เปิดเว็บไซต์ |
15/02/2008 |
ปรับปรุง |
30/05/2023 |
สถิติผู้เข้าชม |
13,653,292 |
Page Views |
19,675,048 |
|
«
| June 2023 | »
|
---|
S | M | T | W | T | F | S |
---|
| | | | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
18/06/2022
View: 5,178

ปาล์ม 8
For information only-the plant is not for sale.
1 |
Acrocomia aculeata/ Macaw Palm |
45 |
Itaya amicorum/Easter Palm |
2 |
Acrocomia crispa/ Cuban belly palm |
46 |
Juania australis/ Chonta palm |
3 |
Ammandra decasperma/ Ivory Palm |
47 |
Jubaea chilensis/Chilean Wine Palm |
4 |
Aphandra natalia/ Fiber palm |
48 |
Lemurophoenix halleuxii/ Red Lemur Palm |
5 |
Attalea butyracea/ Yagua Palm |
49 |
Lepidorrhachis mooreana/ Little Mountain Palm. |
6 |
Attalea crassispatha/Corossie Palm |
50 |
Leucothrinax morrissii/ Brittle Thatch Palm |
7 |
Attalea funifera/Piassava Fiber Palm |
51 |
Lytocaryum weddellianum/ Miniature Coconut Palm |
8 |
Attalea phalerata/ Urucuri Palm |
52 |
Marojejya darianii/Big leaf Palm |
9 |
Attalea speciosa/ Babassu palm |
53 |
Marojejya insignis/Menamoso |
10 |
Borassodendron borneense/Borneo Giant Fan
|
54 |
Medemia argun/Nubian Desert Palm |
11 |
Brahea aculeata/ Sinaloa Hesper Palm |
55 |
Nephrosperma vanhoutteanum/ Latanier Millepattes |
12 |
Brahea armata/ Mexican Blue Palm |
56 |
Oraniopsis appendiculata/ Bronze Palm |
13 |
Brahea calcarea/ White Rock Palm |
57 |
Parajubaea cocoides/ Mountain Coconut |
14 |
Brahea clara/ Blue Sonora Hesper Palm |
58 |
Parajubaea sunkha/ Sunkha Palm |
15 |
Brahea decumbens/ Mexican Dwarf Blue Palm |
59 |
Parajubaea torallyi/ Bolivian mountain coconut |
16 |
Brahea dulcis/ Sombrero Palm |
60 |
Plectocomia elongata/ Giant Rattan Palm |
17 |
Brahea edulis/ Guadalupe palm |
61 |
Pseudophoenix ekmanii/ Dominican Cherry palm |
18 |
Brahea moorei/ Dwarf Rock Palm |
62 |
Pseudophoenix lediniana/ Palmiste Marron |
19 |
Brahea pimo/ Furry Hesper Palm |
63 |
Raphia australis/ Kosi Palm |
20 |
Brahea salvadorensis/ Salvadorian Rock Palm |
64 |
Raphia farinifera/Madagascar raphia palm |
21 |
Brahea sarukhanii/ Sarukhan's Hesper Palm |
65 |
Raphia taedigera/Yolillo palm |
22 |
Butia paraguayensis/Dwarf Yatay Palm. |
66 |
Ravenea albicans/ White Majesty Palm |
23 |
Butia yatay/ Yatay palm |
67 |
Ravenea hildebrandtii/Dwarf Majesty Palm |
24 |
Calamus australis/Wait-a-While |
68 |
Ravenea julietiae Beentje/Ravenea julietiae |
25 |
Calamus erectus/Viagra Palm |
69 |
Ravenea lakatra/Ironwood Palm |
26 |
Chamaerops humilis/ European Fan Palm |
70 |
Ravenea xerophila/Anivona Palm. |
27 |
Copernicia cowellii/ Dwarf Jata Palm |
71 |
Rhapidophyllum hystrix/Needle Palm |
28 |
Copernicia curbeloi/ yarei macho |
72 |
Rhopaloblaste augusta/Nicobar Majestic Palm |
29 |
Copernicia ekmanii/ Ekman's Silver Palm |
73 |
Rhopaloblaste ceramica/Majestic Palm |
30 |
Copernicia gigas/ Giant copernicia |
74 |
Rhopaloblaste singaporensis/ Walking Stick Palm |
31 |
Copernicia rigida/ Jata Palm. |
75 |
Sabinaria magnifica/Girasol Palm |
32 |
Copernicia tectorum/ Venezuelan wax palm |
76 |
Satranala decussilvae/Satranabe Palm |
33 |
Dictyocaryum lamarckianum/Andean Royal
|
77 |
Schippia concolor/ Silver Pimento. |
34 |
Dransfieldia micrantha/ Mini Pink Lipstick Palm. |
78 |
Socratea exorrhiza/ Walking Palm |
35 |
Gaussia gomez-pompae/palma barril |
79 |
Synechanthus fibrosus/ Jelly Bean Palm |
36 |
Gaussia maya/Maya Palm |
80 |
Tahina spectabilis/Tahina Palm |
37 |
Guihaia argyrata/ Guilin Dwarf Palm. |
81 |
Tectiphiala ferox/ Curly palm |
38 |
Hedyscepe canterburyana/Big Mountain Palm |
82 |
Thrinax radiata/Florida thatch palm |
39 |
Hemithrinax ekmaniana/ Jamagua palm |
83 |
Trachycarpus nanus/ Dragonhead Palm |
40 |
Howea belmoreana/ Belmore sentry palm |
84 |
Trachycarpus princeps/Stone Gate Palm |
41 |
Hyphaene dichotoma/Hoka Tree |
85 |
Trithrinax acanthocoma/Carandá |
42 |
Hyphaene petersiana |
86 |
Trithrinax brasiliensis/ Brazilian needle palm |
43 |
Hyphaene reptans/ au daroro |
87 |
Trithrinax campestris/ Blue Needle Palm |
44 |
Iriartea deltoidea/Copa Palm |
88 |
Trithrinax schizophylla/ The Carandilla Palm |
|
สกุล Acrocomia (ak-roh-koh-MEE-ah) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Macaw palm หรือ macaúba เป็นประเภทของปาล์มพื้นเมืองใน Neotropics (ดินแดนหนึ่งในแปดอาณาจักรชีวภูมิศาสตร์) ตั้งแต่เม็กซิโกในภาคเหนือผ่านอเมริกากลางและแคริบเบียนและผ่านอเมริกาใต้ไปยังอาร์เจนตินา ต้นปาล์มในสกุลนี้ มีความสำคัญเนื่องจากมีบทบาทในระบบนิเวศและเศรษฐกิจท้องถิ่นและมีศักยภาพสำหรับการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพและน้ำมันพืช ชื่อสายพันธุ์ที่ยอมรับ มี 8 สายพันธุ์ (ในหน้านี้แสดง 2 สายพันธุ์) 1 Acrocomia aculeata ( Jacq. ) Lodd ตัวอย่าง R.Keith - เม็กซิโก, อเมริกากลาง, West Indies, อเมริกาใต้ตอนเหนือ 2 Acrocomia aculeata subsp totai Mart - โบลิเวียปารากวัยทางเหนือของอาร์เจนตินาทางตอนใต้ของบราซิล 3 Acrocomia crispa ( Kunth ) C. Baker อดีต BECC - คิวบา 4 Acrocomia emensis (Toledo) Lorenzi - บราซิล 5 Acrocomia glaucescens Lorenzi - บราซิล 6 Acrocomia hassleri ( Barb.Rodr. ) WJHahn - Mato Grosso do Sul, ปารากวัย 7 Acrocomia intumescens Drude - บราซิล 8 Acrocomia media O.F.Cook - เปอร์โตริโก, หมู่เกาะเวอร์จิน
Acrocomia aculeata/ Macaw Palm
-Photo: https://www.palmpedia.net -Guavaberry Country Club, Dominican Republic. photo by Paul Craft -https://www.palmpedia.net/wiki/Acrocomia_aculeata ชื่อวิทยาศาสตร์---Acrocomia aculeata (Jacq.) Lodd. ex Mart.(1845) ชื่อพ้อง---Has 45 Synonyms . See all The Plant List .http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-2570 ---See all synonyms of Acrocomia aculeata (พืชที่แปรปรวนมากมักมีคำพ้องความหมายเหลือเฟือ) ชื่อสามัญ---Gru-gru Palm, Macaw Palm, Macaúba Palm, Grugru Palm, Ruffle palm, Paraguay palm, Mucuja palm, Coyol palm ชื่ออื่น--- [BOLIVIA: Eotai.];[BRAZIL: Bocaiúva, Coco-baboso, Coco-catarro, Coco-de-espinho, Macaiba, Macajuba, Macauba, Macauva, Mucaja, Mucajuba.];[CHINESE: Pi ci ge lu zong ; Ge lu ye zi (Hong Kong, Taiwan).];[COLOMBIA: Corozo, Tamaco.];[COSTA RICA: Coyol.];[FRENCH: Acrocome, Coyol, Noix de coyol, Glouglou, Grougrou, Dendé (Guadeloupe).];[GERMAN: Macauba-Palme, Macoyapalme.];[HAITI: Corosse.];[ITALIAN: Bocaiuva.];[JAPANESE: Akurokomiya, Akurokomia yashi, Akurokomia.];[MEXICO: Voyol.];[PORTUGUESE: Coco-baboso, Coco-de-espinho, Coqueiro-baboso, Coqueiro-de-espinhos, Macaúba, Macaúva, Palmeira-do Paraguai, Palmeira-grugru, Palmeira-oioli.];[SPAINISH: Grugru, Macauba, Mbocayá, Nuez del Paraguay, Palma de vino.];[VENEZUELA: Corozo.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO Code---AARSC (Preferred name: Acrocomia aculeata.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---S. Americca - บราซิลโคลัมเบีย เวเนซูเอลา ; C. America - ปานามาไปยังเม็กซิโก; แคริบเบียน นิรุกติศาสตร์---ชื่อของพืชมาจากองค์ประกอบของชื่อกรีก "akros" = ด้านบนยอดและ "kome" = กระจุกผม โดยมีการอ้างอิงถึงกระจุกหนาที่ด้านบนของลำต้น ; ชื่อสายพันธุ์ 'aculeata' เป็นคำคุณศัพท์ภาษาละติน ''aculeatus, a, um'' = aculeated ซึ่งมาจาก aculei เนื่องจากมีทางใบยาว Acrocomia aculeata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยNikolaus Joseph von Jacquin (1727-1817) นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาการแพทย์ , เคมีและพฤกษศาสตร์ ชาวเนเธอร์แลนด์และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันจาก Conrad Loddiges (1738–1826) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน จากอดีต Carl Friedrich Philipp von Martius (1794–1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2388

-Cuba, photo by Paul Craft -https://www.palmpedia.net/wiki/Acrocomia_aculeata ที่อยู่อาศัย เป็นปาล์มที่แพร่หลายอย่างมากจากอเมริกาเขตร้อน ส่วนใหญ่กระจายอยู่ใน ตรินิแดด เวสต์อินดีส ช่วงเริ่มต้น ในบราซิลตะวันออกและขยายไปทางเหนือผ่านเวเนซุเอลา โคลัมเบียและอเมริกากลาง คิวบาและหมู่เกาะแคริบเบียน มักพบได้ในป่ากึ่งผลัดใบและป่าเปิด ต่ำกว่าระดับความสูง 1,000 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 10-15 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 25-40 ซม. รอยวงแผลที่เกิดจากใบปูดเป็นเส้น มีหนามสีดำและบนลำต้น บางครั้งก็ปกคลุมไปด้วยเศษฐานใบเก่า ก้านมักจะเรียบตามอายุ ใบรูปขนนก (pinnate) ยาวถึง 3 ม. โดยมีใบย่อยรูปขอบขนานเชิงเส้น กระจายเป็นหลายระนาบ ผิวใบด้านบนสีเขียวอมเทาหรือสีน้ำเงินด้านล่างสีขาวหรือสีเงิน ช่อดอกมีหนามยาวไม่เกิน 2 เมตร ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียออกในช่อเดียวกัน (monoecious)โดย ดอกเพศเมียที่โคนก้านช่อและดอกเพศผู้อยู่ที่ปลาย ผลทรงกลม ขนาด2.5-5 ซม. สีเหลืองสีเขียวถึงสีน้ำตาลเมื่อสุก มีเมล็ดเดียวสีน้ำตาลเข้มขนาด 1-2 ซม.ด้านในของเมล็ดหรือที่เรียกว่าเอ็นโดสเปิร์มเป็นไส้สีขาวแห้งที่มีรสคล้ายมะพร้าว ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---การเจริญเติบโต ความสูง 10 เมตร ใช้เวลา5-10 ปี แต่ช้าลงมากในภูมิอากาศเมดิเตอร์เรเนียนเช่นแคลิฟอร์เนียตอนใต้ ต้องการตำแหน่งที่มีแสงแดดจัด ทนแล้งได้ดี ปรับตัวได้ในดินทุกสภาพชอบ pH ในช่วง 5.5 - 6.5 สามารถทนได้ตั้งแต่ 5 - 7.5

-Dominican Republic. photo by Paul Craft -https://www.palmpedia.net/wiki/Acrocomia_aculeata การใช้ประโยชน์---ต้นไม้ถูกเก็บเกี่ยวจากป่าใช้เป็นแหล่งอาหารและวัสดุต่าง ๆของคนในท้องถิ่น บางครั้งมีการเพาะปลูก ผลไม้บางครั้งมีวางขายในตลาดท้องถิ่นและบางครั้งก็ปลูกเป็นไม้ประดับ -ใช้กิน ผลไม้ - สุก อุดมไปด้วยน้ำมันมันค่อนข้างขม เนื้อสีเหลืองมีลักษณะเป็นเส้นเมือกและมีรสหวานเล็กน้อย สามารถหาแป้งได้จากแก่นของลำต้นและจากราก -ใน Panamá ผลจะถูกปอกเปลือกและทุบและผสมกับน้ำตาลทรายแดงและน้ำแล้วหมักไว้ จนได้ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่รู้จักกันในชื่อ "chicha" ซึ่งเป็นเหล้าประเภทหนึ่ง นอกจากนี้ชาวคอสตาริกาโดยเฉพาะในจังหวัด Guanacaste ยังใช้ "Coyol Palm" เพื่อทำ "Coyol Wine" ไวน์นี้ทำจากน้ำยางที่มี oozes จากลำต้นหลังจากตัดต้นปาล์มลง -เมล็ดคั่ว สามารถหาน้ำมันคุณภาพสูงจากเมล็ด เมื่อกลั่นแล้วสามารถนำมาใช้ทำอาหารได้ -ใบอ่อน - ปรุงและกินเป็นผัก ตายอดที่รู้จักกันในนาม 'หัวใจปาล์ม' ใช้กิน -ใช้เป็นยา เนื้อผลไม้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในการรักษาความเจ็บป่วยต่าง ๆ -ใช้ปลูกประดับ การใช้ในงานภูมิทัศน์และงานจัดสวน ปลูกเป็นกลุ่มในสวนขนาดใหญ่ มีความงดงามจากระยะไกลเนื่องจากขนาดและรูปร่างที่น่าดึงดูด ตำแหน่งที่ปลูกควรหลีกเลี่ยงเส้นทางสัญจร อาจเกิดอันตรายจากหนามอันแหลมคมซึ่งถูกปกคลุมอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่อายุยังน้อย การขุดล้อมง่ายทั้งต้นเล็กและต้นใหญ่ ทนต่อการเคลื่อนย้ายไปปลูกในที่ใหม่ -อื่น ๆ ไม้ชั้นนอก มีน้ำหนักปานกลางแข็งและทนทานมาก มันถูกใช้ในท้องถิ่นเป็นคานและระแนงในการก่อสร้างในชนบท ไฟเบอร์คุณภาพดีที่ได้จากใบ แข็งแรงมากใช้ทำเชือกและสายระโยงระยาง น้ำมันที่ได้จากเมล็ดและที่ได้จากเนื้อของผลไม้คุณภาพสูง ใช้ทำสบู่ เอ็นโดคาร์ที่แข็งมากซึ่งล้อมรอบเมล็ดสามารถถูกตัดเป็นแหวนหรือแกะสลักและเจาะเพื่อใช้เป็นลูกปัดลูกประคำและทำเครื่องประดับ-ในคอสตาริกา ผลจะถูกใช้เลี้ยงปศุสัตว์ในที่ราบ ขยายพันธุ์---เมล็ด *This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation!.นี่คือต้นปาล์มที่แตกกอมันแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของรากสไตล์แซกโซโฟน (มีส้นเท้า) รักษาส้นที่สามในระดับสูงสุดเหนือระดับดิน* (แปลโดยกูเกิ้ล) https://www.palmpedia.net/wiki/Acrocomia_crisp
|
Acrocomia crispa/ Cuban belly palm

-Acrocomia crispa specimen at hotel in Cayo Coco, Cuba. Photo by Paul Craft. -Acrocomia crispa, Sancti Spíritus, Cuba. Photo by Duanny Suárez -https://www.palmpedia.net/wiki/Acrocomia_crispa ชื่อวิทยาศาสตร์---Acrocomia crispa (Kunth) C.F.Baker ex Becc.(1912). ชื่อพ้อง---Has 5 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-2577 ---Basionym: Cocos crispa Kunth (1816). ---Acrocomia armentalis (Morales) L.H.Bailey & E.Z.Bailey (1866). ---Astrocaryum crispum (Kunth) M.Gómez (1893). ---Gastrococos armentalis Morales (1866). ---Gastrococos crispa (Kunth) H.E.Moore (1968). ชื่อสามัญ---Cuban belly palm, Corojo Palm. ชื่ออื่น---Local name;[SPANISH (Español): Corojo (Cuba).];[FRENCH: Corojopalme.];[GERMAN: Kubanische Bauchpalme.];[RUSSIAN: Kubinskaya ladon' zhivota, Kubinskaya puzataya pal'ma.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO Code---GCCCR (Preferred name: Acrocomia crispa.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---คิวบา นิรุกติศาสตร์---ชื่อของพืชมาจากองค์ประกอบของชื่อกรีก "akros" = ด้านบนยอดและ "kome" = กระจุกผม โดยมีการอ้างอิงถึงกระจุกหนาที่ด้านบนของลำต้น; ชื่อของสายพันธุ์คือชื่อละติน“ crispa” = หยิกหยัก Acrocomia crispa เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Sigismund Kunth (1788–1850) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันจากCharles Fuller Baker (1872 - 1927) นักกีฏวิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสหรัฐอเมริกา จากอดีต Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลีในปี พ.ศ.2455 ที่อยู่อาศัย เป็นปาล์มประจำถิ่นของคิวบากระจายไปทั่วเกาะ พบในป่าเปิดบนดินหินปูน ก่อนหน้านี้ ถูกวางไว้ในสกุล Gastrococos รายงานล่าสุดพบว่าประเภทที่ซ้อนอยู่ในAcrocomia ลักษณะ เป็น ปาล์มต้นเดี่ยวสูง 12-18 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 20-46 ซม ลำต้นเพรียวที่ฐานแต่มีอาการบวมทั่วไปในส่วนกลางลำต้น ทำให้มันมีชื่อว่า "คิวบาท้องปาล์ม" Cuban belly palm ปกคลุมด้วยหนามสีดำแข็ง เว้นในส่วนโคนต้นที่ค่อนข้างบาง ใบรูปขนนก(pinnate) ยาว2.5-3 เมตร กว้าง1.5 เมตร ใบย่อยสีเขียวเข้มที่ด้านบนและสีเขียวแกมน้ำเงินอ่อนที่ด้านล่าง มีหนามจำนวนมากยาวประมาณ 20 มม. ในช่อดอกมีหนาม ออกระหว่างกาบใบ(interfoliar) ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) มีทั้งดอกเพศผู้และดอกเพศเมียเติบโตในช่อดอกเดียวกัน ดอกสีเหลืองขนาดเล็ก ผลกลมสีเหลืองส้ม ขนาด2.5ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการพื้นที่โล่งกว้างแสงแดดจัด ต้องการน้ำมาก ดินที่มีการระบายน้ำดี ทนความแห้งแล้งได้เป็นเวลานาน ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง (-2-3 องศา C)ในช่วงสั้น ๆ ใช้ประโยชน์---ใช้กิน เมล็ดใช้ผลิตน้ำมันคุณภาพดี ใช้บริโภค ภายในประเทศ -ใช้ปลูกประดับ การใช้ในงานภูมิทัศน์ ถึงจะมีหนามตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ก็จัดเป็นปาล์มประดับที่มีค่า ระบบรากของสายพันธุ์นี้ไว การขุดย้ายถ่ายโอน เป็นเรื่องยากมาก ขยายพันธุ์---เมล็ด งอกยากใช้เวลาในการงอกหลายเดือนถึงหนึ่งปี *This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation!.นี่คือต้นปาล์มที่แตกกอมันแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของรากสไตล์แซกโซโฟน (มีส้นเท้า) รักษาส้นที่สามในระดับสูงสุดเหนือระดับดิน* (แปลโดยกูเกิ้ล) https://www.palmpedia.net/wiki/Acrocomia_crisp
|
สกุล Ammandra (aham-MAHN-drah) เป็น monotypic มีสายพันธุ์เดียวคือ Ammandra decasperma พบในโคลัมเบียและเอกวาดอร์ มีสถานะใกล้สูญพันธุ์ ชื่อพืชสกุลแปลจากภาษากรีก "sand man"เนื่องจาก เกสรเพศผู้มีลักษณะของเม็ดทรายกระจัดกระจายอยู่เหนือพื้นผิวของภาชนะ และ ฉายามาจากภาษาละติน หมายถึง "ten" และ "seed" อธิบายจำนวนเมล็ดสูงสุดของผลไม้
Ammandra decasperma/ Ivory Palm

