมรับ(อาจมากกว่า 25,000 ชนิด) คิดเป็น 6–11% ของพืชมีเมล็ด

มีการค้นพบราวๆ 800 ชนิดทุกๆปี มีสกุลใหญ่ๆคือ Bulbophyllum (2,000 ชนิด), Epidendrum (1,500 ชนิด), Dendrobium (1,400 ชนิด) และ Pleurothallis (1,000 ชนิด) สายพันธุ์ของกล้วยไม้ที่ขึ้นและเติบโตในป่าเรียกว่า กล้วยไม้ป่า

พืชในวงศ์กล้วยไม้นั้นสามารถพบได้ทั่วโลก มีถิ่นอาศัยในหลายๆภูมิประเทศยกเว้นทะเลทรายและธารน้ำแข็ง โดยส่วนมากจะพบในเขตร้อนของโลก คือเอเชีย, อเมริกาใต้ และอเมริกากลาง

นอกจากนั้นยังพบเหนืออาร์กติก เซอร์เคิลในตอนใต้ของพาทาโกเนียและยังพบบนเกาะแมคควารี

การจำแนกวงศ์ย่อยของกล้วยไม้

วงศ์ย่อยต่างๆ ของกล้วยไม้ ได้แก่

  • APOSTASIOIDEAE Rchb. f. เป็นกลุ่มไม้ที่เติบโตบนพื้นดินในป่า มี 2 สกุล คือ Apostasia และ Neuwiedia ชื่อไทยเรียกว่าสกุล"พุ่มสุวรรณ"
  • Neuwiedia Zollingeri

    Apostasia nuda

    Apostasia nuda

    CYPRIPEDIOIDEAE Lindley เป็นกลุ่มไม้ที่เกิดบนพื้นดิน โขดหิน และบนซากอินทรีย์วัตถุ มี 4 สกุล คือ Cypripedium, Paphiopedilum (สกุลรองเท้านารี) , Phragmipedium และ Selenipedium

Paphiopedilum (สกุลรองเท้านารี)

P.bellatulum

P.collosum

P.sukhakulli

  • SPIRANTHOIDEAE Dressler ไม่พบกล้วยไม้ไทย และลูกผสมไทยที่เกิดในวงศ์ย่อยนี้

  • ORCHIDOIDEAE ไม่พบในไทย

  • EPIDENDROIDEAE วงศ์ย่อยนี้มีความหลากหลายด้านที่อยู่อาศัย และรูปร่างลักษณะมีหลายสกุลในวงศ์นี้ที่พบ และนิยมปลูกในประเทศไทย ได้แก่ สกุล Vanilla,  สกุลต่างๆ ในกลุ่ม   แคทลียา Brassolaeliocattleya,สกุลหวาย Dendrobium,สกุลสิงโตกลอกตา Bulbophyllum
สกุล Vanilla

V.siamensis พลูช้าง

V.aphylla เถางูเขียว

V.albida วนืลา

สกุลต่างๆ ในกลุ่ม   แคทลียา

Brassolaeliocattleya

B.Memoria A-nan

B.Ploenpit

B.Ploenpit Crown

สกุลหวาย

Dendrobium

กล้วยไม้มือนาง

เอื้องดอกมะเขือสอยดาว

เหลืองจันทบูร

สกุลสิงโตกลอกตา Bulbophyllum

สิงโตกีบม้าเมืองจันท์

สิงโตแคระเชียงดาว

สิงโตช้อนเงิน

  • VANDOIDEAE Endlicher ได้แก่ กลุ่มแวนด้า

Vanda coerulea ฟ้ามุ่ย

Vanda coerulescens

Vanda bensoniiสามปอยชมพู

Vanda brunnea สามปอยนก


OXALIDACEAE (วงศ์ส้มกบ)

OXALIDACEAE

(OXA)