-Magdalena River Valley ประเทศโคลัมเบีย ภาพถ่ายโดย Dr. Rodrigo Bernal https://www.palmpedia.net/wiki/Ammandra_decasperma ชื่อวิทยาศาสตร์---Ammandra decasperma O.F.Cook ( 1927) ชื่อพ้อง---Has 3 synonyms.See all https://www.palmworld.org/view_object.php?p=Mjk2 ---Phytelephas decasperma (O.F.Cook) Dahlgren (1936). ---Phytelephas dasyneura Burret (1930) ---Ammandra dasyneura (Burret) Barfod (1991) ชื่อสามัญ---Ivory Palm ชื่ออื่น--- Anta, Antá, Nume, Tagua (Columbia); Anta, Antá, Nume, Chili muyo, Yarina blanco (Equador) ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---โคลัมเบีย เอกวาดอร์ นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลแปลจากภาษากรีก = "sand man" เนื่องจาก เกสรเพศผู้มีขนาดเล็กและมีลักษณะเป็นเม็ดทรายเล็ก ๆ กระจัดกระจายอยู่บนพื้นผิวของภาชนะบรรจุ ; ชื่อสายพันธุ์ 'decasperma' มาจากคำภาษาละตินสองคำที่มีความหมายว่า "สิบ "และ" เมล็ดพันธุ์ "อธิบายจำนวนเมล็ดสูงสุดต่อผล Ammandra decasperma เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Orator Fuller Cook (1867–1949) นักพฤกษศาสตร์และนักกีฏวิทยาชาวสหรัฐฯ ในปี พ.ศ. 2479

-อุทยานแห่งชาติ Yasuni, Orellana, เอกวาดอร์ เกสรเพศเมียช่อดอก (ซ้าย) และดอกเพศเมียใน 2 Views. ภาพถ่ายโดย Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew / Palmweb -อุทยานแห่งชาติ Yasuni, Orellana, เอกวาดอร์ ภาพถ่ายโดย Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew / Palmweb. https://www.palmpedia.net/wiki/Ammandra_decasperma ที่อยู่อาศัย เติบโตในเชิงเขาของเทือกเขาแอนดีสตามแนวชายฝั่งตะวันตกของโคลัมเบียจากหุบเขาเดลเกาคาถึงโชโคและโอเควียและในเอกวาดอร์พบในป่าปิดของลุ่มแม่น้ำอเมซอน ที่อยู่ในระดับความสูงไม่เกิน 200-450 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ที่ไม่มีลำต้นหรือมีลำต้นสั้นมีเหง้าอยู่ใต้ดิน สร้างกลุ่มได้มากถึง 6 ลำต้น มีลำต้นสั้นและยาว subterranean หรือ prostratea สูงถึง 1.5 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง ยาว 25-35 ซม.ใบรูปขนนก (pinnate) มีใบ 6-10 ใบในมงกุฎ ใบตั้งตรง ก้านใบรูปทรงกระบอกยาว 1.5-2.5 เมตร ทางใบยาว 2-3 เมตรใบย่อย 40-62 ใบ ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ในพืชเพศผู้ ช่อดอกแตกออกเป็นช่อยาว 1.4 เมตร ดอกสีเหลือง ในช่อดอกเพศเมียยาว 30 ซม. ดอกสีครีมขนาดกระทัดรัด ผลรูปกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง10-12 ซม เป็นผลกลุ่มมี 3-6 ผลย่อย ผิวผลนูนเป็นหูดแหลม เมล็ดรูปไตมี 6-10 เมล็ด ขนาด ยาว 4.5-5 ซม.กว้าง 3-4 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พบไม่บ่อยในการเพาะปลูกนอกเขตธรรมชาติ แต่เมื่อปลูกต้องมีสภาพชื้นและอบอุ่นคล้ายป่าฝนและจะไม่ทนแดดเต็มที่เมื่อยังป็นต้นเล็ก นอกจากนี้ยังชอบดินที่มีการระบายน้ำดีและมีอินทรีย์วัตถุสูง การใช้ประโยชน์ ใช้ในท้องถิ่นเป็นอาหารและแหล่งของเส้นใย -ใช้กิน เนื้อผลแก่ และ เนื้อผลอ่อน ที่ยังอยู่ในสภาพของเหลวคล้ายวุ้น กินได้ -ใช้เป็นยา ผลอ่อนกินเพื่อแก้อาการท้องเสียและปวดท้อง -ใช้อื่น ๆ ใบนำมาสาน ใช้สำหรับมุง ใช้ทำกระเช้าชั่วคราว เส้นใยจากโคนใบของต้นอ่อนใช้ทำไม้กวาด เส้นใยที่แข็งแรงมากที่ได้มาจากก้านใบ ใช้สำหรับทอผ้า ภัยคุกตาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถูกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้ สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2001) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Aphandra (Ahf-AHN-drah) เป็นสกุล monotypic มีสายพันธุ์เดียว คือ Aphandra natalia ชื่อพืชสกุลคือการรวมกันของ Ammandra และ Phytelephas สองสกุล ปาล์มที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และฉายา " natalia " ตั้งเป็นเกียรติแก่ Natalie Uhl Palm taxonomist
Aphandra natalia/ Fiber palm
-Yasuni National Park, Orellana, Ecuador. -Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -http://www.palmpedia.net/wiki/Aphandra_natalia ชื่อวิทยาศาสตร์---Aphandra natalia (Balslev & A.J.Hend.) Barfod.(1991) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See all https://www.gbif.org/species/2738044 ---Basionym: Ammandra natalia Balslev & A.J.Hend.(1987) ชื่อสามัญ---Mastodon palm, Fiber palm, Piassaba fiber palm. ชื่ออื่น---; [BRAZIL: Piaçaba, Piabassa.]; [ECUADOR: Wamowe, Tagua, Chilimoyo.]; [FRENCH: Palmier aphandra, Fibre d' aphandra (product).]; [SPANISH : Fibra (product).] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---บราซิล, เปรู, เอกวาดอร์ นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลนี้เป็นการรวมกันของ Ammandra และ Phytelephas ซึ่งเป็นสกุลปาล์มสองชนิดที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด ; ชื่อสายพันธุ์ " natalia " ตั้งเป็นเกียรติแก่ Natalie Uhl นักอนุกรมวิธานปาล์มสมัยใหม่ Aphandra natalia เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Henrik Balslev (2494–) นักพฤกษศาสตร์ชาวเดนมาร์ก และ A.J.Hend.และ Andrew James Henderson (เกิดปี 1950) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ - อเมริกัน ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันจาก Anders Sánchez Barfod (เกิดปี 1957) นักพฤกษศาสตร์ชาวเดนมาร์ก ในปี พ.ศ.2534

-Ecuador. Capitate Pistillate Inflorescence. -Photo by Dr. F. Borchsenius./Palmweb. -Ecuador. Staminate inflorescence. -Photo by Dr. Andrew J. Henderson/Palmweb. -http://www.palmpedia.net/wiki/Aphandra_natalia ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ ในป่าดงดิบอเมซอนที่ทอดยาวไปถึงเชิงเขาของที่ราบลุ่มเทือกเขาแอนดีสจากทางใต้ของRío Napo ในเอกวาดอร์ตะวันออก ผ่านทางตอนเหนือของอะเมซอน เปรูและเอเคอร์ทางตะวันตกของบราซิล เติบโตในป่าฝน พื้นที่ที่ไม่ถูกน้ำท่วมตามฤดูกาล ที่ระดับความสูง 800-1,000 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูง 3 -11 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 20 - 30 ซม.ลำต้นไม่มีหนาม มักจะถูกปกคลุมอยู่ในทางใบเก่า ทำให้ดูเหมือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นเกือบ 1 เมตร ใบรูปขนนก(pinnate) มีใบ 10-36 ใบในยอดมงกุฎ ก้านใบยาวประมาณ 2.5 เมตร ใบยาวประมาณ4.5เมตร ความยาวรวมของใบ 7-8 เมตร บางครั้งมีการบิดแกนและส่วนปลายของใบจัดขึ้นในแนวตั้ง มีเส้นใยสีน้ำตาลเข้มจำนวนมากที่โคนก้านใบ แกนใบมีเกล็ดสีดำจำนวนมากโดยเฉพาะด้านล่าง ใบย่อย 90-120 ใบในแต่ละด้านจัดเป็นระนาบเดียวกัน ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น(dioecious) ช่อดอกเพศผู้ยาวประมาณ 2.75 เมตร สีน้ำตาลอมเหลือง ช่อดอกเพศเมียยาวประมาณ 25ซม.สีครีม ดอกบานเต็มที่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30-45 ซม กลิ่นของดอกไม้รุนแรง ไม่เป็นที่พึงใจของมนุษย์ แต่ว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ในการดึงดูดสายพันธุ์ผสมเกสร จะผลิตช่อดอก และออกดอก ได้หลายครั้งอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ผลสีน้ำตาลติดผลต่อช่อประมาณ 30-50 ผล ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---การเติบโตช้า ต้องการดินที่อุดมสมบูรณ์ ตำแหน่งที่มีแสงแดดระหว่างวัน และในร่มเงาบางส่วน ต้องการน้ำมากมาย ปลูกในที่ร่มใบจะมีสีเขียวเข้ม การออกดอกครั้งแรกเกิดขึ้นห้าปีหลังจากการงอก ไม่ค่อยมีใครรู้จักในการเพาะปลูกนอกถิ่น ใช้ประโยชน์---เป็นปาล์มอเนกประสงค์ที่ใช้ประโยชน์ได้ทั้งในเชิงพาณิชย์และเพื่อการยังชีพ มีการใช้งานในท้องถิ่นหลายอย่าง เป็นอาหารและแหล่งที่มาของวัสดุ -ใช้กิน เอนโดสเปิร์มสามารถกินได้เมื่อยังอ่อนในสภาพของเหลวหรือคล้ายวุ้น ใช้เป็นเครื่องดื่มที่มีรสหวานและสดชื่น -ใช้ปลูกประดับ ใช้ในงานภูมิทัศน์ จัดสวน ปลูกลงแปลงหรือปลูกเดี่ยว ๆ ริมทางเดิน ต้นเล็กเหมาะเป็นไม้กระถางในที่ร่ม -อื่น ๆ ใบใช้สำหรับมุง เส้นใยสีน้ำตาลถูกนำมาใช้สำหรับการทำคบเพลิงและ น้ำยาทำความสะอาดปืนลูกซอง กาบใบและก้านใบใช้ประโยชน์ ในเชิงพาณิชย์ เป็นแหล่งวัสดุที่ให้เส้นใยที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเรียกว่า piassava ใช้ในการทำไม้กวาดและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่งเป็นการค้าระดับชาติในเปรูและเอกวาดอร์ ระยะออกดอก/ติดผล---ตลอดปี ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Attalea (at-tahl-EH-ah) สกุลนี้มีประวัติอนุกรมวิธานที่ซับซ้อนและมักถูกแบ่งออกเป็นสี่หรือห้าสกุลตามความแตกต่างของดอกตัวผู้ เนื่องจากสกุลสามารถแยกแยะได้บนพื้นฐานของดอกตัวผู้เท่านั้นการดำรงอยู่ของประเภทดอกไม้และการดำรงอยู่ของลูกผสมระหว่างสกุลต่าง ๆ จึงถูกใช้เป็นข้อโต้แย้งในการทำให้พวกมันทั้งหมดอยู่ในสกุลเดียวกัน สิ่งนี้ได้รับการสนับสนุนโดยวิวัฒนาการทางโมเลกุลล่าสุด พบเป็นครั้งแรก โดย Carl Sigismund Kunth ในปี 1816 ได้รับการตั้งชื่อตามชื่อ Attalus III Philometor กษัตริย์ของ Pergamon ที่รู้จักกันสำหรับความสนใจของเขาในพืชสมุนไพร ชื่อสายพันธุ์ที่ยอมรับ 72 สายพันธุ์จาก260 (ในหน้านี้แสดง 6 สายพันธุ์)
Attalea butyracea/ Yagua Palm

-Costa Rica. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -Photo by J. Tucker -https://www.palmpedia.net/wiki/Attalea_butyracea ชื่อวิทยาศาสตร์---Attalea butyracea (Mutis ex L.f.) Wess.Boer.(1988) ชื่อพ้อง---Has 17 Synonyms. ---Basionym: Cocos butyracea Mutis ex L.f.(1782). ---Scheelea butyracea (Mutis ex L.f.) H.Karst. (1878). ---More.See all https://powo.science.kew.org/taxon/1172851-2#synonyms ชื่อสามัญ---Yagua Palm, Amazon palm, Rooster-tail palm, American oil palm, Kuakish ชื่ออื่น---;[BOLIVIA: Palla.];[BRAZIL: Jaci , Aricuri.];[COLOMBIA: Palma de vino.];[GUAM: Coquito.];[MEXICO: Coyol Real.];[PERU: Shapaja, Shapajilla.];[PORTUGUESE: Jací, Palmeira-jaci.];[SPANIH: Palma de puerco, Cuesco, Cuma, Coyoles, Curumuta, Cohune.];[VENEZUELA: Palma yagua, Palma de yagua.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---ATTBU (Preferred name: Attalea butyracea.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---บราซิล, โบลิเวีย, เปรู, เอกวาดอร์, โคลัมเบีย, เวเนซุเอลา; แคริบเบียน - ตรินิแดด; อเมริกากลาง - ปานามา เม็กซิโก นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสปีชีส์คือคำคุณศัพท์ภาษาละติน“ butyraceous, a, um” = buttery, มัน, จาก“ butyrum” = เนย, โดยอ้างอิงกับเมล็ดของมัน Attalea butyracea เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย José Celestino Mutis (1732–1808) นักพฤกษศาสตร์ชาวสเปนจากอดีต Carolus Linnaeus the Younger (1741–1783) นักธรรมชาติวิทยาชาวสวีเดนลูกชายของCarolus Linnaeus และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Jan Gerard Wessels Boer (เกิดปี 1936) นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์ ในปี พ.ศ.2531

-Photo by Michael Calonje -Photo by J. Tucker -https://www.palmpedia.net/wiki/Attalea_butyracea ที่อยู่อาศัย พบในประเทศโบลิเวีย โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เปรู เวเนซุเอลา และแพร่กระจายในอเมริกากลางและอเมริกาใต้จากเม็กซิโกไปจนถึงโบลิเวีย พบได้ทั่วไปในป่าชั้นรอง มักจะเป็นต้นไม้เดียวที่เหลืออยู่ในทุ่งหญ้ากว้างขวางในพื้นที่ที่มีการรบกวน ในพื้นที่ราบข้างลำธาร จากที่ราบชายฝั่งไปจนถึงระดับความสูง300- 1,000 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดใหญ่ลำต้นตั้งตรงและโค้งงอเล็กน้อย สูง20-30 เมตร (บางครั้งสูงถึง 45 เมตร) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 35-50 (-75) ซม สีเทามีการหดตัวในแนวนอนเล็กน้อยมักปกคลุมด้วยฐานใบถาวร ในมงกุฎมีใบ 15-40 ใบ เป็นใบรูปขนนก (pinnate) มีขนาดใหญ่มาก ยาว 3-12 ม. มักจะโค้ง ก้านใบมีเส้นใยหนาและแข็ง ช่อดอกมีหลายแขนงที่เกิดระหว่างใบ (interfoliar) ก้านดอกมีขนาดใหญ่ มีช่อดอก 2-4 ช่อ ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ดอกมีสีขาวเหลืองมีกลิ่นหอม ผลยาว 8 ซม. ขึ้นไปและกว้าง 6 ซม ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกสีส้ม มีเมล็ด 1-3 เมล็ด เมล็ดมีความยาว 3-4.5 ซม. กว้าง 2.5-3 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตได้ดีที่สุดในตำแหน่งที่ร้อนและมีแดดจัด ชอบดินทราย แต่สามารถปรับให้เข้ากับดินเหนียวและดินร่วนปนทราย ทั้งที่เป็นด่างและเป็นกรดเล็กน้อย ชอบดินที่ชื้นและไม่สนใจการระบายน้ำที่ไม่ดี ใช้ประโยชน์---ต้นไม้ที่เก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นมีการใช้งานที่หลากหลาย ผลที่กินได้ เมล็ดมีน้ำมันและใบไม้รวมทั้งวัสดุการก่อสร้าง -ใช้กิน ตายอดกินเป็นผัก Sap-หมักเพื่อให้ได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลไม้กินได้ เนื้อเป็นเส้นรสชาติดีมีความหนาเกือบจะแห้ง เมล็ดอุดมไปด้วยน้ำมัน มีปริมาณน้ำมันสูงสุดถึง 60% บริโภคได้ -วนเกษตรใช้ เป็นสายพันธุ์บุกเบิกใช้ฟื้นฟูป่าดั้งเดิมและได้รับประโยชน์จากการใช้งานที่หลากหลายทำให้มีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อสร้างสวนป่า -ใช้ปลูกประดับ การใช้ในงานภูมิทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มนี่เป็นสายพันธุ์ที่สวยงามอย่างน่าทึ่ง รูปลักษณ์และความสูงที่ประณีตของมันทำให้มันสมบูรณ์แบบ เหมาะสำหรับงานสร้างทัศนียภาพ ริมทางหลวง สวนสาธารณะขนาดใหญ่ และการเน้นทิวทัศน์ของที่อยู่อาศัย อาจมีไม่กี่คนที่รู้ว่าปาล์มนี้มีขนาดใหญ่แค่ไหนและมักไม่เห็นว่าในตำแหน่งที่ปลูกอาจทำให้เกิดปัญหาที่แท้จริงในภายหลัง -อื่น ๆ ไม้ใช้สำหรับการก่อสร้าง ใช้น้ำมันที่ได้จากเมล็ดในการทำสบู่ เส้นใยที่ได้จากใบสามารถนำมาทำเชือกและผ้าหยาบได้ ใบถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางสำหรับมุงหลังคา หลังคาที่ทำจากวัสดุนี้สามารถอยู่ได้นานสี่ปีหรือมากกว่า ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2001) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 4-6 เดือน
|
Attalea crassispatha/Corossie Palm

-Attalea crassispatha เติบโตในคอลเล็กชั่น exitu ที่ Fairchild Tropical Botanic Garden, Miami, Florida -ภาพถ่ายโดย ดร. Scott Zona / Palmweb -ศูนย์พฤกษศาสตร์มอนต์โกเมอรี่ในไมอามีฟลอริดา ภาพถ่ายโดย Paul Craft -https://www.palmpedia.net/wiki/Attalea_crassispatha ชื่อวิทยาศาสตร์---Attalea crassispatha (Mart.) Burret (1929) ชื่อพ้อง---Has 3 synonyms.See all https://www.monaconatureencyclopedia.com/attalea-crassispatha-2/?lang=en ---Basionym: Maximiliana crassispatha Mart.(1844) ---Bornoa crassispatha (Mart.) O.F.Cook.(1939). ---Orbignya crassispatha (Mart.) Glassman.(1999). ชื่อสามัญ---Carossier oil palm, Corossie Palm ชื่ออื่น---; [HAITI: Carossier, Carroussier, Côrossié, Petit coco, Kawosie, Ti koko, Kowos, Kokowos.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---ATTSS (Preferred name: Attalea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เฮติ นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Attalea' ระลึกถึงกษัตริย์ Attalus III (ประมาณ 170 ปีก่อนคริสตกาล-133 ปีก่อนคริสตกาล) กษัตริย์แห่งเพอร์กามอน นักวิชาการด้านพฤกษศาสตร์และการแพทย์ ; ชื่อเฉพาะสายพันธุ์ 'crassispatha' คือการรวมกันของคำคุณศัพท์ภาษาละติน "crassus, a, um" = ใหญ่ หนา และมีความหมายว่า "spatha, ae" = ดาบ โดยอ้างอิงถึงกาบที่หุ้มช่อดอก Attalea crassispatha เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794–1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Carl Ewald Maximilian Burret (1883–1964) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2472
-ภาพถ่ายโดย Paul Craft https://www.palmpedia.net/wiki/Attalea_crassispatha ที่อยู่อาศัย เป็นพืชเฉพาะถิ่นทางตะวันตกเฉียงใต้ของเฮติ พบบนเนินเขาและหุบเหวในพื้นที่ชื้น ที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติคือป่าชื้นกึ่งเขตร้อน ถูก จำกัด ไว้ที่สี่เมืองภายในแหล่งต้นน้ำใหญ่สองแห่งคือ Cavaillonและ Côtes-de-Fer ที่ระดับความสูง 50-500 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวที่โคนขยายเล็กน้อย สูงประมาณ 20-24 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 30-40 ซม. สีเทา มีรอยแผลเป็น รูปวงแหวน ที่เกิดจากใบร่วง. ลักษณะโดยรวมแล้วคล้ายกับต้นมะพร้าวที่แข็งแกร่ง ใบรูปขนนก (pinnate) กาบใบเปิดไม่พันรอบต้น ทางใบยาว4.5-5.4 เมตร ก้านใบยาวประมาณ 70 ซม. glaucous มีใบย่อย 130-160 คู่จัดเรียงในระนาบเดียวกันสีเขียวซีด ช่อดอกเกิดในหมู่ใบ (interfoliar) ประกอบด้วยแกนหลัก - ก้านช่อดอกและช่อดอก - และชุดของกิ่งก้านเล็กๆ ยาว ประมาณ 1 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) อาจเป็นดอกเพศผู้ ดอกเพศเมีย หรือมีทั้งสองเพศ ผลรูปทรงรีรูปไข่ยาว 3-4 ซม. สีส้มแดงเมื่อสุก มีเมล็ดกลม1เมล็ดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตได้ดีที่สุดในตำแหน่งที่มีแดดจัด ใช้ดินที่ต้องมีการระบายน้ำได้ดี ไม่ทนน้ำขัง สายพันธุ์นี้มีอายุยืนยาวและกว่าจะถึงวัยเจริญพันธุ์ใช้เวลาประมาณ 40 ปี ภายใน 20 ปีแต่ละต้นจะมีดอกเพศผู้เท่านั้น และจะไม่ผลิตดอกไม้เพศเมียจนกว่าจะอายุ 30-40 ปี การใช้ประโยชน์---ใช้กิน เด็กๆชอบกินเอนโดสเปิร์มที่อ่อนนุ่มและยังไม่สมบูรณ์ของเมล็ดที่มีรสชาติคล้ายมะพร้าว แต่มีไขมันหนาแน่นกว่า เมล็ด (และผลไม้ ) เป็นแหล่งไขมันที่ดี มันถูกสกัดและใช้เป็นน้ำมันปรุงอาหาร -ใช้ปลูกประดับ เป็นปาล์มหายากแต่มีลักษณะเป็นไม้ประดับเหมาะสำหรับงานภูมิทัศน์ที่น่าสนใจ -อื่น ๆ ใบใช้สำหรับมุงและทอ ก้านมีความทนทานบางครั้ง ถูกใช้ในการก่อสร้างอาคารแบบดั้งเดิม ภัยคุกคาม---ได้รับการเรียกว่าเป็นหนึ่งในปาล์มที่หายากที่สุดในอเมริกา เนื่องจากมีการขึ้นกระจายเป็นกลุ่มๆ และจำนวนประชากรกำลังลดลง ประชากรส่วนใหญ่มีอายุไม่ถึงเกณฑ์ มีประมาณ30-40 ต้น ในต้นไม้ที่โตเต็มที่ และแต่ละกลุ่มย่อยประกอบด้วย 1-6ต้น สายพันธุ์ถูกคุกคามโดยพายุซึ่งถอนรากต้นไม้ และมีการแปลงที่ดินเพื่อการเกษตรจึง ถูกระบุไว้ใน IUCN Red List ประเภทวิกฤตการใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์ในธรรมชาติในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---CR- CRITICALLY ENDANGERED - IUCN Red List of Threatened Species (2018) มาตรการอนุรักษ์ในปัจจุบัน -ประชากรขนาดใหญ่ในถิ่น Attalea crassispatha ได้รับการดูแลรักษาที่สวนพฤกษศาสตร์เขตร้อน Fairchild, Miami, Florida, USA อาจเป็นคอลเล็คชันที่ใหญ่ที่สุดของสายพันธุ์ในโลก ต้นปาล์มส่วนใหญ่ยังเด็กเกินไปที่จะออกดอกหรือผลไม้ เมล็ดถูกแจกจ่ายไปยังสวนพฤกษศาสตร์อื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกา อเมริกากลาง และที่อื่น ๆ 20แห่ง -ในเฮติต้นกล้าของAttalea crassispathaถูกปลูกบนพื้นที่ของอาคารสาธารณะและบ้านพักส่วนตัวในปี 2533 เพื่อพัฒนาคอลเล็กชั่นนอกประเทศและในประเทศ นอกจากนี้ครอบครัวที่มีAttalea crassispatha ที่เติบโตบนที่ดินของพวกเขาจะได้รับเงินเพื่อรักษาต้นปาล์ม ไม่ทราบว่าการจ่ายเงินนั้นยั่งยืนหรือไม่ -องค์กรพัฒนาเอกชนในท้องถิ่น Fondation Botanique d ' เฮติกำลังดำเนินโครงการสองปีเพื่อตรวจสอบสถานะการกระจายนิเวศวิทยาและการอนุรักษ์ของ Attalea crassispatha โดยได้รับการสนับสนุนจาก Flora & Fauna International โครงการจะดำเนินกิจกรรมเพื่อสร้างจิตสำนึกสาธารณะเผยแพร่และแจกจ่ายต้นกล้าเพื่อนำไปปลูก (cmsdata.iucn.org) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
Attalea funifera/Piassava Fiber Palm

-Photo by Gilenao Machado -Bahia, Brazil. Photo by Alex Popovkin -https://www.palmpedia.net/wiki/Attalea_funifera ชื่อวิทยาศาสตร์---Attalea funifera Mart. (1826) ชื่อพ้อง---Has 3 synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-17793 ---Attalea acaulis Burret. (1933) ---Lithocarpos cocciformis O.Targ.Tozz. ex Steud.(1841) ---Sarinia funifera (Mart.) O.F.Cook. (1942). ชื่อสามัญ---Piassava Fiber Palm, Pissaba palm, Piassava palm, Bahia piassaba palm. ชื่ออื่น---; [PORTUGUESE: Piacava.]; [SPANISH: Coquillo.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---ATTFU (Preferred name: Attalea funifera.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---บราซิล นิรุกติศาสตร์---ชื่อเฉพาะสายพันธุ์ 'funifera' มาจากภาษาละติน funis = " rope " และ fero = "I bear" หมายถึง "ผู้ถือ (ผู้ให้บริการ) ของเชือก" โดยอ้างอิงถึงเส้นใยที่แข็งแรงของพืชซึ่งอาจใช้เพื่อจุดประสงค์นี้ Attalea funifera เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794–1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2369

-La Habana Botanical Garden, Cuba. Photo by Jason Schoneman -Farm São Miguel -Itacaré - BA - Brazil. Photo: Mauricio Caixeta -https://www.palmpedia.net/wiki/Attalea_funifera ที่อยู่อาศัย เป็นพืชถิ่นของชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของบราซิล ใน Bahia แต่ก็เกิดขึ้นเหนือไปยัง Sergipe และ Alagoas ส่วนใหญ่พบในป่าดิบแล้งตามแนวชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล เนินทรายที่มีความเสถียรริมทะเลและป่าชายฝั่งแอตแลนติก ที่ระดับความสูงไม่เกิน 400 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดใหญ่สูงถึง12-15 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 20 - 30 ซม.ต้นกล้าที่เติบโตลงไปในดินเป็นเวลา 3 - 4 ปีทำให้เกิดลำต้นใต้พื้นดินที่ระดับความลึก 100 - 150 ซม.หลังจากนั้นอีกไม่กี่ปีลำต้นอาจเริ่มก่อตัวในระดับพื้นดิน ใบรูปขนนก(pinnate) มงกุฎคล้ายลูกขนไก่ขนาดใหญ่ตั้งขึ้น มีใบ 20-30 ใบ แต่ละใบยาวสูงสุด12เมตร มีก้านใบยาวมาก กาบใบและก้านใบมีเส้นใยยาว ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ช่อดอก สีขาว-เหลืองยาวประมาณ 1 เมตร เป็น ดอกแบบ monoecious-ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น โดยทั่วไปแล้วพืชเล็กมักผลิตช่อดอกด้วยดอกเพศผู้ในขณะที่ต้นโตสูงจะมีแนวโน้มที่จะผลิตช่อดอกเพศเมีย ผลรูปคล้ายสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้าง 3-9 ซม. ยาว 10-15 ซม. มี 1-3 เมล็ด สีน้ำตาลแดง ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม--- ชอบดินทราย แต่สามารถปรับให้เข้ากับดินเหนียวและดินร่วนปนทราย ทั้งที่เป็นด่างและเป็นกรดเล็กน้อย ค่า pH ในช่วง 5 - 5.5 ซึ่งทนได้ถึง 4.5 - 6.5 ต้องการแสงแดดเต็ม แต่จะทนแดดได้ครึ่งวัน เติบโตได้ดีที่สุดในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิตอนกลางวันอยู่ในช่วง 22-25 ° c แต่สามารถทนได้ 18 - 30 ° c และตายที่ 5 ° c หรือต่ำกว่า การนำมาใช้ประโยชน์---พืชถูกเก็บเกี่ยวมาจากป่าเป็นแหล่งของวัตถุดิบที่ใช้ในท้องถิ่นและเพื่อการส่งออก -การนำมาใช้ในงานภูมิทัศน์ เป็นไม้ประดับไม่ว่าจะปลูกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่ม นี่เป็นสายพันธุ์ที่สวยงามอย่างน่าทึ่ง รูปลักษณ์และความสูงที่ประณีตทำให้มันสมบูรณ์แบบ เหมาะสำหรับงานใกล้ทางหลวง และใช้ในการเน้นทิวทัศน์ของที่อยู่อาศัย ลานในที่ร่มจะให้สภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมสำหรับต้นเล็ก ๆ -อืน ๆ ใบใช้สำหรับมุง เมล็ดแข็งใช้เป็น Ivory nut สามารถใช้สำหรับแกะสลักกระดุมและลูกปัดสำหรับลูกประคำ ฯลฯ ผลไม้ถูกนำมาใช้ทำถ่านคุณภาพดี พืชให้เส้นใยที่มีคุณภาพสูงมาก เพื่อใช้ในท้องถิ่น และเพื่อการส่งออก เส้นใยที่ได้จากฐานที่ขยายออกของก้านใบซึ่งแยกออกเป็นขอบที่ยาวและหยาบจะถูกรวบรวมโดยการตัดด้วยขวานขนาดเล็ก เส้นใยมีความแข็งแกร่ง มีสีช็อกโกแลตที่สดใส เป็นวัสดุในการผลิตแปรง ส่วนใหญ่จะใช้กับเครื่องกวาดถนนโดยเฉพาะในลอนดอน เส้นใยสามารถบิดเป็นสายหยาบซึ่งมีน้ำหนักเบาทนทานและลอยอยู่ในน้ำ

-Bundles of recently harvested Piassava leaf base fiber. Bahia, Brazil. -Photo by Dennis Johnson -Farm São Miguel -Itacaré - BA - Brazil. -Photo: Mauricio Caixeta. -https://www.palmpedia.net/wiki/Attalea_funifera ไฟเบอร์จากพืชที่ยังไม่ได้พัฒนาซึ่งรู้จักกันในชื่อ 'bananeiras' มีสีสดใสและยืดหยุ่นกว่า เส้นใยจากพืชจะถูกแยกออกเป็นสามคุณสมบัติ: - (1) เส้นใยสามัญซึ่งพบได้ในหมู่ใบที่แตกและส่วนบนของลำต้น (2) บอลลูนเกิดจากเส้นใยเก่าที่ตกลงสู่พื้นรอบฐานลำต้น (3) Piassava d'olho หรือ 'eye piassava' ซึ่งเป็นการเจริญเติบโตครั้งล่าสุดและมีความคล้ายคลึงกับที่ได้รับจาก 'bananeiras' เนื่องจากความยืดหยุ่นและสีของมันส่วนใหญ่จะใช้ในการมัดก้อน ในช่วงที่ผ่านมามีการใช้ใบ ผลไม้ และเส้นใยจากปาล์ม Piassava เพิ่มมากขึ้น ในบราซิลมีต้น piassava ปาล์ม3 ชนิดได้แก่ Leopoldinia piassaba และ Aphandra natalia มีถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมซอนตะวันตกและ Attalea funifera Mart นั้นมาจากป่าแอตแลนติก เส้นใย Attalea funifera Mart สามารถยาวได้ถึง 5 เมตรมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 มม. และกันน้ำได้ (Aquino, D´Almeida และ Monteiro, 2001, Voecks และ Vinha, 1988) เส้นใย ได้รับการอธิบายว่าหนักกว่าเส้นใย lignocelulosic อื่น ๆ ปาล์ม Piassava มีคุณค่าทางเศรษฐกิจและมักจะไม่ถูกทำลาย การเพาะปลูก piassava บริหารโดยเกษตรกรรายย่อยและครอบครัวประมาณ 2,000 คน พวกเขาเป็นตัวแทนของส่วนสำคัญของเศรษฐกิจการส่งออกในระดับภูมิภาค เช่นในสมัยของสายเคเบิล สมอเรือ และต่อมาในการผลิตไม้กวาดและแปรง ในศตวรรษที่20 การส่งออกเส้นใย Piassava ลดลงอย่างน่าทึ่งเนื่องจากการแข่งขันกับเส้นใย เส้นด้ายสังเคราะห์ สารทดแทนพลาสติก ทุกวันนี้จะถูกใช้เป็นวัสดุอุดเบาะรถยนต์และเสริมแรงในพอลิเมอร์เมทริกซ์ สารตกค้างจากเส้นใยที่รู้จักกันในชื่อชานอ้อยริบบิ้นหรือกากถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเป็นฉนวนกันความร้อนหลังคา ปัจจุบันมีการสกัดวัตถุดิบเหล่านี้มากกว่า 60,000 ตัน จากป่าแอตแลนติก ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2020) ระยะออกดอก/ติดผล---ตลอดปี ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
Attalea maripa /American oil palm.

-Brazil. Photo by Evandro Ferreira -https://www.palmpedia.net/wiki/Attalea_maripa ชื่อวิทยาศาสตร์--- Attalea maripa (Aubl.) Mart.(1844) ชื่อพ้อง---Has 22 Synonyms. See all The Plant List http://www.theplantlist.org/ ---Basionym: Palma maripa Aubl.(1775). ชื่อสามัญ---American oil palm, Inaja Palm, Maripa Palm, Cucurite palm, Kokerit-palm ชื่ออื่น---;[AMERINDIAN: Alitsi, Bohono, Buno.];[BOLIVIA: Almendrilla, Casi cusi.];[BRAZIL: Anaja, Anaja brava.];[COLOMBIA: Anaya, Cucurita.];[DUTCH: Koheri palm.];[GERMAN: Königspalme.];[PERU: Inayuga, Incham.];[PORTUGUESE: Anaja, Inajá, Maripa.];[VRNEZUELA: Anaja, Cucurito.];[Vernacular names: Gaibawe (adult), Wencayapa, Namba (juvenile plant), Gaibamo (fruit).]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---MXMRE (Preferred name: Attalea maripa.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---บราซิล, โบลิเวีย, เปรู, เอกวาดอร์, โคลัมเบีย, เวเนซุเอลา, กีอานา แคริบเบียน ตรินิแดด นิรุกติศาสตร์---ชื่อเฉพาะสายพันธุ์ 'maripa' หมายถึงเมืองหลวงของรัฐโบลิวาร์ ในเวเนซุเอลา Attalea maripa เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย (Aubl.) และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794–1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2387

-ภาพถ่ายถูกถ่ายในเดือนตุลาคม 2011 ในเฟรนช์เกียนาระหว่างการเยี่ยมชมสถานีวิจัย Nouragues (CNRS) ภาพถ่ายโดย jardin lautaret -Photo-Bioversity International, edric -https://www.palmpedia.net/wiki/Attalea_maripa ที่อยู่อาศัย เป็นปาล์มพื้นเมืองมีถิ่นกำเนิดในตรินิแดดและโตเบโกและอเมริกาใต้เขตร้อน พบขึ้นใน ป่าดิบแล้งและพื้นที่เปิดโล่ง หนองน้ำและชายฝั่ง ป่าดิบชื้นและป่าชั้นรอง มักพบในที่ดินที่น้ำไม่ท่วมตามฤดูกาล ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล ถึง 500 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดใหญ่ สูงได้ถึง 7-24 เมตรเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 20-40 ซม. ใบประกอบแบบขนนก (pinnate) มีใบ10-22 ใบ ทางใบยาว 7 เมตร ใบย่อย 230-260 ใบในแต่ละด้านเรียงเป็นกลุ่ม 2-6 กระจัดกระจายในระนาบหลาย ๆ ใบและทำให้ใบมีลักษณะเป็นพุ่มอ่อน ใบตรงกลางยาว 130-150 ซม. และกว้าง 6-8 ซม.ช่อดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น ออกระหว่างกาบใบ ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar)โค้ง ความยาว 1.5-2 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน (monoecious) ดอกเพศผู้สีครีมเกสรเพศผู้ไม่เด่นมีเกสรเพศผู้คล้ายเข็ม 6 อันยาว 6-8 มม. ดอกเพศเมีย ยาว 20 มม. ผลกลมรีมีเนื้อกินได้ ขนาด5-6.5 ซม.เมื่อสุกสีส้มออกน้ำตาลเข้ม เมล็ดกลมรี มี 1-3 เมล็ด ขนาด4-6 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เจริญเติบโตปานกลาง ขึ้นได้ในดินหลายประเภทตั้งแต่ ทราย ดินทรายไปจนถึงดินเหนียว ที่มีการระบายน้ำดี ปลูกในตำแหน่งที่มีแสงแดดจัด แต่ในธรรมชาติเมื่ออยู่ในป่าก็สามารถอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้อื่นได้ ใช้ประโยชน์--- ใช้กิน ตายอดกินเป็นผัก ผลดิบเนื้อฉ่ำหอมสีเหลืองหรือสีครีมไม่มีเส้นใยมีรสหวานน่ากิน ผลสุกใช้ทำเครื่องดื่ม น้ำมันที่สกัดจากเมล็ดใช้สำหรับทำอาหาร -ใช้เป็นยา น้ำมันจากเมล็ดใช้ถูทาบรรเทาอาการไขข้ออักเสบ -ใช้ปลูกประดับ นำมาปลูกเป็นไม้ประดับใช้ในการจัดสวน ปลูกลงแปลงการแจ้ง ช่วงประดับที่สวยงาม 1-5 เมตร -ใช้ใน วนเกษตร เป็นปาล์มที่มีลักษณะของผู้บุกเบิก จะงอกใหม่อย่างรวดเร็วหลังถูกตัดลง เมล็ดที่อยู่เฉยๆงอกขึ้นหลังจากไฟป่าหรือการล้างพื้นที่ป่าลักษณะเหล่านี้ทำให้เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมในฐานะผู้บุกเบิกสายพันธุ์เพื่อฟื้นฟูป่า เพื่อสร้างสวนป่า -อื่น ๆ ไม้มีน้ำหนักปานกลาง, แข็ง, แต่มีความทนทานต่ำ ลำต้นทั้งหมดจะใช้ในท้องถิ่นสำหรับการก่อสร้างในชนบท ใบใช้สำหรับมุง เมล็ดที่แข็งใช้สำหรับทำเครื่องประดับ ใบอ่อนถูกทำเป็นเสื่อและตะกร้าใช้เป็นวัสดุทอที่ใช้งานหนัก ผลไม้เป็นแหล่งน้ำมัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความเหมาะสมในการผลิตไบโอดีเซล ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2001) ขยายพันธุ์---เมล็ด เพาะเมล็ดสดทันทีเมื่อสุก ใช้เวลาในการงอก3-4เดือน
|
Attalea phalerata/ Urucuri Palm