มีประมาณ 7 สกุล ประมาณ 900 ชนิด เป็นไม้ล้มลุกมีหน่อหรือหัว  ใบประกอบคล้ายนิ้วมือ   ขณะใบยังอ่อนจะบิดเป็นเกลียวและมักหุบในเวลากลางคืน ช่อดอก  มีก้านดอกยาว บางชนิดเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มดอก มีเพศครบ กลีบดอกมีสีขาวนวลหรือสีม่วงแดง รูปทรงดอกได้สัดส่วน กลีบรอง มี 5 กลีบ แยกกัน แต่เรียงตัวซ้อนเหลื่อม กลีบดอก มี 5 กลีบ แยกกัน โคนกลีบดอก มักบิด
เกสร ตัวผู้ มี 10 อัน เรียงเป็น 2 วง แบบที่เกสรวงนอกติดตรงก้นข้ามกับกลีบดอก  ก้านเกสรเชื่อมติดกันเป็นหลอดที่ฐาน 

ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้                                                                                       
  กระทืบยอบ (Biophytum sensitivum)
  ส้มกบ (Oxalis acetosella)
  ส้มดิน (Oxalis corniculata) 

  ผีเสื้อราตรี (Oxalis sp)                                                

ส้มกบ

ผีเสื้อราตรี

กระทืบยอบ

                                                                                                                                               www.suansavarose.com

                                                                                                                                                    22/12/2010

ความคิดเห็น

  1. 1
    Gerard McDaniel
    Gerard McDaniel dasfgvaudfawe@gmail.com 17/01/2024 17:53

    The content of the article is very interesting, I like the information on this topic and I hope many people will know your article because it is very good and interesting.


  2. 2
    Jose Garcia
    Jose Garcia Josegarcia101@gmail.com 26/04/2023 18:01

    Awesome post. Looking forward to more content! www.roofinghalifax.ca

  3. 3
    Andi
    Andi 17/02/2022 14:13

    I appreciate everything you have added to my knowledge base.Admiring the time and effort you put into your blog and detailed information you offer.Thanks. คาสิโนออนไลน์ได้เงินจริง มือถือ

  4. 4
    Deni
    Deni 16/02/2022 08:04

    Nice post. I was checking constantly this blog and I’m impressed! Extremely useful info specially the last part I care for such information a lot. I was seeking this certain info for a long time. Thank you and good luck. Canada Visa for Croatian Citizens

  5. 5
    SEO
    SEO 14/02/2022 14:12

    We have sell some products of different custom boxes.it is very useful and very low price please visits this site thanks and please share this post with your friends. call girls in Pakistan

  6. 6
    Andi
    Andi 10/02/2022 01:48

    No doubt this is an excellent post I got a lot of knowledge after reading good luck. Theme of blog is excellent there is almost everything to read, Brilliant post. a course in miracles

  7. 7
    SEO
    SEO 08/02/2022 15:40

    You have a real ability for writing unique content. I like how you think and the way you represent your views in this article. I agree with your way of thinking. Thank you for sharing. lunettes de vue homme persol

  8. 8
    SEO
    SEO 02/02/2022 19:31

    I read your blog frequently and I just thought I’d say keep up the amazing work! somerset 313 food to eat

  9. 9
    02/02/2022 04:36

    The article looks magnificent, but it would be beneficial if you can share more about the suchlike subjects in the future. Keep posting. 뉴질랜드 ETA

  10. 10
    robert cat
    robert cat 30/01/2022 02:21

    I have read your article couple of times because your views are on my own for the most part. It is great content for every reader. um curso em milagres pdf

  11. 11
    Andi
    Andi 29/01/2022 04:49

    Please share more like that. upload files free

  12. 12
    westgate food to eat
    westgate food to eat himlasorti@nedoz.com 27/01/2022 22:52

    I think this is an informative post and it is very useful and knowledgeable. therefore, I would like to thank you for the efforts you have made in writing this article. westgate food to eat

  13. 13
    Denki
    Denki 27/01/2022 21:27

    Friend, this web site might be fabolous, i just like it. ออนไลน์ คาสิโน

  14. 14
    Denk
    Denk 27/01/2022 18:14
    It is my first visit to your blog, and I am very impressed with the articles that you serve. Give adequate knowledge for me. Thank you for sharing useful material. I will be back for the more great post. เว็บบาคาร่า
  15. 15
    restaurants
    restaurants kahtripeter555@gmail.com 25/01/2022 02:30
    What a thrilling post. It is extremely chock-full of useful information. Thanks for such a great info.

แสดงความคิดเห็น

* *

 

*

  Copyright 2005-2009 suansavarose All rights reserved.
view