-Parque Nacional Madidi, Rurrenabaque, Bolivia. Photo by By Christian Defferrard -Photo-palmnutpages.com -https://www.palmpedia.net/wiki/Attalea_phalerata ชื่อวิทยาศาสตร์---Attalea phalerata Mart ex Spreng. (1825) ชื่อพ้อง---Has 8 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:26580-2#synonyms ---Scheelea phalerata (Mart. ex Spreng.) Burret (1929). ---Attalea excelsa Mart. (1826). ---Maximiliana princeps Mart (1842), nom. nud. ---Scheelea princeps var. corumbaensis Barb.Rodr. (1898). ---Scheelea corumbaensis (Barb.Rodr.) Barb.Rodr. (1903). ---Scheelea martiana Burret (1929). ---Scheelea microspadix Burret (1940). ---Attalea phalerata var. concinna L.R.Moreno & O.I.Moreno (2003). ชื่อสามัญ---Urucuri Palm, Acuri Palm ชื่ออื่น---;[BRAZIL: Urucurí.];[PORTUGUESE: Uricurí vermelho, Urucurizeiro, Aricuri, Bacuri.];[SPANISH: Shapaja, Motacu.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---ATTPH (Preferred name: Attalea phalerata.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---บราซิล โบลิเวีย ปารากกวัยเปรู โคลัมเบีย Attalea phalerata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794–1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน จากอดีต Kurt Sprengel (1766–1833) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2368 ที่อยู่อาศัย พบในอเมริกาใต้-ประเทศโบลิเวีย, บราซิลเหนือ, บราซิลตะวันออกเฉียงเหนือ, บราซิลตะวันออกเฉียงใต้, บราซิลตะวันตก - อเมริกากลาง-โคลัมเบีย ปารากวัยและเปรู เติบโตไปตามทางตอนใต้และตะวันตกของ Amazonia ในป่าฝน สะวันนา ป่าดิบแล้งและพื้นที่เปิดโล่ง พบได้เกือบเฉพาะในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก ที่ระดับความสูง 100 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูง 4-7 เมตรขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 30 - 40 ซม. มงกุฎขนาดใหญ่หนาทึบมีใบถึง 30 ใบ ใบรูปขนนก (pinnate) ยาว 2 - 3 เมตรและตั้งขึ้น ก้านใบมักจะถูกปกคลุมไปด้วยฐานใบเก่า ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น(monoecious) การออกดอกเกิดขึ้นตลอดทั้งปี ผลิตผลปีละ2ครั้งออกเป็นพวงขนาดใหญ่สีส้มสดใส ผลมีขนาดความยาวไม่เกิน 11 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ชอบตำแหน่งที่มีแสงแดดเต็มที่ เจริญเติบโตได้ดีในดินเหนียวที่เป็นด่างเล็กน้อย มีอินทรีย์วัตถุที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ทนน้ำท่วม อัตราการเจริญเติบโตทั่วไปปานกลางแต่การงอกของเมล็ดช้ามากโดยเมล็ดใช้เวลาเกือบหนึ่งปีในการงอก ต้นอ่อนเติบโตช้า ไม่ทนแสงแดดโดยตรง เริ่มออกดอกและผลิตผลในขณะที่มีขนาดเล็กมากและก่อนที่ลำต้นจะเริ่มพัฒนา เจริญพันธุ์เมื่ออายุ 7-10 ปี (สูง 1 เมตร) ศัตรูพืช/โรคพืช--- Rhodinus stali แมลงซึ่งเป็นพาหะของโรค Chagas อาจเข้าทำลายต้นไม้นี้ได้ ; Pachymerus cardo (ด้วงงวง) นักล่าเมล็ดพันธุ์ในสายพันธุ์นี้ การใช้ประโยชน์---ต้นไม้มักถูกนำมาจากป่าเพื่อผลไม้และเมล็ดที่กินได้ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมในท้องถิ่น เป็นแหล่งที่สำคัญที่สุดของวัสดุมุง -ใช้กิน ใบอ่อนและผล กินได้ ตายอด-สุกกินเป็นผัก น้ำมันจากเมล็ดใช้ประกอบอาหารและอาหารทอด -ใช้เป็นยา เมล็ดใช้สำหรับการติดเชื้อและการแพร่กระจายใช้ในการเผาผลาญและโภชนาการ ใช้ในระบบทางเดินหายใจ น้ำมันจากเมล็ดถูกถูลงบนหนังศีรษะเพื่อเป็นการรักษาศีรษะล้านและใช้ถูทาสำหรับอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ รากใช้สำหรับระบบสืบพันธุ์และสุขภาพทางเพศ รากและเมล็ดใช้ในการรักษาระบบย่อยอาหาร -ใข้ในวนเกษตร พืชพบได้ในป่าเกือบเฉพาะในดินเหนียวที่อุดมสมบูรณ์มากจนถึงขนาดที่ถือว่าเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีเยี่ยมของสภาพดินและพืชจะถูกปล่อยให้เติบโตในทุ่งหญ้าเพื่อเพิ่มมูลค่าของที่ดินเมื่อขาย -เนื่องจากกาบใบกักเก็บน้ำไว้ในปริมาณมากพืชจึงมักจะกลายเป็นที่อยู่ของพืชจำพวกเอพิไฟต์และต้นมะเดื่อป่า -ใช้ปลูกประดับ การใช้ในงานภูมิทัศน์ เป็นปาล์มที่มีลักษณะน่าดึงดูดสำหรับสวนสาธารณะและสวนขนาดใหญ่เหมาะสำหรับทั้งสวนเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เป็นปาล์มประดับที่ที่ใช้ในการจัดสวนเป็นที่นิยมกันมากในบราซิล -อื่น ๆ ใบใช้สำหรับมุงหลังคา ลำต้นสำหรับเสาเพื่อสร้างบ้าน น้ำมันเมล็ดใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง ผลไม้ใช้เลี้ยงสัตว์ ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2001) ระยะออกดอก/ติดผล---ตลอดทั้งปี/ติดผลสองครั้งต่อปี ขยายพันธุ์---เมล็ด เมล็ดสามารถเก็บรักษาได้นานถึง 60 วัน แต่ที่ดีที่สุดคือใช้เมล็ดสดปลูกทันทีที่สุก
|
Attalea speciosa/ Babassu palm

-South Florida. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -Coral Bay, Miami, FL. Photo by Kyle Wicomb https://www.palmpedia.net/wiki/Attalea_speciosa ชื่อวิทยาศาสตร์---Attalea speciosa Mart.(1825) ชื่อพ้อง---Has 11 Synonyms. See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-17840 ---Orbignya barbosiana Burret. (1932) ---Orbignya speciosa (Mart.) Barb. Rodr.(1903). ชื่อสามัญ--Babassu, Babassu palm, Cusi Palm ชื่ออื่น---;[BOLIVIA: Cusí.];[BRAZIL: Babaçú, Babassu.];[CHINESE: Ba la su ao bi ni ya zong (as Orbignya barbosiana).];[FRENCH: Babassou.];[GERMAN: Babassupalme.];[JAPANESE: Babasu.];[NORWEGIAN: Babassuolje.];[PORTUGUESE: Babaçú, Cusí, Baguaçu, Auaçu, Aguaçu, Guaguaçu, Uauaçu, Coco-de-macaco, Coco-de-palmeira, Coco-naiá, Coco-pindoba, Palha-branca.];[SPANISH: Babassupalmu babasú, Palma babasu.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---ORBMA (Preferred name: Attalea speciosa.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---บราซิล, โบลิเวีย, กายอานา, ซูรินัม นิรุกติศาสตร์---ชื่อเฉพาะสายพันธุ์ 'speciosa' เป็นคำเฉพาะที่หมายถึง 'showy'= 'ฉูดฉาด' Attalea speciosa เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794–1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2368

-Brazil. Photo by André Cardoso -Photo by Michael Pascall -https://www.palmpedia.net/wiki/Attalea_speciosa ที่อยู่อาศัย ปาล์มพื้นเมืองในป่าอะเมซอนในภูมิภาคอเมริกาใต้ มีถิ่นกำเนิดในประเทศบราซิล, กายอานา, ซูรินัมและโบลิเวีย พบในภูมิอากาศเขตร้อนชื้นตามแม่น้ำและพื้นหุบเขา ที่ลุ่ม ที่ระดับความสูงถึง 500 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวสูงถึง15 -30 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 20 - 50 ซม. มงกุฎกลมหนาทึบขนาดกว้าง 8 เมตร มีใบ 15 - 20 ใบ ใบรูปขนนก แต่ละใบยาว 5 - 8 เมตร ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ช่อดอกห้อยลง สีขาว-เหลืองยาวประมาณ 1-1.5 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น(monoecious) ผลรูปคล้ายสีเหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง5-9 ซม. ยาว8-15ซม. มี 3 - 6 เมล็ด เมล็ดรูปไข่มีขนาด กว้าง 1 - 2 ซม. ยาว 6 ซม.เมล็ดหุ้มด้วยเปลือกไม้เนื้อแข็งคล้ายกับกะลามะพร้าว ให้ผลผลิตจำนวนมาก (มากถึง 800-1,000 ผลต่อช่อดอก) ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการตำแหน่งที่มีแสงแดดเต็มที่ ชอบดินอุดมสมบูรณ์ที่ระบายน้ำได้ดี สามารถทนต่อความแห้งแล้งได้ เมล็ดที่งอกใหม่ แข็งแรงมากในพื้นที่เปิดโล่ง มากจนถือว่าเป็นวัชพืชที่บุกรุกในพื้นที่ที่ต้องกำจัดเพื่อใช้เป็นทุ่งหญ้า ในป่าหลักต้นกล้าต้องใช้เวลาถึงเจ็ดปีในการผลิตใบผสมใบแรกและนานถึง 42 ปีสำหรับใบอื่น ๆ เมื่อปลูกโดยไม่มีร่มเงาและในสภาพที่เอื้ออำนวยมากกว่านี้พืชอาจใช้เวลาเพียง 10 ปีในการเจริญ เริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 8 - 12 ปี ใช้ประโยชน์---Babassu เป็นต้นไม้เอนกประสงค์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ใช้ผลิตอาหารยาและวัสดุอื่น ๆ ที่หลากหลายสำหรับประชากรในท้องถิ่น นอกจากนี้ยังเป็นพืชน้ำมันเชิงพาณิชย์ที่สำคัญมากในอเมริกาใต้ เมล็ดของมันให้น้ำมันชนิดหนึ่งที่รู้จักกันในทางการค้าว่าน้ำมันบาบาสซู (Babassu oil) 60% ถึง 70% สกัดโดยผ่านกรรมวิธีทางเคมี มีลักษณะโปร่งใสมีกลิ่นเหมือนวอลนัทและเปลี่ยนเป็นของเหลวที่อุณหภูมิ 20-30 ° C มีลักษณะเป็นครีม -ใช้กิน เนื้อของเมล็ด ใช้ในการผลิตแป้ง ตายอด ถูกสกัดจากต้นเพื่อทำน้ำผลไม้ น้ำมันจากเมล็ดใช้ในการปรุงอาหาร ลำต้นให้ผลผลิตน้ำนมซึ่งหมักเป็นไวน์ปาล์ม mesocarp เป็นแหล่งที่มีศักยภาพของแป้งอุตสาหกรรมกลูโคสหรือแอลกอฮอล์ ขี้เถ้าจากลำต้นที่ถูกเผาใช้แทนเกลือ -ใช้เป็นยา ใบและเอนโดสเปิร์มเหลวใช้ในยาท้องถิ่น เมล็ดนำมาใช้เป็นยาทาเส้นและเพื่อรักษาโรคไขข้อ เมล็ดบดเป็นผงและรวมกับน้ำตาลและน้ำทำให้สดฃื่น แก้ไข้ -วนเกษตรใช้ เป็นสายพันธุ์บุกเบิกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฟื้นฟูป่าไม้พื้นเมืองและใช้เมื่อสร้างสวนป่า มักจะปลูกในพื้นที่ดั้งเดิม -ใช้ปลูกประดับ ความสวยงามของใบและทรงต้น นำมาใช้ เพื่อเป็นไม้ประดับตามถนน สวนสาธารณะ และ งานภูมิทัศน์ในพื้นที่ขนาดใหญ่ -อื่น ๆ ไม้มีน้ำหนักปานกลางอ่อนนุ่มและมีความทนทานต่ำ ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างในอาคารชนบท ใบและก้านของปาล์มใช้ทำตะกร้าและหัตถกรรมอื่น ๆที่ทำจากเส้นใยของใบสามารถนำมาทอเป็นเสื่อสำหรับทำผนังบ้าน น้ำมันปาล์มใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ เป็นสารหล่อลื่น และใช้ในสบู่และเครื่องสำอาง นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการใช้เป็นสารตั้งต้นสำหรับการปลูกพืชไร้ดิน เปลือกเมล็ดที่แข็งคล้ายกะลาสามารถใช้ในการทำถ่านไร้ควัน รู้จักอันตราย---ต้องระวังผลึกซิลิเกตชั้นดีที่ร่วงหล่นจากผล อาจทำให้ตาของนักสะสมเสียหายร้ายแรง ระยะออกดอก/ติดผล---ตลอดทั้งปี/ติดผลสองครั้งต่อปี ขยายพันธุ์---เมล็ด - เมื่อเก็บไว้ในเปลือก เมล็ดอาจมีชีวิตยาวนานหลายปี
|
สกุล Brahea (brah-HEH-ah) มีถิ่นกำเนิด ในเม็กซิโก และอเมริกากลาง มักถูกเรียกว่า Hesper Palm มีทั้งหมด14 สายพันธุ์ Hesper Palms ทั้งหมดมีใบขนาดใหญ่รูปพัด มี11สายพันธุ์ที่ยอมรับได้ ต่อไปนี้จะเป็นชื่อสายพันธุ์และเขตกระจายพันธุ์ (แสดงในหน้านี้ 11 สายพันธุ์) 1 Brahea aculeata (Brandegee) H.E.Moore ---Sonora, Sinaloa, Durango 2 Brahea armata S.Watson ---Baja California, Sonora (ดูที่ ปาล์ม 6) 3 Brahea brandegeei (Purpus) H.E.Moore ---Baja California Sur, Sonora 4 Brahea calcarea Liebm. ---western Mexico, Guatemala 5 Brahea clara (L.H.Bailey) Espejo & López-Ferr ---Baja California, México 6 Brahea decumbens Rzed. ---Tamaulipas, San Luis Potosí 7 Brahea dulcis (Kunth) Mart. ---Belize, Guatemala, Honduras, El Salvador 8 Brahea edulis H.Wendl. ex S.Watson ---Guadalupe Island in State of Baja California 9 Brahea moorei L.H.Bailey ex H.E.Moore ---Hidalgo, Querétaro, San Luis Potosí, Tamaulipas 10 Brahea pimo Becc. ---Nayarit, Jalisco, Guerrero, México State, Michoacán 11 Brahea salvadorensis H.Wendl. ex Becc. ---El Salvador, Honduras, Nicaragua 12 Brahea sarukhanii H.J.Quero ---Nayarit, Jalisco นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Brahea ให้เป็นเกียรติแก่Tycho Brahe (1546-1601) นักดาราศาสตร์ชาวเดนมาร์ก |
Brahea aculeata/ Sinaloa Hesper Palm
-Photo by Colin wilson -https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_aculeata ชื่อวิทยาศาสตร์---Brahea aculeata (Brandegee) HEMoore, 1980 ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all https://www.gbif.org/species/169205923 ---Basionym: Erythea aculeata Brandegee. (1905) ---Glaucothea aculeata (Brandegee) I.M.Johnst. (1924) ชื่อสามัญ---Sinaloa Hesper Palm, Aculeata Fan Palm ชื่ออื่น---;[MEXICO: Palmilla, Ta’aco, tajcù.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---BHQSS (Preferred name: Brahea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เม็กซิโก นิรุกติศาสตร์---สกุลนี้ถูกตั้งชื่อตาม Tycho Brahe นักดาราศาสตร์ชาวเดนมาร์ก (1546-1601) ; ชื่อสายพันธุ์ 'aculeata' คือคำคุณศัพท์ภาษาละติน "aculeatus, a, um" = aculeate โดยอ้างอิงถึง stings ที่อยู่ตรงปลายก้านใบ Brahea aculeata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยTownshend Stith Brandegee (1843–1925) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Harold Emery Moore (1917–1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2523

-Photo by Fred -Photo:https://www.palmpedia.net -https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_aculeata ที่อยู่อาศัย เป็นพืชเฉพาะถิ่นทางตะวันตกเฉียงเหนือของเม็กซิโกซึ่งมีถิ่นกำเนิดใน รัฐดูรังโก รัฐซีนาโลอา และรัฐ โซโนรา พบในดินที่แห้งแล้งและเต็มไปด้วยหิน ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดเล็ก สูง 2-9 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15-25 ซม. สีน้ำตาลดำ กาบใบมักติดแน่นไม่หลุดร่วงบางครั้งลำต้นด้านบนปกคลุมด้วยกระโปรงของใบไม้ที่ตายแล้วหนาแน่น แต่เมื่ออายุมากขึ้นจะหลุดร่วงไปเองและทิ้งร่องรอยแผล เป็นวงแหวนรอบลำต้น ใบรูปพัด (costapalmate) สีเขียวอมเหลือง ยาว 50-90 ซม.กว้าง 0.6-1 เมตร ด้านล่างของใบค่อนข้าง glaucous (สีเงิน) เช่นเดียวกับก้านใบ ก้านใบยาว0.5-1 เมตร ขอบก้านใบมีหนามเรียงไม่เป็นระเบียบ ยาว1-5 มม.ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar)โค้งจากภายในมงกุฎและบางครั้งก็ขยายออกไปไกลกว่านั้น กิ่งก้านเล็ก ๆ มากมาย ดอกสมบูรณ์เพศมีทั้งเพศผู้และเพศเมียในดอกเดียวกัน (hermaphrodite) ดอกขนาดเล็กสีขาวมีกลิ่นหอมแรง ผลกลมสีเขียวมะกอกเมื่อสุกมีสีดำมันวาวขนาด2-2.5ซม. มีเมล็ด1เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่ ดินต้องมีการระบายน้ำที่ดีมาก ปรับตัวให้เข้ากับดินที่ไม่ดีอัลคาไลน์และอาจมีความแห้งแล้งเป็นเวลานานได้ดี ทนแดดร้อนและสภาวะลมแรง เติบโตช้า ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นพืชที่มีลักษณะเป็นไม้ประดับ เหมาะสำหรับสวนทะเลทรายที่เพาะปลูกได้ในเขตร้อนเขตกึ่งเขตร้อนและเขตอบอุ่น แต่ไม่ค่อยเห็นในการเพาะปลูก -อื่น ๆ ใบถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางโดยประชากรในท้องถิ่นเป็นที่อยู่อาศัย ทำเชือกเครื่องจักสานและมุงหลังคา ในฐานะที่เป็นวัสดุมุงหลังคาพวกเขาให้การป้องกันที่ยอดเยี่ยมจากความร้อนและเงียบในช่วงฝนตกหนัก หลังคามีอายุประมาณ25 ปี ผลไม้เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญสำหรับสัตว์ในท้องถิ่น ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามโดยการสูญเสียที่อยู่อาศัย ถูกจัดวาง ไว้ใน บัญชีแดงของ IUCN (สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ) ว่าเป็น "ความอ่อนแอ" (สปีชีส์ภายใต้ความเสี่ยงของการสูญพันธุ์ในป่า) สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE - IUCN. Red List of Threatened Species (1998) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 1-3 เดือน
|
Brahea brandegeei/ San José hesper palm

-Naples Botanical Gardens. Photo by Angelo Porcelli -The Huntington Botanical Gardens, San Marino, CA. Photo by Dr. Axel kratel. -https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_brandegeei ชื่อวิทยาศาสตร์---Brahea brandegeei (Purpus) H.E.Moore (1975) ชื่อพ้อง---Has 3 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-24008 ---Basionym: Erythea brandegeei Purpus. (1903). ---Glaucothea brandegeei (Purpus) I.M.Johnst. (1924). ---Erythea brandegeei var. spiralis M.E.Jones. (1933). ชื่อสามัญ--- Brandegee palm, San José hesper palm ชื่ออื่น---;[FRENCH: Palmier de Brandegee, Palmier de San José .];[GERMAN: San-Jose-Herperidenpalme.];[MEXICO: Palma de taco, Palma negra, Palmilla.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---BHQBR (Preferred name: Brahea brandegeei.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เม็กซิโก นิรุกติศาสตร์--ชื่อสายพันธุ์ 'brandegeei' เพื่อเป็นเกียรติแก่วิศวกรและนักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน Townshend Stith Brandegee (1843-1925) Brahea brandegeei เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Albert Purpus (1851–1941 ) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Harold Emery Moore (1917–1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2518 ที่อยู่อาศัย ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในเขตกึ่งแห้งแล้งของเม็กซิโกตะวันตกเฉียงเหนือ (บาฮาแคลิฟอร์เนียและโซโนรา) เติบโตขึ้นอยู่บนเนินเขาและในหุบเขาในระดับความสูงปานกลาง ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงถึงประมาณ 15 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 30-40 ซม.ลำต้นสีน้ำตาลอมเทา เมื่อต้นเล็กลำต้นถูกปกคลุมบางส่วนโดยใบไม้แห้งที่ติดแน่น เมื่อต้นโตขึ้นใบจะหลุดร่วงไปเองโดยทิ้งรอยแผลเป็นรอบต้นถี่ๆ ก้านใบแข็ง ยาว1-1.30 เมตร ขอบก้านใบมีหนามแข็งสีเหลืองอ่อนเป็นซี่ๆยาว 6ซม.ใบมี40-70ใบ ใบรูปพัด (costapalmate) ขอบใบจักลึกครึ่งใบ สีเขียวแกมน้ำเงินทั้งสองด้าน ด้านบนสะดือมีขอบสีม่วงนูนเด่น ข่อดอกออกระหว่างกาบใบ (interfoliar) ยาว4-6 เมตร ดอกสมบูรณ์เพศมีทั้งเพศผู้และเพศเมียในดอกเดียวกัน (hermaphrodite) ดอกสีขาวครีม ติดผลจำนวนมาก ผลรียาวรูปขอบขนาน ยาว1.5-2.2 ซม. เมื่อสุกสีน้ำตาลมันวาว ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่และดินมีการระบายน้ำที่ดี สามารถปรับตัวให้เข้ากับดินที่ไม่ดีและอัลคาไลน์ ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลกินได้เมื่อยังไม่สุกเต็มที่ตอนกำลังเป็นสีเหลือง รสชาดคล้ายอินทผลัม คนในท้องถิ่น เรียกว่า " ทาโก้ " “tacos” -ใช้ปลูกประดับ ถือได้ว่าเป็นไม้ประดับที่มีการเติบโตค่อนข้างเร็ว แต่ก็ยังมีการเพาะปลูกเพียงเล็กน้อยเนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับWashingtonia robusta ซึ่งเติบโตเร็วกว่าและหาได้ง่ายกว่า สามารถปลูกเป็นไม้กระถางขนาดใหญ่ หรือปลูกลงแปลงกลางแจ้ง ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2015) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 3-6 เดือน
|
Brahea clara/ Blue Sonora Hesper Palm

-Photo:https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_clara ชื่อวิทยาศาสตร์---Brahea clara (L.H.Bailey) Espejo & López-Ferr.(1993) ชื่อพ้อง---This name is a synonym of Brahea armata S.Watson.(1876).See all https://www.gbif.org/species/2736801 ชื่อสามัญ---Blue Sonora Hesper Palm, Gray-goddess ชื่ออื่น---None (Not recorded) ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---BHQSS (Preferred name: Brahea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---สหรัฐอเมริกา เม็กซิโกตะวันตก Brahea clara เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Liberty Hyde Bailey (1858-1954) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Mario Adolfo Espejo Serna ( 1951 ) เป็นนักธรรมชาติวิทยา นักพฤกษศาสตร์และนักนิเวศวิทยาชาวเม็กซิกันและ Ana Rosa López Ferrari (1957-) นักพฤกษศาสตร์ชาวเม็กซิกัน ในปี พ.ศ.2536 แม้ว่าปาล์มนี้จะได้รับการรับรองว่าเป็นหมวดหมู่ของตัวเองแต่เชื่อกันว่าเป็นลูกผสมธรรมชาติระหว่าง B.armata และ B. brandegeei ในทางพฤกษศาสตร์อาจมีความหมายเหมือนกันกับ B. armata เป็นที่รู้จักทั่วอ่าวซานคาร์ลอสในโซโนรา
 Brahea clara 'Icy Blue' Photo:https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_clara ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวสูงประมาณ 8-12 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น30-50ซม.ก้านใบมีหนาม ใบรูพัด (Costapalmate) ขอบใบจักเว้าลึกเกือบถึงสะดือสีของใบมีตั้งแต่สีเขียวมะกอก สีเขียวอมน้ำเงิน ไปจนถึงสีฟ้าน้ำแข็ง 'Icy Blue' ปลายใบที่ห้อยลู่ลง เหมือนปาล์มจีน (Livistona chinensis) ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---มีการกล่าวถึงอย่างเด่นชัดจากโซโนราประเทศเม็กซิโก รายงานว่าแข็งแรงกว่าเติบโตเร็วกว่าและปรับให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นได้ดีกว่าชนิดอื่น เป็น Brahea ที่เติบโตเร็วที่สุด (RPS.com.) ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2015) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
Brahea calcarea/ White Rock Palm

-Photo by Angelo Porcelli -Photo by Justen Dobbs -https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_calcarea ชื่อวิทยาศาสตร์---Brahea calcarea Liebm.(1853). ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all https://powo.science.kew.org/taxon/664895-1#synonyms ---Brahea nitida André (1887) ---Brahea prominens L.H.Bailey (1943) ชื่อสามัญ---White Rock Palm, Rock Palm, Oaxaca Palm ชื่ออื่น---None (Not recorded) ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---BHQSS (Preferred name: Brahea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---กัวเตมาลา เม็กซิโก นิรุกติศาสตร์---สกุลนี้ถูกตั้งชื่อตาม Tycho Brahe นักดาราศาสตร์ชาวเดนมาร์ก (1546-1601) ; ชื่อสายพันธุ์ 'calcarea' เป็นคำศัพท์ภาษาละตินที่แปลว่า ''ปูน'' Brahea calcarea เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยFrederik Michael Liebmann (1813–1856) นักพฤกษศาสตร์ชาวเดนมาร์ก ในปี พ.ศ.2396 ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตะวันตกและทางใต้ของเม็กซิโก(ซีนาโลอา โออาซา กาเกร์เรโร) เติบโตบนเนินเขาหินปูนที่แห้งแล้งท่ามกลางต้นสนและต้นโอ๊กที่ระดับความสูงระหว่าง 900 - 2,,000 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดกลางที่หายากและสวยงามเป็นสายพันธุ์เดียวของ Brahea ที่ก้านใบไม่มีหนาม ต้นสูงประมาณ 12 เมตร มีใบ20-30 ใบ ใบรูปพัด (Costapalmate) ขอบใบจักลึกครึ่งใบ ตอนเล็กใบสีเขียวสดใสเมื่อโตเต็มที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเทา ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar)โค้งจากภายในมงกุฎและบางครั้งก็ขยายออกไปไกลกว่านั้น กิ่งก้านเล็ก ๆ มากมาย ดอกสมบูรณ์เพศมีทั้งเพศผู้และเพศเมียในดอกเดียวกัน (hermaphrodite) ผล (ไม่มีข้อมูล) ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---การเจริญเติบโตช้า ช่วงชีวิตยืนยาว ทนลม ทนแล้งได้ดี ต้องการแสงแดดเต็มที่หรือมีร่มเงาบางส่วน ดินมีการระบายน้ำดี ไม่ท่วมขัง ไม่ชอบความชื้นสูง ต้องการน้ำเท่าที่จำเป็น การใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เหมาะกับสวน Xeriscape (Xeriscaping ภูมิทัศน์อนุรักษ์น้ำ แตกต่างจากการจัดสวนแบบธรรมชาติเพราะการเน้นในการทำ Xeriscaping นั้นเป็นการเลือกพืชเพื่อการอนุรักษ์น้ำไม่จำเป็นต้องเลือกพืชพื้นเมือง) ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2015) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
Brahea decumbens/ Mexican Dwarf Blue Palm

-The Huntington Botanical Gardens, San Marino, CA. -Photo: https://www.palmpedia.net -Brahea decumbens in blue, CA -https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_decumbens ชื่อวิทยาศาสตร์---Brahea decumbens Rzed (1955) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.net/tpl/record/kew-24013 ชื่อสามัญ---Mexican Dwarf Blue Palm, Sierra Madre Palm. ชื่ออื่น---None (Not recorded) ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---BHQSS (Preferred name: Brahea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เม็กซิโก นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Brahea- ตั้งชื่อตาม Tyco Brahe (1546-1601) นักดาราศาสตร์ชาวเดนมาร์กในศตวรรษที่ 16 ; ชื่อสายพันธุ์ 'decumbens' เป็นคำภาษาละติน = "นอนราบ" Brahea decumbens เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Jerzy Rzedowski (2469–) นักพฤกษศาสตร์ชาวเม็กซิกัน ในปี พ.ศ.2498 ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโก (ตาเมาลีปัส, ซานหลุยส์โปโตซี) เทือกเขา Sierra Madre Orientale ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเม็กซิโก เติบโตในป่าโอ๊กและในบริเวณที่โล่งกว้างมากบนเนินเขาหินปูน ที่ระดับความสูง 1,000-2,000 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ลำต้นเป็นเหง้ายาวอยู่ใต้ดิน ความสูง 0-1.8 เมตร ลำต้นที่สูงกว่านี้ จะโค้งไม่ตั้งตรง (หายากไม่ค่อยพบ) เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15 ซม. ลำต้น เกือบจะปกคลุมด้วยฐานใบที่ติดแน่น Crownshaftไม่มี ใบ มี 8-12ใบ ต่อต้น ที่ก้านใบมีหนาม ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ตั้งตรงยาวเหนือใบ ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ผลไม่ค่อยเห็น (ไม่มีข้อมูล) ลักษณะที่พิเศษที่สุดของตัวอย่างที่สมบูรณ์ของปาล์มนี้คือ ใบรูปพัดสีฟ้า ใบแต่ละใบเติบโตเป็นครึ่งวงกลมกว้าง 0.6-0.9 ซม และอาจมีปรากฎการณ์ที่ใบปาล์มอาจจะเป็นสีน้ำเงินเข้ม สีของใบเกิดจากแว็กซ์ที่ครอบคลุมทั้งบนและล่างของแผ่นใบ และลบออกได้ง่ายด้วยการสัมผัส ต้นอ่อนจะมีใบสีเขียว ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตช้าแต่อย่างต่อเนื่อง เติบโตได้ดีที่สุดในแสงแดดเต็มที่ แต่จะทนต่อร่มเงาได้ ขึ้นได้ในดินทุกชนิด ถึงจะเป็นดินที่ไม่ดี pH 6.6-8.5 แต่การระบายน้ำต้องดีที่สุด มีความทนทานต่อความแห้งแล้งและน้ำค้างแข็งสูง การใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ B. decumbens เป็นหนึ่งใน Braheas อยู่ในอันดับต้น ๆ ของต้นปาล์มที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด เนื่องจากความหายากและความงาม เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบปาล์มทั่วโลก ภัยคุกคาม---เนื่องจากประชากรเหลือน้อยในถิ่นกำเนิด มีความเสี่ยงในป่าเมล็ดถูกกัดกินโดยแมลงและต้นอ่อนถูกกินโดยแพะ ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท'ใกล้สูญพันธุ์' (มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์ในป่า) สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (2015) ขยายพันธุ์---เมล็ด เมล็ดพันธุ์หายากมากไม่เคยได้ในแหล่งเพาะปลูก ปาล์มต้นใหม่ได้จากการเพาะเมล็ดป่าที่มาจากถิ่นกำเนิด Sierra Madre เท่านั้น
|
Brahea dulcis/ Sombrero Palm

-Green form in habitat, Mexico. Photo by Richard Travis -Huntington Botanical Gardens. Photo by Fred -https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_dulcis ชื่อวิทยาศาสตร์---Brahea dulcis (Kunth) Mart.(1837) ชื่อพ้อง---Has 15 Synonyms. ---Basionym: Corypha dulcis Kunth (1816) ---More.See all The Plant List http://www.theplantlist.net/tpl/record/kew-24014 ชื่อสามัญ---Sombrero Palm, Blue Rock Palm, Palmito Serrano Norteño, Apak palm, Rock palm, Sweet Hesper palm. ชื่ออื่น---;[CHINESE: Tian shi zong.];[GERMAN: Felsenpalme, Steinpalme.];[MEXICO: Acercamiento, Palma sombrero, Soyate.];[PORTUGUESE: Palmeira-doce.];[RUSSIAN: Pal'ma sombrero.];[SPANISH: Capulín, Parmilla, Palma dulce.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---EYHSA (Preferred name: Brahea dulcis.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เบลีซ, เอลซัลวาดอร์, กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส, เม็กซิโก Brahea dulcis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยCarl Sigismund Kunth (1788–1850) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794–1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2380 ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิด อยู่ในSouthern N. America - Reo Grande Valley of Texas,พบทั่วไปบนหน้าผาเนินเขาในพื้นที่แห้งแล้ง ป่าเปิด ป่าโอ๊ค มักอยู่บนดินหินปูน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเม็กซิโกและทางใต้สู่กัวเตมาลาและนิการากัวไปยังเม็กซิโก ที่ความสูง 300-1,700 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูง 2 - 7.5 เมตร ไม่ค่อยผลิตหน่อ มีเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 12 - 20 ซม. ใบรูปพัด (costapalmate) แผ่นใบจักลึกครึ่งใบ มีใบ10 - 15 บนยอดมงกุฏ ใบมีทั้งสีฟ้า น้ำเงิน และสีเขียว ก้านใบมีหนาม ใบมีอายุสั้นซึ่งเป็นลักษณะที่ผิดปกติสำหรับต้นปาล์ม ข่อดอกออกระหว่างใบใกล้ปลายยอด (interfoliar) ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น ผลรูปไข่สีเขียวอมน้ำตาล ขนาด1-1.5ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการดินที่อุดมสมบูรณ์มีการระบายน้ำดี อยู่ในตำแหน่งที่มีแสงแดดเต็มที่หรือมีร่มเงา ทนแล้งไม่ชอบความชื้นสูง ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง (– 10ºC) เติบโตช้า ใช้ประโยชน์---พืชที่รวบรวมมาจากป่าและใช้ในท้องถิ่นเพื่อเป็นอาหารและวัสดุ -ใช้กิน ผล ดิบหรือสุก กินได้ รสหวาน -ใช้ปลูกประดับ เหมาะปลูกลงแปลงกลางแจ้ง ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ถึงจะมีระบบรากที่หยั่งลึก ก็สามารถขุดย้ายได้หลายครั้งแม้จะมีขนาดใหญ่มาก และรากเนื้อหนาจะเสียหายได้ง่ายก็ไม่เป็นไร -อื่น ๆ การใช้ในท้องถิ่นสำหรับเป็นอาหารและแหล่งวัสดุ ใบใช้สำหรับมุง ที่พักอาศัย เส้นใยจากใบทอเป็นเชือก ลำต้นใช้เป็นโครงสร้างบ้านของชาวพื้นเมืองใบอ่อนใช้ทำ หมวกปาล์มเม็กซิโก ที่เรียกว่า Sombrero ที่ผลิตโดยนักบวชฟรานซิส และได้กลายเป็นอุตสาหกรรมหลักในศตวรรษที่19และ20ในรัฐเกร์เรโร การขยายพันธุ์---เมล็ด แยกหน่อ -การเพาะเมล็ด ควรเพาะเมล็ดสด ใช้เวลาในการงอก3-4เดือน
|
Brahea edulis/ Guadalupe palm

-Photo: https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_edulis ชื่อวิทยาศาสตร์---Brahea edulis H.Wendl. ex S.Watson (1876) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-24017 ---Erythea edulis (H.Wendl. ex S.Watson) S.Watson (1880) ชื่อสามัญ---Guadalupe palm, Guadalupe Fan Palm ชื่ออื่น---;[CHINESE: Da guo chang sui lü, Ke shi ai ta zong .];[FRENCH: Palmier de la Guadeloupe.];[GERMAN: Guadalupe Braheapalme, Guadalupe-Palme.];[ITALIAN: Palma di Guadalupe.];[JAPANESE: Mekishiko-hakusen'ya.];[MEXICO: Palma de Guadalupe.];[PORTUGUESE: Palmeira-de-Guadalupe, Palmeira-doce.];[RUSSIAN: Gvadelupskaya pal'ma.];[SPANISH: Palmera de Guadalupe.];[SWEDISH: Guadalupepalm.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---EYHSA (Preferred name: Brahea edulis.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เม็กซิโก Brahea edulis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยHermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน. จากอดีต Sereno Watson (1826–1892) นักพฤกษศาสตร์ชาวสหรัฐฯ และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยSereno Watson (1826–1892) นักพฤกษศาสตร์ชาวสหรัฐฯ ในปี พ.ศ.2419

-Photo: https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_edulis ที่อยู่อาศัย เป็นพืชเฉพาะถิ่นมีถิ่นกำเนิด บนเนินหินภูเขาไฟและหน้าผา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกัวดาลูเป้ของเม็กซิโกเท่านั้น พบที่ระดับความสูงจากน้ำทะเล ระหว่าง 400 -1,000 เมตร ลักษณะ เป็นเป็นปาล์มต้นเดี่ยว ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 10 - 12 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นได้สูงสุด 40 ซม. ลำต้นสีน้ำตาลเทา ฐานใบยังคงอยู่เป็นเวลาหลายปี ใบรูปพัด(costapalmate)ใบสีเขียวอ่อนกว้าง1-1.5เมตร ก้านใบยาว1-1.5เมตร ช่อดอกออกระหว่างใบ(interfoliar)มีหลายกิ่งจะสั้นกว่าใบ ดอกสีเหลือง ผลขนาด3.5ซม ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการดินที่มีการระบายน้ำดี ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเลือกดิน แต่บางครั้งอาจต้องการปุ๋ยแมกนีเซียมเสริมในพื้นที่ที่มีดินที่เป็นด่างมากเกินไป อยู่ในตำแหน่งที่มีแสงแดดเต็มที่ทนต่อลมและสภาวะเค็ม ทนต่อความร้อนและความแห้งแล้ง อัตราการเติบโต 7"-9"ต่อปี อายุยืนยาว 50 ถึง 150 ปี ศัตรูพืช/โรคพืช---Rhynchophorus ferrugineus (ด้วงงวงปาล์มสีแดง), Ilyonectria palmarum ; Paysandisia archon (หนอนเจาะปาล์มอเมริกาใต้) ใช้ประโยชน์---ใช้เป็นอาหารในท้องถิ่น -ใช้กิน ผลไม้เนื้อหวานกินสดหรือใช้ทำแยมได้ ยอดอ่อน - สุกใช้กินเป็นผัก -ใช้ปลูกประดับ นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายเป็นไม้ประดับทั่วโลกในสภาพกึ่งร้อนชื้น ใช้ในการจัดสวนในงานภูมิทัศน์ ค่อนข้างเป็นที่นิยมในแคลิฟอร์เนียและพื้นที่ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน สามารถขุดย้ายได้หลายครั้งแม้จะมีขนาดใหญ่มาก ภัยคุกคาม---เนื่องจากเมล็ดและต้นอ่อนถูกเหยียบย่ำและถูกกินโดยแพะ ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์โดยผิดธรรมชาติ (เกิดจากมนุษย์) สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE - IUCN. Red List of Threatened Species (2011) การขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด การงอกของเมล็ดสดใช้เวลา 3 - 4 เดือน
|
Brahea moorei/ Dwarf Rock Palm

-Algarve/Portugal. Photo by Charles Wychgel -At Gary's place. South Escondido, CA. Photo by Gary T. Le Vine -https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_moorei ชื่อวิทยาศาสตร์---Brahea moorei L.H.Bailey ex H.E.Moore (1951) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-24025 ชื่อสามัญ---Dwarf Rock Palm, Spearmint Rock Palm ชื่ออื่น---[MEXICAN: Palmilla enana azul;] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---BHQSS (Preferred name: Brahea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์--- สหรัฐอเมริกา , เม็กซิโก Brahea mooreiเป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Liberty Hyde Bailey (1858-1954) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน จากอดีต Harold Emery Moore (1917–1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2494

-Brahea moorei shining in the woodland on a slightly more open and drier slope. This really is a beautifully elegant palm, holding it's heavily waxy glaucous leaves upright for inspection with long inflorescences drooping over the whole plant. A trunked Brahea dulcis lurks behind. -Photo-Adventures in Mexico -https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_moorei ที่อยู่อาศัย พบใน Sierra Madre Oriental ในเม็กซิโกตะวันออกเฉียงเหนือ พบอยู่ในป่าโอ๊กที่สูงและแห้งบนเนินเขาหินปูน ที่ระดับความสูงจากน้ำทะเลระหว่างความสูง 1500 -2,000 เมตร ลักษณะ Brahea นี้มีเอกลักษณ์ที่ไม่สับสนกับ Brahea ตัวอื่น เป็นปาล์มขนาดเล็กที่มีลำต้นใต้ดินแนวนอน สูง0.90-1.2เมตร เป็นปาล์มแคระทางพันธุกรรม ใบสีเขียวมันวาวด้านใต้ใบสีขาว ใบจริงใบแรกจะปรากฏขึ้นเมื่ออายุประมาณสามถึงสี่ปีและมีความกว้างประมาณ 15- 22.5 ซม.ใช้เวลาประมาณสิบปีในการเจริญเติบโตเต็มที่และสร้างการเคลือบขี้ผึ้งบนสต็อกดอกไม้และใบไม้ที่เพิ่งเกิดใหม่ ช่อดอก(monoecious) ออกที่ปลายยอดไม่สมบูรณ์เพศ ผลสุกสีม่วงดำ ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดจัด ทนต่อความแห้งแล้ง ทนต่อน้ำค้างแข็งมาก เป็นปาล์มที่ยังยังหายากมากในการปลูกเลี้ยง ศัตรูพืช/โรคพืช--- Palmetto weevils (มอดต้นปาล์มชนิดเล็ก)/เชื้อรา Phytophthora รากเน่าและยอดเน่า ภัยคุกคาม---เนื่องจาก ถูกคุกคาม โดย แพะในถิ่นที่อยู่จะ จำกัด การผลิตเมล็ด เนื่องจากมีการกินเมล็ดและต้นอ่อน เป็นการ จำกัด การขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ ถูกจัดวางใน IUCN Red List ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์' สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (2015) ขยายพันธุ์-เมล็ด
|
Brahea pimo/ Furry Hesper Palm

-In habitat. Photo-Rare Palm Seeds.com -The Huntington Botanical Gardens. Photo by Growin -https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_pimo ชื่อวิทยาศาสตร์---Brahea pimo Becc (1907) ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-24028 ---Acoelorrhaphe pimo (Becc.) Bartlett (1935) ---Erythea pimo (Becc.) H.E.Moore (1951) ชื่อสามัญ---Furry Hesper Palm ชื่ออื่น--Unknown (Not recorded) ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---BHQSS (Preferred name: Brahea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์--- เม็กซิโกและอเมริกากลาง Brahea pimo เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลีในปี พ.ศ.2450 ที่อยู่อาศัย ปาล์มเฉพาะถิ่นขึ้นอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเม็กซิโก (นายาริต, ฮาลิสโก, มิโชอากังและเกร์เรโร), บราเฮียที่หายากนี้ถูก จำกัด ให้อยู่ในเขตร้อนชื้นและป่าสน ป่าโอ๊ก ในพื้นที่ใกล้ลำธารและบนเนินเขาที่ระดับความสูงจากน้ำทะเล ระหว่าง 1,100 - 1,600 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงประมาณ 2 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น20ซม. ปกคลุมด้วยฐานใบเก่า Crownshaft ไม่มี ใบรูปพัด แผ่นใบเกือบเป็นวงกลม ขอบใบจักลึก มี 8-12ใบบนคราวน์ สีเขียวอ่อนถึงสีเขียวอมน้ำเงิน ใบดูเหมือนมีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับก้านใบที่ค่อนข้างบางก้านใบ มีไคลสีชมพู-ขาวปกคลุมบนพื้นผิวทั้งสองชั้นค่อนข้างหนาแน่น มีหนามเล็กผิดปกติแต่คมลักษณะคล้ายใบเลื่อยตามขอบที่มีเส้นสีดำตามขอบของก้านใบ ลักษณะก้านใบโทโมโลสและขนด้านล่างที่มีขนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมีก้านใบที่มีสีสันและใบกลมที่สมบูรณ์แบบ ถือว่าเป็นดาวแคระตามมาตรฐานส่วนใหญ่ ช่อดอกยาว1.5เมตร ช่อดอกไม่สมบูรณ์เพศ ผลเมื่อสุกสีเหลืองขนาด1.2ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---การเจริญเติบโตช้ามาก ต้องการแสงแดดเต็มวัน หรือกรองแสงบางส่วนขณะต้นยังเล็ก ปรับให้เข้ากับดินได้ทุกชนิดถึงแม้ว่าชอบดินที่เป็นด่างเล็กน้อย และดินต้องมีการระบายน้ำที่รวดเร็วทนร้อนและความแห้งแล้ง ใช้ประโยชน์----ใช้ปลูกประดับ พบยากมากในป่าและหายากในการเพาะปลูกอย่างไรก็ตามในการเพาะปลูกมันยังคงเป็นของสะสมที่เป็นที่ต้องการมาก ภัยคุกคาม---เนื่องจากมันถูกคุกคามโดยการสูญเสียที่อยู่อาศัย การขาดเมล็ดพันธุ์เพื่อการขยายพันธุ์ ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์' สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (1998) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
Brahea salvadorensis/ Salvadorian Rock Palm

-Trunk Detail.SoCal. Photo by Geoff Stein -Huntington Botanical Gardens, CA. Photo by Growin -https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_salvadorensis ชื่อวิทยาศาสตร์---Brahea salvadorensis H.Wendl. ex Becc.(1951) ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-24033 ---Acoelorraphe cookii Bartlett (1935). ---Acoelorraphe salvadorensis (H.Wendl. ex Becc.) Bartlett (1935) ---Erythea cookii (Bartlett) HEMoore (1951). ---Erythea salvadorensis (H.Wendl. ex Becc.) H.E.Moore (1951) ชื่อสามัญ--- Salvadorian Rock Palm, Elsalvardor Brahea Palm ชื่ออื่น---[SPANISH: Brahea d'Elsalvardor.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---BHQSS (Preferred name: Brahea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เอลซัลวาดอร์, กัวเตมาลา, เบลีซ, ฮอนดูรัส, เม็กซิโก นิรุกติศาสตร์--ชื่อสายพันธุ์ 'salvadorensis'คำคุณศัพท์ที่หมายถึง ภูมิศาสตร์สถานที่ในเอลซัลวาดอร์ Brahea salvadorensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Hermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน จากอดีต Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี ในปี พ.ศ.2451

-Huntington Botanical Gardens, CA. Photo by Growin -Trunk Detail.SoCal. Photo by Geoff Stein -https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_salvadorensis ที่อยู่อาศัย สายพันธุ์หายาก พบทางภาคกลางตอนเหนือในเอลซัลวาดอร์และนิการากัว บนเนินหิน ในป่าสน ป่าโอ๊ค ที่ระดับความสูง 800-1,600 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ขนาดกลาง สูงประมาณ 6 เมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 12 - 20 ซม.มีกาบใบเก่าและก้านใบเก่าติดแน่นถาวรเกือบตลอดความยาวลำต้น มีใบรูปพัดที่ใหญ่ (Costapalmate) แผ่นใบจักลึกเกือบครึ่งใบ ประกอบด้วยแฉกที่แยกจากสะดือ 70 แฉก ยาว 85 ซม.กว้าง1-2ซม. ก้านใบยาวมีหนามขอบคมชัดซี่เล็ก ๆ เลยขึ้นมาเกือบถึงฐานใบ ช่อดอกออกจากซอกใบ (interfoliar) ตั้งตรงแยกแขนง ยาว 1-1.5 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน (monoecious) ดอกสีเหลืองอ่อน ผลกลมรี สุกสีดำเนื้อผลมักจะติดอยู่กับเมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่และดินมีการระบายน้ำที่ดี สามารถปรับตัวให้เข้ากับดินที่ไม่ดีและอัลคาไลน์ ทนต่อความแห้งแล้งและน้ำค้างแข็งได้ ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับซึ่งหายากมาก เหมาะสำหรับสวน Xeriscape [Xeriscaping (ภูมิทัศน์อนุรักษ์น้ำ แตกต่างจากการจัดสวนแบบธรรมชาติเพราะการเน้นในการทำ Xeriscaping นั้นเป็นการเลือกพืชเพื่อการอนุรักษ์น้ำไม่จำเป็นต้องเลือกพืชพื้นเมือง).] ระยะออกดอก---เดือนสิงหาคม ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาการงอก 2-4 เดือน
|
Brahea sarukhanii/ Sarukhan's Hesper Palm

-The Huntington Botanical Garden, CA.Photo by Ken Greby -Huntington Botanical Gardens. CA. Photo by Fred -https://www.palmpedia.net/wiki/Brahea_sarukhanii ชื่อวิทยาศาสตร์---Brahea sarukhanii H.J.Quero (2000) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-24034 ชื่อสามัญ---Sarukhan's Hesper Palm ชื่ออื่น---None (Not recorded) ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---BHQSS (Preferred name: Brahea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เม็กซิโก Brahea sarukhanii เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Dr. Hermilo Jorge Quero Rico ในปี พ.ศ.2543 ที่อยู่อาศัย ถิ่นกำเนิดในเม็กซิโกตะวันตกเฉียงใต้ ชายฝั่งตะวันตก ตอนกลาง และพื้นที่โดยรอบของเม็กซิโกกวาดาลา บนเนินเขาที่มีโขดหินทุรกันดารมากมาย ในป่าเขตร้อนแห้ง ป่าสน ป่าโอ๊ค ที่ระดับความสูงระหว่าง 1,100 ถึง 1,650 เมตร จากระดับน้ำทะเล สายพันธุ์ใหม่นี้เป็นที่รู้จักเฉพาะภูมิภาคภูเขา ของ Ameca ใกล้ชายแดนระหว่างรัฐ Nayarit และ Jalisco ลักษณะเป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงประมาณ 5เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น10-15ซม มีกาบใบเก่าและก้านใบเก่าติดแน่นถาวรเกือบตลอดความยาวลำต้น.ใบมี12-18ใบในมงกุฎ ใบรูปพัด (Palmately compound) จักลึกถึงครึ่งใบ ปลายใบแผ่นพับมีสองส่วนที่แยกอิสระแต่ละส่วนมีปลายยอดปราณีตโดดเด่น ความยาวของใบ1.6 เมตร ก้านใบยาว 45-90 ซม.มีหนามซี่เล็กยาว 1.2 มม ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ยาวประมาณเดียวกับใบ ยาว 1.2-1.5 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน (monoecious) ดอกเดี่ยวสีขาวครีม ผลรูปไข่ถึงเกือบเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 18-20 x 12-16 มม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่ ดินระบายน้ำได้เร็ว ทนแล้งทนต่อความเย็นจัด อัตราการเจริญเติบโต ช้า ใช้ประโยชน์---เป็นพืชพื้นเมืองที่อยู่ในระยะที่ยังคงหายากมากในการเพาะปลูก ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Borassodendron (bor-ras-oh-DEN-dron) มีสองสายพันธุ์ เป็นปาล์มพื้นเมืองในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ (ในหน้านี้แสดง 1 สายพันธุ์) 1 Borassodendron borneense J.Dransf -เกาะบอร์เนียว 2 Borassodendron machadonis ( Ridl. ) Becc. - ภาคใต้ของประเทศไทย (ชื่อไทยคือ ช้างร้องไห้ ดูที่ ปาล์ม 5) คาบสมุทรมาเลเซีย
Borassodendron borneense/Borneo Giant Fan Palm

-Brunei Darussalam, Malaysia. -Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Borassodendron_borneense ชื่อวิทยาศาสตร์---Borassodendron borneense J. Dransf. (1972) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name. See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-22997 ชื่อสามัญ---Borneo Giant Fan Palm ชื่ออื่น---Local name; [INDONESIA: Bidang (solitary – Borneo).]; [MALAYSIA: Medang (East Kalimantan).] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---BDXSS (Preferred name: Borassodendron sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---มาเลเซีย อินโดนีเซีย Borassodendron borneense เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย John Dransfield (เกิดปี 1945) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ในปี พ.ศ.2515 ที่อยู่อาศัย อยู่ในเกาะบอร์เนียวและขึ้นกระจายในป่าดงดิบของ มาเลเซียและอินโดนีเซีย ลักษณะ แตกต่างจากช้างร้องไห้ (B.machadonis) คือมีลำต้นที่เรียวบางกว่าและมีใบร่วงเล็กน้อย เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ขนาดกลาง สูงประมาณ 12 เมตร ลำต้นหนาใบรูปพัด(Costapalmate) ขอบใบจักลึกเกือบถึงสะดือ ใบสีเขียวเข้มและมันวาว ด้านล่างของใบไม้เป็นสีขาวที่โดดเด่น ช่อดอกออกระหว่างกาบใบ (interfoliar) ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ผลขนาดใหญ่ ขนาด 10 ซม เมื่อสุกสีเขียวอมน้ำตาล.มี 3 เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม--- เติบโตได้ดีที่สุดในตำแหน่งที่มีร่มเงาในที่ชื้น และดินมีการระบายน้ำได้ดี ใช้ประโยชน์---พืชที่เก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นเป็นอาหารและแหล่งที่มาของไม้ -ใช้กิน ใบ - ปรุงสุก เมล็ดอ่อน ตายอดซึ่งมักเรียกกันว่า 'หัวใจปาล์ม' กินเป็นผัก -ใช้ปลูกประดับ--- เป็นปาล์มที่สวยงาม แต่หายากมากในการเพาะปลูก -อื่น ๆ ลำต้นถูกเลื่อยให้เป็นแผ่นและใช้สำหรับการก่อสร้างบ้าน ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Butia (boo-TEE-ah) เป็นสกุลปาล์มพื้นเมืองในอเมริกาใต้ประเทศบราซิล ,ปารากวัย ,อุรุกวัยและอาร์เจนตินา หลายชนิด ผลิตผลไม้ที่บริโภคได้ ซึ่งบางครั้งใช้ทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารอื่น ๆ สายพันธุ์ที่ยอมรับ 20 สายพันธุ์ ดังต่อไปนี้ (ในหน้านี้แสดง 2 สายพันธุ์) 1 Butia archeri (Glassman) Glassman - Goiás , Brasília , Minas Gerais ,เซาเปาโล 2 Butia arenicola (Barb.Rodr.) Burret - Mato Grosso do Sul , ปารากวัย 3 Butia campicola (Barb.Rodr.) Noblick - Mato Grosso do Sul, ปารากวัย 4 Butia capitata (Mart.) Becc. - Minas Gerais, Goiás, Bahia 5 Butia catarinensis Noblick & Lorenzi - Rio Grande do Sul ,ซานตากาตารีนา 6 Butia eriospatha (Mart. ex Drude) Becc - ปาล์ม butia - Paraná , Rio Grande do Sul, Santa Catarina 7 Butia exilata Deble & Marchiori - Rio Grande do Sul 8 Butia exospadix Noblick - Mato Grosso do Sul, ปารากวัย 9 Butia lallemantii Deble & Marchiori - Rio Grande do Sul, อุรุกวัย 10 Butia lepidotispatha Noblick - Mato Grosso do Sul, ปารากวัย 11 Butia leptospatha (Burret) Noblick - Mato Grosso do Sul, ปารากวัย 12 Butia marmorii Noblick - Alto Paranáในปารากวัย 13 Butia matogrossensis Noblick & Lorenzi - Mato Grosso do Sul 14 Butia microspadix Burret - Paraná, São Paulo 15 Butia odorata (Barb.Rodr.) Noblick - ปาล์มเยลลี่อเมริกาใต้, วุ้นปาล์ม,ปาล์ม pindo - Rio Grande do Sul, อุรุกวัย 16 Butia paraguayensis (Barb.Rodr.) LH Bailey - Dwarf yatay palm- บราซิล, อาร์เจนตินา, ปารากวัย, อุรุกวัย 17 Butia pubispatha Noblick & Lorenzi - Paraná 18 Butia purpurascens Glassman - Goiás, Minas Gerais 19 Butia witeckii K.Soares & S. Longhi - Rio Grande do Sul 20 Butia yatay (Mart.) Becc - วุ้นปาล์ม, yatay palm - Rio Grande do Sul, อุรุกวัย, อาร์เจนตินา
Butia paraguayensis/Dwarf Yatay Palm.

-Extreme N.W. Uruguay. Photo by Gaston Torres Vera -Los Angeles arboretum, CA. Photo by Geoff Stein -https://www.palmpedia.net/wiki/Butia_paraguayensis 680-Huntington Botanical Gardens, CA. Photo by Growin 681-Fruit,photo-https://www.palmpedia.net https://www.palmpedia.net/wiki/Butia_paraguayensis ชื่อวิทยาศาสตร์---Butia paraguayensis (Barb.Rodr.) L.H.Bailey (1936) ชื่อพ้อง---Has 10 Synonyms..See all The Plant List http://www.theplantlist.org/ -Basionym: Cocos paraguayensis Barb.Rodr. (1899). -Syagrus paraguayensis (Barb. Rodr.) Glassman (1970) ชื่อสามัญ---Dwarf yatay, Arrastradiza palm, Dwarf Yatay Palm, Bitter coconut, Butia from Paraguay. ชื่ออื่น---;[ARGENTINA: Yatay poñi, Yatay enano.];[BRAZIL: Coco amargoso (Sao Paulo).];[FRENCH: Palmier yatay nain.];[GERMAN: Zwerg-Yataypalme.];[PARAGUAY: Yatay guazu, Yatai.];[PORTUGUESE: Butia-do-cerrado, Coco-amargoso.];[SPANISH: Yatay poñi.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---BUJPA (Preferred name: Butia paraguayensis.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---บราซิล ปารากวัย อาร์เจนตินา นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสกุลมาจากภาษาโปรตุเกสของชื่อพื้นเมือง, ความหมาย “thorny”, “dentate”, หมายถึงหนามที่มีอยู่บนก้านใบ ; ชื่อของสายพันธุ์จาก neo - Latin 'paraguayensis' = ที่มาจากปารากวัย Butia paraguayensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Jo?o Barbosa Rodrigues (1842-1909) นักพฤกษศาสตร์ชาวบราซิลและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Liberty Hyde Bailey (1858-1954) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2479

-Huntington Botanical Gardens, CA. Photo by Growin -Extreme N.W. Uruguay. Photo by Gaston Torres Vera -https://www.palmpedia.net/wiki/Butia_paraguayensis ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในประเทศบราซิล, ปารากวัย, อุรุกวัยและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาร์เจนตินา เติบโตในเซอราโด (ทุ่งหญ้าสะวันนาชนิดหนึ่ง) เกิดขึ้นในดินที่มีการระบายน้ำได้ดีและมักเป็นดินทราย ในRio Grande do Sulประเทศบราซิลพบเฉพาะที่เติบโตบนดินเหนียว (อาจเป็นดินลูกรัง ) ที่ระดับความสูง 100 ถึง 300 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มที่มีความแปรปรวนมากในธรรมชาติ ส่วนใหญ่เป็นลำต้นแบบ Acaulescent (ขาดลำต้นที่มองเห็นได้) อยู่ในดิน สั้นมาก หรืออาจไปได้ ถึง3-4เมตร ในสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ หรือ เป็นต้นเดี่ยวสูง 1-3 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นตั้งแต่ 10-20 ซม.ลำต้นปกคลุมด้วยเศษซากของใบที่ตาย ใบรูปขนนก (pinnate)สีฟ้า-เขียว ใบย่อย 6-20 คู่ รูปขอบขนานเชิงเส้นขนาด 45-50 ซม. x 0.8-1.5 ซม. มีปลายใบแหลมและไม่สมมาตรกระจายอย่างสม่ำเสมอ ใบย่อยงอโค้งมาก ทางใบยาว 2.5 เมตร ก้านใบรูปตัวV ขอบก้านใบมีหนาม ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ดอกออกเป็นช่อสั้นแยกแขนง ยาว 30-40 ซม. ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน(monoecious) ดอกเพศเมียอยู่ด้านบน ขนาด0.6-0.9 ซม. ดอกเพศผู้อยู่ต่ำกว่าขนาด 0.4-0.7 ซม. ผลไม้มีความแปรปรวนและอาจมีรูปร่างเป็นรูปกรวยหรือรูปไข่ เช่นเดียวกับ สีเขียว สีม่วง สีแดง สีส้ม หรือ สีเหลืองเมื่อสุก ขนาด 3-4 x 2-3 ซม.มีเมล็ดรูปขอบขนาน1-2 เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดจัดและดินที่มีการระบายน้ำดี ปรับตัวเข้ากับดินทุกสภาพและทนต่ออุณหภูมิต่ำได้ดี (สูงถึง -6 ° C) เมื่อปลูกในที่ที่มีแสงแดดมากจะมีขนาดเล็กลงและมีสีของใบที่ลึกกว่า ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลไม้กินได้ฉ่ำเล็กน้อยรสหวานอมเปรี้ยว ตายอดหรือ หัวใจปาล์ม กินเป็นผัก -ใช้เป็นยา เชื่อกันว่าผลดิบสีเขียวใช้ประโยชน์ในการต่อสู้กับหนอนในลำไส้ -ใช้ปลูกประดับ ถึงแม้ว่าจะมีลักษณะเป็นปาล์มประดับ แต่การปลูกเลี้ยงยังไม่แพร่หลายนักแต่ก็สามารถปลูกได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน -อื่น ๆ ใบใช้ทำหมวกและงานหัตถกรรม การอนุรักษ์---Butiaทั้งสี่สายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดในอุรุกวัยได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ห้ามโค่นหรือเคลื่อนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล B. paraguayensis อยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤตที่สุด เนื่องจากการสูญเสียที่อยู่อาศัยจากกิจกรรมทางการเกษตรเช่นการเลี้ยงปศุสัตว์และการทำป่าไม้ แกะและวัวควายกินต้นกล้า เกิดปัญหาการงอกใหม่ที่ร้ายแรงซึ่งเป็นอันตรายต่อความต่อเนื่องของพวกมันในอนาคตอันใกล้โดยมีการกระจายที่ จำกัด ประชากรที่มีเพียง175 ต้นบนเนินเขาเดียว ขยายพันธุ์---เมล็ด เปอร์เซ็นต์ในการงอกต่ำ ใช้ระยะเวลาในการงอก 3-4 เดือน
|
Butia yatay/ Yatay palm

-Brazil. Photo by Dr. Kelen Soares -Corrientes, Argentina. Photo by Jose A. Grassia. -https://www.palmpedia.net/wiki/Butia_yatay ชื่อวิทยาศาสตร์---Butia yatay (Mart.) Becc.(1916) ชื่อพ้อง---Has 6 Synonyms.See all https://www.monaconatureencyclopedia.com/butia-yatay-2/?lang=en ---Butia capitata subsp. yatay (Mart.) Herter.(1940) ---Butia missionera Deble & Marchiori.(2011) ---Butia quaraimana Deble & Marchiori. (2012) ---Calappa yatay (Mart.) Kuntze.(1891) ---Cocos yatay Mart.(1844) ---Syagrus yatay (Mart.) Glassman. (1970) ชื่อสามัญ---Yatay palm, Cocos-Yatay, Jelly palm. ชื่ออื่น---[ARGENTINA: Butiá, Coco, Palma yatay, Yatay.];[BRAZIL: Butiá, Butiá-yataí, Coquiero jataí, Yataí.];[DUTCH: Yataypalm.];[FRENCH: Butia argentin.];[GERMAN: Yatay-Geleepalme.];[PORTUGUESE: Butiá-jataí.];[RUSSIAN: Butyya yatay.];[SPANISH: Yatay.];[URUGUAY: Palma yatay.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---BUJYA (Preferred name: Butia yatay.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---อาร์เจนตินา, บราซิล, อุรุกวัย นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Butia' มาจากภาษาโปรตุเกสในภาษาบราซิลของต้นปาล์ม = “spiny”, “toothed” แปลว่า "หนาม", "ฟัน" โดยอ้างอิงถึงหนามที่อยู่บนก้านใบ ; ชื่อเฉพาะ 'yatay' คือชื่อที่ชาวบ้านใช้ระบุพันธุ์ปาล์มชนิดต่างๆ Butia yatay เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยCarl Friedrich Philipp von Martius (1794–1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยOdoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี ในปี พ.ศ.2459 ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดทางตะวันออกเฉียงเหนือของอาร์เจนตินาในจังหวัด Misiones, Santa Fe, Corrientes และ Entre Rios ขึ้นเป็นป่าผืนใหญ่ในพื้นที่ทราย ในอุรุกวัยพบใน Paysandli และ Rio Negro ที่ระดับความสูงถึงประมาณ 500 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มที่มีความสูงที่สุดของทุกชนิดในสกุลButia เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูง 4-12 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 35-40 ซม.ลำต้นปกคลุมด้วยฐานใบเก่าเป็นเวลานาน ในมงกุฏมีใบ 30 ใบหรือมากกว่า ใบรูปขนนก (pinnate) สีเทาอมน้ำเงินความยาวรวม 2.2-2.4 เมตร ทางใบยาว 1.7-2 เมตร ก้านใบยาว 50-70 ซม.มีหนามหยาบที่ขอบโคนก้านใบยาวประมาณ 3 ซม. และเล็กลงเรื่อยๆ ก้านใบเริ่มต้นจากการตั้งตรง แต่โค้งอย่างรวดเร็ว ดังนั้นยอดของใบเกือบจะถึงพื้นหรือลำตัว ช่อดอกจะออกตามซอกใบ (Interfoliar) ออกเป็นช่อยาว 78-82 ซม.แตกกิ่งก้านสาขาที่ 1 หุ้มด้วยไม้เรียวแหลมรูปขอบขนานสองใบ ประมาณ 1 ช่อ ยาว 2 ม. ภายนอกเรียบหรือมีลายเป็นสีเทา ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (Monoecious) ดอกเดี่ยวสีเหลืองเรียงเป็นสามดอก (ดอกเพศเมียหนึ่งดอกระหว่างเพศผู้สองดอก) ยกเว้นส่วนปลายจะมีเฉพาะดอกเพศผู้ ดอกเพศเมียยาว 1-1.6 ซม.มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.6-1 ซม.ใหญ่ที่สุดในสกุล Butia ทั้งหมด ช่อดอกแสดงถึงปรากฏการณ์ของ proterandry (ดอกเพศผู้สุกก่อนดอกเพศเมีย) ที่เอื้อให้เกิดการผสมข้ามพันธุ์ ผลรูปไข่สีเแกมเหลืองหรือเหลืองส้ม เมื่อสุกมียอดแหลมเด่น ยาว 3.5-4.8 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.2-2.8 ซม. มีเนื้อไม้ เอนโดคาร์ปแข็งรูปไข่ มี "จงอยปาก" ที่ปลาย ยาว 2.2-3 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8-1.3 ซม.เป็นผลไม้ที่มีขนาดใหญ๋ที่สุดในสกุล มีเมล็ด 1-3 เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---Yatay ปาล์มเติบโตตามธรรมชาติในสภาพอากาศที่มีฤดูแล้งเด่นชัด แต่สามารถประสบความสำเร็จในเขตกึ่งร้อนชื้น-เขตอบอุ่น สามารถทนน้ำค้างแข็งในระยะสั้นที่มีอุณหภูมิต่ำถึง -8 °C เติบโตได้ดีในดินทรายที่มีอินทรีย์วัตถุ และดินที่ระบายน้ำได้ดีและอยู่ท่ามกลางแสงแดดจัด Butia yatay อายุได้ถึงประมาณ 250 ปี การใช้ประโยชน์---ในท้องถิ่นใช้เป็นอาหารและยารักษาโรค -ใช้กิน ผลดิบทำเป็นน้ำผลไม้ ทำบรั่นดี ผลสุกเนื้อเป็นเยื่อหนานุ่มมีรสหวานกินเป็นผลไม้ -ใช้เป็นยา เนื้อเมล็ดเป็นยาแก้พยาธิ -อื่น ๆ เส้นใยที่ทนได้จากใบใช้ในการทำงานศิลปะและงานฝีมือต่างๆ ผลเป็นแหล่งอาหารสัตว์ น้ำมันของเมล็ด มีลักษณะที่ดีสำหรับเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 3-4 เดือน
|
สกุล Calamus (KAL-ah-muhs) เป็นสกุลที่รู้จักกันมากที่สุดในตระกูลปาล์มทั้งหมดที่มีประมาณ 400 ชนิด ในสกุลนี้ทั้งหมดเป็นปาล์มพื้นเมืองเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของทวีปเอเซีย แอฟริกา และออสเตรเลีย ส่วนใหญ่มีลักษณะลำต้นเป็นเถามีมือจับ บางชนิดมีการพัฒนาเป็นตะขอ ลำต้นอาจยาวได้ถึง 200 เมตร คาลามัสไม่ใช่เถาวัลย์ที่แท้จริง เพราะไม่มีต้นกำเนิดที่ทำให้ลำต้นหรือใบเลื้อยเหมือน Ipomea (รุ่งอรุณ) แต่เลื้อยปีนขึ้นไปด้วยโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า cirri ( rachii leaf modified ) และflagella (ช่อดอกที่ถูกดัดแปลง) Calamus มีมากในคอลเล็กชั่นสมุนไพรมากกว่าในสวนพฤกษศาสตร์ส่วนใหญ่ อาจเป็นเพราะขนาด และการเติบโตที่รวดเร็วหรือทั้งสองอย่างทำให้เป็นงานท้าทายที่สำคัญสำหรับการจัดการ (ในหน้านี้แสดง 2 สายพันธุ์)
Calamus australis/Wait-a-While
-Queensland -Photo: https://www.palmpedia.net/wiki/Calamus_australis ชื่อวิทยาศาสตร์---Calamus australis Mart. 1838 ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-29364 ---Calamus amischus Burret (1943). ---Calamus jaboolum F.M.Bailey (1896). ---Calamus obstruens F.Muell.(1865). ---Palmijuncus australis (Mart.) Kuntze (1891). ชื่อสามัญ---Hairy Mary, Large Lawyer Cane, Wait-a-While, Lawyer's Cane ชื่ออื่น---; [AUSTRALIA: Wait-a-While, Lawyer's Cane, Hairy Mary, Cane Lawyer, Lawyer Vine.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---CLUAU (Preferred name: Calamus australis.) ถิ่นกำเนิด---โอเชียเนีย เขตกระจายพันธุ์---รัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย นิรุกติศาสตร์---ชื่อสายพันธุ์ 'australis' เป็นคำตุณศัพท์ภาษาละติน ''australis, e'' = astral, ภาคใต้ ; ชื่อสามัญ "Wait-a-While" เกิดจากการที่มันมีตะขอเกี่ยวบนกาบใบเช่นเดียวกับฐานของใบและช่อดอกดัดแปลงสีขาวยาวถึง 9 ฟุต ตะขอที่มีหนามจำนวนมากซึ่งทั้งหมดนี้สามารถเกี่ยวติดกับเสื้อผ้าหรือผิวหนังได้ทำให้ต้องถอดตะขอหรือหนามออกก่อนที่จะดำเนินการต่อและให้รอสักครู่ก่อนที่จะเดินต่อไป Calamus australis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794–1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2381

-Queensland -Photo: https://www.palmpedia.net/wiki/Calamus_australis ที่อยู่อาศัย พืชเฉพาะถิ่นขึ้นกระจาย จากทางใต้ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ ตอนเหนือของออสเตรเลีย เติบโตในที่ราบลุ่มและป่าฝนภูเขาบนหินหลากหลายชนิด ที่ระดับความสูง 0-1,600เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มแตกกอเลื้อยขนาดกลาง สกุลเดียวกับหวาย เถาเรียวยาวเลื้อยได้ไกล 35 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 1-2.5 ซม.ระยะห่างระหว่างข้อปล้อง 30 ซม.สีเขียวถึงเหลืองน้ำตาล ใบประกอบรูปขนนกเรียงสลับ (pinnatisect) ปลายใบแหลม ทางใบยาว1.8-2 เมตร มีใบย่อย 34-40 ใบในแต่ละด้าน ใบย่อยรูปไข่แคบแผ่นใบสีเขียวเป็นมัน ขนาด 6-30 x 1-3 ซม.ปลายใบแหลม ก้านกลางใบด้านบนปกคลุมด้วยหนามตรง ด้านล่างเป็นเงี่ยงโค้งคล้ายตะขอ กาบใบมีขนหนาแน่น มือจับออกจากกาบใบลักษณะเหมือนแส้มีหนาม ยาว 3 เมตร ช่อดอกออกระหว่างกาบใบ (interfoliar) แยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ดอกเพศผู้: ดอกดกหนาแน่นขนาดดอกละประมาณ 3 มม. เกสรเพศผู้ 6 อัน สีเหลือง ดอกเพศเมีย: ดอกไม่ดกแน่น ช่อดอกอ่อนประกอบด้วยดอกเพศเมียและดอกเพศผู้ที่เป็นหมัน ดอกเพศผู้ที่เป็นหมันจะถูกยกเลิกเพื่อให้ช่อดอกที่ดอกโตเต็มที่มีเฉพาะดอกเพศเมีย ผลกลมขนาด 1.5 ซม.มีเกล็ดเรียงซ้อนเกยกัน เมื่อสุกสีน้ำตาล เมล็ดมี1-2เมล็ด ขนาด 0.8-1 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มถึงร่มเงาบางส่วน ดินชื้นระบายน้ำดี ใช้ประโยชน์---ใช้เป็นยา ใบและลำต้นของพืชชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นยาคุมกำเนิด -อื่น ๆ ลำต้นบางครั้งใช้ในการทำตะกร้า สถานะการอนุรักษ์---พระราชบัญญัติการอนุรักษ์ธรรมชาติ พ.ศ. 2535 (NCA)- Least Concern (กังวลน้อยที่สุด) ขยายพันธุ์---แยกหน่อ เมล็ด
Calamus erectus/Viagra Palm

-Floribunda Nursery, Hawaii. Photo by Paul Craft. -J.D. Andersen Nursery, Hawaii. Photo by Paul Craft. -https://www.palmpedia.net/wiki/Calamus_erectus ชื่อวิทยาศาสตร์---Calamus erectus Roxb (1832) ชื่อพ้อง---Has 12 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.com/tpl1.1/record/kew-29492 ชื่อสามัญ---Viagra Palm, Upright Rattan, Cane fruit, Tara Tree ชื่ออื่น---หวายขม, ขี้เสี้ยน ;[ASSAMESE: Jeng-bet, Raidang bet, Bet guti.];[CHINESE: Zhi li sheng teng.];[INDIA: Arotong, Azotong, Tara.];[LAOS: Wai nam sai, Wai namsay, Wai nam lorm.];[MYANMAR: Thaing, Thaing kyein.];[NEPAL: Tokri bet.];[THAI: Wai khom, Khi sian.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---CLUSS (Preferred name: Calamus sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย เขตกระจายพันธุ์---จีนตอนใต้ตอนกลาง, ตะวันออกหิมาลัย, ลาว, พม่า, เนปาล, ไทย, อินเดีย บังคลาเทศ พม่า นิรุกติศาสตร์---ชื่อสายพันธุ์ 'erectus' เป็นคำคุณศัพท์ หมายถึงนิสัยการเจริญเติบโตของพืชที่ตั้งตรง มากกว่าคืบคลานหรือปีนไต่เหมือนหลายสายพันธุ์ของ Calamus Calamus erectus เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย William Roxburgh (1751-1815) ศัลยแพทย์และนักพฤกษศาสตร์ชาวสก็อตในปี พ.ศ. 2375

-Photo by Paul Craft. -https://www.palmpedia.net/wiki/Calamus_erectus ที่อยู่อาศัย พบขึ้นกระจายใน ยูนนาน บังคลาเทศ ภูฏาน อินเดีย ลาว พม่า เนปาล ไทย เกิดขึ้นตามธรรมชาติในป่าฝนชื้นหรือป่าเปียกตามฤดูกาล ป่าเขาตอนล่างโดยเฉพาะบนเนินเขาที่แห้ง บ่อยครั้งพบในหุบเขา Tista และ Rangit ของ สิกขิมและเบงกอลตะวันตก ที่ระดับความสูงต่ำกว่า1,400 เมตร ในประเทศไทย พบในภาคเหนือ ที่ระดับความสูง 1,300-1,550 เมตร ลักษณะ เป็นCalamus ในไม่กี่ชนิดที่มีลำต้นตั้งตรงไม่เลื้อย มีการจัดกลุ่มแบบสั้น ๆ ที่อ่อนแอเกิดขึ้นที่ 1 เมตร สูงประมาณ 3 - 5 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 3.5-4 ซม เรียบสีเขียว ไม่มีรอยแผลเป็นจากใบที่เห็นได้ชัด ระยะห่างข้อปล้องยาว 10-12 ซม. มีหนามแบนยาว 2.5-3.5 ซม เรียงกันเป็นเส้นมีขนแปรงสีดำขนาดเล็กอยู่สองข้าง ใบประกอบรูปขนนกเรียงสลับ (pinnatisect) ปลายใบแหลม ใบย่อย 40 ใบต่อด้านเรียงระนาบเดียวสม่ำเสมอ ก้านใบสีน้ำตาลแดงมีหนาม ทางใบยาวถึง 3-3.5 เมตร มีหนามแบนสีดำยาว1-3 ซม.สีเขียวมันวาวด้านบนมีขนด้านล่าง ช่อดอกออกในซอกใบ (interfoliar) ตั้งตรงยาวถึง 0.5-1 เมตร ก้านช่อดอกมีหนาม มีสันครีบดำคล้ายหวีแบน ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ผลไม้มีเกล็ดเป็นร่อง สีเขียวแกมน้ำตาลหรือแดงเมื่อสุก รูปไข่ ขนาด 3-5 × 2-2.5 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดจัดภึงร่มเงาบางส่วน ดินชื้นมีการระบายน่ำดี การใช้ประโยชน์-- มักเก็บเกี่ยวจากป่า เพื่อใช้เป็นอาหารและแหล่งวัสดุ -ใช้กิน ผลไม้หรือหน่อกินได้ ยอดอ่อนและใบกินเป็นผัก มีรสขมเมื่อกินดิบ ใน Sylhet บังคลาเทศผู้คนเคี้ยวเมล็ดของ C.erectus แทนหมาก (Areca catechu) -ใช้เป็นยา บางครั้งใช้ในการแพทย์พื้นบ้านเนื่องจากมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระและต่อต้านโรคเบาหวาน -ใช้ปลูกประดับ พืชเติบโตได้ดีในกระถางและสามารถปลูกเป็นไม้ประดับได้ในอากาศอบอุ่นถึงเขตร้อนชื้น อากาศหนาวจัดถึงโซน 9b ของสหรัฐอเมริกา (25-30 F หรือ -3 ถึง -6 C) แต่มักไม่เป็นที่รู้จักในการเพาะปลูกทั่วไป มักพบในสวนพฤกษศาสตร์ และในหมู่นักสะสม -อื่น ๆ ลำต้นไม่ยืดหยุ่น สั้น หนา ใช้ในการก่อสร้างเนื่องจากปล้องสั้นจึงไม่ได้มีประโยชน์สำหรับการทำเฟอร์นิเจอร์ ใช้ใบสำหรับมุง ความเชื่อ/พิธีกรรม---ใช้ในพิธีกรรมเฉลิมฉลอง ปีใหม่ทางจันทรคติที่รู้จักในฐานะCheiraoba เพื่อบูชาเทพซานามาฮีในศาสนาSanamahism (ศาสนาพื้นบ้านที่พบในคน Meiteiในรัฐมณีปุระรัฐของอินเดีย) ระยะออกดอก/ติดผล---ธันวาคม - กุมภาพันธ์ /เมษายน - พฤษภาคม (หรือตลอดทั้งปี) ขยายพันธุ์---แยกหน่อ เมล็ด
|
สกุล Chamaerops (kahm-EH-ropes) เป็นประเภทของปาล์ม เป็น monotypic มีสายพันธุ์เดียว ในปัจจุบันที่ได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่ ได้แก่ Chamaerops humilis เป็นหนึ่งในปาล์มที่แข็งแกร่งที่สุดที่ใช้ในการจัดภูมิทัศน์ในภูมิอากาศเย็น นอกเหนือจากการได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่แล้ว Chamaerops humilis ยังมีTaxaไม่กี่สถานะที่ยังไม่ได้แก้ไขรวมหลายชนิด synonymised ภายใต้ Chamaerops humilis เผ่าพันธุ์ Chamaerops humilis นั้นมีสามชนิดที่เป็นที่ยอมรับดังนี้ 1 Chamaerops humilis var. argentea André (syn. C. h. var. cerifera ) - "Atlas Mountain Palm" ของแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือ ใบ สีฟ้าเงิน 2 Chamaerops humilis var. epondraes - แอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือ ใบ สีฟ้าเงิน 3 Chamaerops humilis var. humilis - ยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ ใบสีเขียว นอกจากนี้ยังมีอย่างน้อยสามสายพันธุ์ย่อย ( C. humilis var. humilis 'nana', C. humilis 'Vulcano', C. humilis 'Stella') สกุลที่เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดอยู่ในเอเซียคือสกุลTrachycarpus ซึ่งเป็นปาล์มต้นเดี่ยวไม่มีลักษณะลำต้นแบบจัดกลุ่ม ใบหนามไม่มี midribs และแตกต่างในรายละเอียดกายวิภาคของดอกไม้ ชื่อสกุลมาจากคำภาษากรีก chamai หมายถึง คนแคระ และ rhops หมายถึง พุ่มไม้
Chamaerops humilis/ European Fan Palm

Mallorca. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -Asni Cemetery, High Atlas, Morocco. Photo by Dr. H. Sanderson, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb -https://www.palmpedia.net/wiki/Chamaerops_humilis ชื่อวิทยาศาสตร์---Chamaerops humilis L. (1753). ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms -Phoenix humilis L. (1793). -Corypha humilis L. (1893). ชื่อสามัญ---European Fan Palm, Mediterranean Fan Palm, Moroccan Fan Palm, African hair plant, Mediterranean dwarf palm, Dwarf fan palm ชื่ออื่น---[ALBANIAN: Kamerops.];[CHINESE: Cóng lú.];[CROATIAN: Zumara niska.];[CZECH: Žumara nízká.];[DUTCH: Europese dwergpalm.];[FRENCH: Chamérops humble, Palmite nain, Palmite, Palmier éventail.]:[GERMAN: Niedrige Zwergpalme, Zwergpalme];[ITALIAN: Palma nana, Ciafagghiuni ; (Germoglio commestibile - Sicilia); Palma di San Pietro, Palma femmina.];[PORTUGUESE: Palmeira anã, Palmeira das vasouras, Palmeira vassoureira.];[RUSSIAN: Khamerops prizemistyy.];[SPANISH: Palmito, Palmitera, Palmera enana, Palma enana, Palma de palmitos, Palma de escobas.];[SWEDISH: Europeisk dvärgpalm.];[TURKISH: Bodur palmiye.];[UKRAINIAN: Khamerops nyzʹkyy.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---CMEHU (Preferred name: Chamaerops humilis.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปยุโรป เขตกระจายพันธุ์---แอลจีเรีย, แบลีแอร, ฝรั่งเศส, อิตาลี, ลิเบีย, โมร็อกโก, โปรตุเกส Sardegna, ซิซิเลีย, สเปนและตูนิเซีย Chamaerops humilis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Linnaeus (1707–1778) นักชีววิทยาและนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนใน ปี พ.ศ.2396

-In habitat, Morrocco. Photo by Antonius Verhoeven, edric. -At Len's place. Vista, CA. Photo by Troy Donovan, edric. https://www.palmpedia.net/wiki/Chamaerops_humilis ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียนตะวันตกมี2พันธุ์ที่อยู่ในแถบนี้ คือ -Chamaerops humilis var. humilis พบในยุโรปตะวันตกเฉียงใต้รวมถึงโปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศสตอนใต้สุด และอิตาลีตะวันตกรวมถึงหมู่เกาะเมดิเตอร์เรเนียนตะวันตกหลายแห่งที่ระดับความสูงต่ำ ปาล์มที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติทางเหนือสุดในโลกที่ 43 ° 07 'N ที่Hyères-les-Palmiers บนชายฝั่งทางใต้ของฝรั่งเศส -Chamaerops humilis var. argentea (syn. Chamaerops humilis var. cerifera ) พบใน แอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือในเทือกเขาแอตลาสโมร็อกโกในระดับความสูงไม่เกิน 2,000 ม. C. humilis var. argentea มักปรากฏภายใต้ชื่อ C. humilis var cerifera อย่างไรก็ตามชื่อนี้เป็นสิ่งพิมพ์ในภายหลัง (1920, 1885 เทียบกับรายการตรวจสอบ Kew Palms ) ดังนั้นจึงไม่ใช่ชื่อที่ถูกต้องสำหรับความหลากหลาย

-Photo: https://www.palmpedia.net/wiki/Chamaerops_humilis ลักษณะ เป็นกลุ่มปาล์มเล็กๆที่มีความสูง1-4เมตรและอาจถึง 6 เมตร ลำต้นถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้ที่ตายแล้วและเส้นใยถาวร เมื่อโตเต็มที่จะพัฒนาลำต้นหลาย ๆ ต้นรอบลำต้นหลักและมีแนวโน้มที่จะสร้างหน่อตลอดแนวลำต้นซึ่งจะทำให้ดูใหญ่มากและสามารถทำให้ดูแผ่กว้างได้ถึง 4.5 เมตร ใบรูปพัด(palmate) ยาว1-1.5เมตร ก้านใบยาวประมาณ 40 ซม.มีหนามเป็นเงี่ยงตั้งขึ้น ใบใน C. humilis var. humilisเป็นสีเขียวในขณะที่ C. humilis var argentea มีความเหนียวมากเคลือบด้วยแว็กซ์หนาสีน้ำเงินซึ่งมีสีคล้ายกับใบของ Brahea armata ช่อดอกสั้นสีเหลืองขนาดเล็กจะเกิดจากพืชที่โตเต็มที่เท่านั้น ช่อดอกออกระหว่าง (interfoliar)ใบ อาจเป็น dioecious เป็นต้นเพศผู้ ต้นเพศเมีย หรืออาจเป็นทั้งสองเพศไม่แน่นอน ยาวประมาณ 15 ซม.แยกเป็น 2 กิ่ง ผลรูปขอบขนานคล้ายผลอินทผลัมสีเหลืองส้มหรือน้ำตาลเมื่อสุก ขนาด 1-1.5ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย3-4 ชั่วโมงและทนต่อร่มเงา สามารถอยู่รอดได้ในฤดูแล้ง ทนความร้อน ลม ลมหนาว และการถูกทอดทิ้งเป็นเวลานาน การเติบโตจะช้ามากถ้าปลูกในที่ร่ม น้ำค่อนข้างน้อย ดินมีการระบายน้ำดี ปรับตัวได้ดีทั้งในดินที่เป็นด่างและที่เป็นกรด เติบโตได้ดีที่สุดในภูมิอากาศเมดิเตอร์เรเนียนเช่น อิตาลี, แคลิฟอร์เนียตอนใต้, ชิลี, ออสเตรเลียตะวันตกและเคปทาวน์, แอฟริกาใต้ ทนต่ออุณหภูมิที่ลดลงได้ถึง (-7 ° C) ต้นปาล์มใช้เวลาถึง 50 ปีจึงจะเติบโตเต็มที่และต้นปาล์มบางต้นอาจมีอายุมากกว่า 100 ปี ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ น่าจะเป็นปาล์มที่ดีที่สุดในการปลูกในกระภางหรือในภาชนะขนาดใหญ่เป็น Houseplant การใช้ในงานภูมิทัศน์ ใช้ในการจัดสวนในหลายส่วนของโลก เป็นปาล์มที่สวยงามเหมาะสมสำหรับทุกภูมิทัศน์ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับสวนใกล้ทะเลและสามารถทนต่อความเค็มได้อย่างสมบูรณ์แบบ สถานะการอนุรักษ์---NE -Not Evaluated-( สายพันธุ์นี้ยังไม่ได้รับการประเมินใน IUCN Red List ) ขยายพันธุ์--เมล็ด แยกหน่อ เมล็ดใช้เวลาในการงอก 2-3 เดือน
|
สกุล COPERNICIA (koh-pehr-nee-SEE-ah) ชื่อสกุลนั้นตั้งตามชื่อนักดาราศาสตร์นิโคลัสโคเปอร์นิคัส Nicolaus Copernicus.(1473-1543). เป็นปาล์มพื้นเมืองของอเมริกาใต้ และเกรทเตอร์ แอนทิลิส ในสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักและ nothospecies (ลูกผสม ) ชื่อไทยที่ห้อยท้าย เป็นสายพันธุ์ที่นิยมปลูกในเมืองไทยและมีชื่อไทยต่างๆกัน มีทั้งหมด22สายพันธุ์ ---Copernicia alba Morong - โบลิเวีย, อาร์เจนตินา, ปารากวัย, Mato Grosso, Mato Grosso Su l-ปาล์มหมีขาว ---Copernicia baileyana León - คิวบา - ปาล์มหงส์เหิน ---Copernicia berteroana Becc - Hispaniola - ปาล์มฉัตรโสภา ---Copernicia brittonorum León - ประเทศคิวบา ---Copernicia cowellii Britton & P.Wilson - Camagüeyในคิวบา ---Copernicia curbeloi León - คิวบา ---Copernicia curtissii Becc - คิวบา- ปาล์มอ้ายหมี ---Copernicia ekmanii Burret - เฮติ ---Copernicia fallaensis León - คิวบา-ปาล์มหมีฟ้า ---Copernicia gigas Ekman ex Burret - Cuba ---Copernicia glabrescens H.Wendl ex Becc - คิวบา-ปาล์มขนเม่น ---Copernicia hospita Mart - คิวบา- ปาล์มหมีเทา ---Copernicia macroglossa Schaedtler - Cuba- อ้ายหมี ---Copernicia prunifera (Mill.) H.E.Moore - northeastern Brazil- ปาล์มแว็กซ์ ---Copernicia rigida Britton & P.Wilson - Cuba ---Copernicia roigii León - Cuba ---Copernicia tectorum (Kunth) Mart. - Colombia, Venezuela ---Copernicia yarey Burret - Cuba ที่นำมาต่อไปนี้จะเป็นสายพันธุ์ที่น่าสนใจ สำหรับ สายพันธุ์ปาล์มที่ปลูกในประเทศไทย ซึ่งลงไปแล้ว ดูได้ที่ ปาล์ม 6 ส่วนชื่อที่หายไปข้อมูลไม่เพียงพอ (ในหน้านี้แสดง 6 สายพันธุ์)
|
Copernicia cowellii/ Dwarf Jata Palm

-Cuba. Photo by Catherine Presley. -Cuba. Photo by Scott. -https://www.palmpedia.net/wiki/Copernicia_cowellii ชื่อวิทยาศาสตร์---Copernicia cowellii Britton & P.Wilson (1914) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.com/tpl/record/kew-46691 ชื่อสามัญ---Dwarf Jata Palm ชื่ออื่น--None (Not recorded) ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---CPDSS (Preferred name: Copernicia sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---แคริบเบียน คิวบา Copernicia cowellii เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Nathaniel Lord Britton และ Percy Wilson (1879–1944) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกันในปี พ.ศ.2457 ที่อยู่อาศัย ถิ่นกำเนิดในทุ่งหญ้า สะวันนา ใน Camagüey ประเทศคิวบา ลักษณะ เป็นปาล์มแคระสีฟ้าที่โดดเด่นหายาก เป็นปาล์มที่เล็กที่สุดจากสกุล Copernicia ต้นเดี่ยว สูง 1.2 - 2.5 เมตร .ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นสูงสุด 17 ซม. มงกุฎเล็กกระทัดรัด ใบใหญ่หนา แข็ง แบน รูปพัด (Costapalmate) เกือบกลม คลุมด้วยแว็กซ์แข็ง บนแผ่นใบด้านบนสีเขียวและใต้ใบสีขาวหรือขาวอมเหลืองคล้ายขี้ผึ้งไม่ทิ้งใบ ใบตายกลายเป็นกระโปรงคลุมลำต้น ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) โค้งและแตกแขนงยาวยื่นออกมาเหนือยอด ดอกกะเทย (hermaphrodite) สีขาวผลสุกสีดำ ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่ ดินที่มีการระบายน้ำได้ดี ทนแล้งการเจริญเติบโตช้ามากเหมาะที่สุดสำหรับภูมิอากาศเขตร้อนที่แห้งแล้ง การใช้ประโยชน์--ชาวพื้นเมืองจะเก็บใบจากป่า เป็นแหล่งวัตถุดิบสำหรับทอผ้า ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
Copernicia curbeloi/ "yarei macho"

-Jardin Botanico Nacional in Havana, Cuba. Photo by Paul Craft. -Cuba.Photo: https://www.palmpedia.net -https://www.palmpedia.net/wiki/Copernicia_curbeloi ชื่อวิทยาศาสตร์---Copernicia curbeloi León (1931) ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.com/tpl/record/kew-46692 ---Copernicia molineti var. cuneata León (1936) ---Copernicia × sueroana var. semiorbicularis León (1936) ชื่อสามัญ---None (Not recorded) ชื่ออื่น---Local names---CUBA: Yarei de tejer, Yarei macho.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---CPDSS (Preferred name: Copernicia sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---คิวบา นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลนั้นได้รับเกียรติจากนักดาราศาสตร์ Nicolaus Copernicus (1473-1543) ชื่อสายพันธุ์ 'curbeloi ' อุทิศให้กับนักพฤกษศาสตร์คิวบา Maximiliano Curbelo (2429-2481) Copernicia curbeloi เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Hermano León (1871 -1955) นักพฤกษศาสตร์ชาวคิวบา-ชาวฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2474 ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในภาคกลางและภาคตะวันออกของคิวบาซึ่งส่วนใหญ่เติบโตใน savannas ลักษณะ เป็นต้นปาล์มต้นเดี่ยว ในถิ่นกำเนิด สูงถึง 15 เมตรแต่ถ้าปลูกเลี้ยงจะสูงน้อยกว่านี้ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 30-40 ซม. ก้านใบ ยาวได้ถึง 80 ซม. มีหนามที่ขอบก้านใบ ใบรูปพัด (Costapalmate) เกือบจะกลม แผ่นใบสีเขียวที่ด้านบน และมีสีเงินเล็กน้อยที่ด้านล่าง ยาว 1.3 เมตร ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar)โค้งยาว 3 เมตร แผ่ขึ้นด้านบน ดอกกะเทย (hermaphrodite) สีขาว ผลกลมสีดำเมื่อสุก ขนาด1.8ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เจริญเติบโตช้า ต้องการแดดจัด ดินที่มีการระบายน้ำดี ทนต่ออุณหภูมิที่ลดลงได้ถึง (1-2 ° C) สายพันธุ์นี้เติบโตช้าไม่แพร่หลายนักนอกถิ่นกำเนิด ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
Copernicia ekmanii/ Ekman's Silver Palm

-Photo:https://www.palmpedia.net -IPS Biennial in South Florida. Photo by Gileno Machado. -https://www.palmpedia.net/wiki/Copernicia_ekmanii ชื่อวิทยาศาสตร์---Copernicia ekmanii Burret (1929) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.com/tpl/record/kew-46695 ชื่อสามัญ---Ekman's Silver Palm, Straw man. ชื่ออื่น---;[FRENCH: Homme paille.];[HAITI: Om de Pay, Jamm de Pay.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---CPDEK (Preferred name: Copernicia ekmanii.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เฮติ นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลนี้ได้รับเกียรติจากนักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ Nicolaus Copernicus (1473-1543) ; ชื่อสายพันธุ์ 'ekmanii' ตั้งชื่อตามนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน Erik Leonard Ekman (1883-1931) Copernicia ekmanii เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Ewald Maximilian Burret (1883–1964) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2472 ที่อยู่อาศัย พบได้ตามชายฝั่งหินใกล้ทะเล ทางตอนเหนือของเฮติเท่านั้น เป็นหนึ่งใน Copernicia ที่สวยที่สุดและหายากมากที่สุด ลักษณะ เป็นปาล์มขนาดกลาง สูงประมาณ 4-5 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15 - 20 ซม ลำต้นหนาสีเทา มีใบจัดกลุ่มอย่างแน่นหนา ใบรูปพัด (Costapalmate) เกือบกลม แข็ง สีฟ้าอ่อนจำนวนมากขนาด เส้นผ่านศูนย์กลางใบ 1เมตร ก้านใบมีหนาม ใบไม้ที่ตายแล้วจะก่อให้เกิดกระโปรงหนา ๆ ด้านล่างของมงกุฎหากไม่ถูกตัดออก ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar)โค้งยาว 0.80-1 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ดอกกะเทย (hermaphrodite)โดดเดี่ยว ยาว 3 มม สีขาวครีม ผลสีดำมันวาวเมื่อสุก ขนาด ยาว 2 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง1.6 ซม. มี เมล็ด1เมล็ด เส้นผ่านศูนย์กลาง1.2 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตได้ดีที่สุดในดินที่มีความชื้น มีการระบายน้ำดี เป็นกรดเล็กน้อย ในตำแหน่งที่มีแสงแดดเต็มวันหรือร่มเงาบางส่วน สามารถรับแรงลม และไอเกลือได้ดี ทนต่ออุณหภูมิที่ลดลงได้ถึง (-1° C) แม้ว่าจะเติบโตได้ง่ายในเขตร้อนและในภูมิอากาศที่อบอุ่น แต่ในการเพาะปลูกพบได้ในคอลเล็กชั่นที่มีน้อยมาก การใช้ประโยชน์--ใบเป็นวัสดุมุงที่ทนมากได้จากการเก็บเกี่ยวโดยทั่วไปจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่น มีการใช้ลำต้นในการก่อสร้าง -ใช้ปลูกประดับเหมาะสำหรับใช้จัดสวนริมทะเล -อื่น ๆ ลำต้นใช้ในการก่อสร้าง ใบแห้งใช้มุงแป็นที่อยู่อาศัยในชนบทที่มีความทนทาน ภัยคุกคาม---เนื่องจากมนุษย์ใช้ประโยชน์จาก ลำต้นและใบของพืชมากเกินไปนับเป็นภัยคุกคามที่สำคัญกับพืชชนิดนี้ ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List (สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ) ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์'(มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์ของธรรมชาติในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (2011) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
Copernicia gigas/ Giant copernicia
-Copernicia gigas growing in habitat, Cuba. Photo by Mike Harris, Caribbean Palms Nursery. -Cuba. Photo by Rolf Kyburz. -https://www.palmpedia.net/wiki/Copernicia_gigas ชื่อวิทยาศาสตร์---Copernicia gigas Ekman ex Burret (1929) ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.com/tpl/record/kew-46699 ---Copernicia excelsa León (1931) ---Copernicia vespertilionum León.(1936) ชื่อสามัญ---Giant copernicia, Giant wax palm ชื่ออื่น---(Local names);[CHINESE: Ju la zong.];[CUBA: Barrrigon, Hediondo, Palmeta, Elsewehere.];[FRENCH: Geant copernicia.];[PORTUGUESE: Carnuba gigante, Carnuba-de-morcego.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---CPDSS (Preferred name: Copernicia sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---แคริบเบียน - คิวบา นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลนี้ได้รับเกียรติจากนักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ Nicolaus Copernicus (1473-1543) ; ชื่อสายพันธุ์มาจากภาษาละติน 'gigas' = ยักษ์ โดยอ้างอิงถึงขนาดของพืช Copernicia gigas เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Erik Leonard Ekman (1883-1931) นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน จากอดีต Carl Ewald Maximilian Burret (1883–1964) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2472 ที่อยู่อาศัย ถิ่นกำเนิดทางตะวันออกเฉียงใต้ของคิวบา พบในพื้นที่ป่าและพื้นที่โล่ง ป่าไม้ที่ถูกน้ำท่วมตามฤดูกาลและสะวันนา ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดใหญ่ เป็นหนึ่งในปาล์มที่สวยที่สุดของคิวบา สูงถึง 20 เมตร ลำต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 50 ซม. มีซากใบเก่าที่ติดแน่นปกคลุมเมื่ออายุยังน้อย เมื่อต้นแก่ขึ้นซากใบจะหลุดร่วงไปเห็นลำต้นเป็นสีเทา ก้านใบยาวมีหนามที่ขอบก้านใบ แผ่นใบด้านบนปกคลุมด้วคราบสีเทาคล้ายขี้ผึ้ง ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar)โค้งและแตกแขนงยาวยื่นออกมาเหนือยอด ดอกกะเทย(hermaphrodite) สีขาว ผลกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 ซม. สีดำเมื่อสุก ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตได้ดี ในพื้นที่กว้างที่มีภูมิอากาศแบบเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนและเต็มไปด้วยแสงแดด ทนต่ออุณหภูมิที่ลดลงได้ถึง (0° C) ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับและถือเป็นปาล์มที่มีค่าทางภูมิทัศน์มหาศาล -อื่น ๆ ใบไม้ถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นเป็นแหล่งวัสดุมุงที่อยู่อาศัย ภัยคุกคาม---เนื่องจากมีการใช้ประโยชน์จากไม้และใบไม้ในท้องถิ่นมากเกินไป ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภทมีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์โดยผิดธรรมชาติ (เกิดจากมนุษย์) สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE - IUCN Red List of Threatened Species (2020) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้ระยะเวลาในการงอก 60 วัน
|
Copernicia rigida/ Jata Palm.
-La Habana Botanical Garden, Cuba. Photo by Jason Schoneman. -Palmarium JB Bayamo, Botanical Garden of Bayamo, Cuba. -https://www.palmpedia.net/wiki/Copernicia_rigida ชื่อวิทยาศาสตร์---Copernicia rigida Britton & P.Wilson (1914) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-46722 ---Copernicia rigida f. fissilingua León (1936). ชื่อสามัญ---Jata Palm. ชื่ออื่น---; [CUBA: Jata, Jata guatacuda .] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---CPDRI (Preferred name: Copernicia rigida.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---คิวบา นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลอุทิศให้กับนักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ Nicolaus Copernicus (1473-1543) ; ชื่อสายพันธุ์ 'rigida'คือคำคุณศัพท์ภาษาละติน“ rigidus, a, um” = ที่มีการอ้างอิงถึงส่วนทางใบ Copernicia rigida เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Nathaniel Lord Britton (1859–1934) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน และ Percy Wilson (1879–1944) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2457 ที่อยู่อาศัย สายพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางของประเทศคิวบา เติบโตในป่าเปิดและทุ่งหญ้าสะวันนาใกล้กับชายฝั่งที่ระดับความสูงต่ำ ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวสูงประมาณ 15 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 25-35 ซม.ลำต้นสีเทาอยู่ใต้มวลใบแห้งที่ติดอยู่เป็นเวลานาน ใบรูปพัด (costapalmate) ไม่มีก้านใบเกือบทั้งหมด แผ่นใบสีเขียวด้านบน, มีคราบขี้ผึ้งบางสีเทาด้านล่าง ช่อดอกออกระหว่างซอกใบ (interfoliar) ยาว2-2.5เมตร มี 6 ช่อย่อย ก้านช่อย่อยยาว 4-9ซม.ก้านช่อย่อยและดอกมีขนสั้นหนาปกคลุม ดอกกะเทย (hermaphrodite) สีขาวอยู่ในกลุ่มใกล้ ๆกัน 2-4 ดอก ยาว2.5-3 มม ผลกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.8 ซม. สีดำเมื่อสุก มีหนึ่งเมล็ด รูปกลมเส้นผ่าบศูนย์กลางประมาณ 1.2 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตได้ดีที่สุดในแสงแดดเต็มที่ ชอบดินที่ชื้นและมีการระบายน้ำที่ดี ทนแล้ง ทนไอเกลือ ทนต่ออุณหภูมิที่ลดลงได้ถึง (0° C)ในช่วงสั้น ๆ ใช้ประโยชน์--- เป็นแหล่งวัตถุดิบในการทำผ้าทอ ใบใช้สำหรับมุง ลำต้นถูกตัดและใช้เป็นเสารั้ว -ใช้ปลูกประดับ เหมาะสำหรับใช้จัดสวนริมทะเล -อื่น ๆ *เป็นพืชที่เติบโตช้าอย่างไม่น่าเชื่อเป็นปาล์มที่เป็นหนึ่งในปาล์มที่แปลกประหลาดที่สุดเนื่องจากรูปลักษณ์ที่สันนิษฐานในช่วงชีวิตต่าง ๆ ยาวและเอนตัว และเนื่องจากการที่ไม่มีก้านใบเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเด็ก เมื่อใบเจริญให้เห็นออกมาจากดิน นักพฤกษศาสตร์บางคนกำลังเพิ่มความเป็นไปได้ที่พืชชนิดนี้จะกินเนื้อเป็นอาหาร ใบของมันเป็นกับดักที่มีประสิทธิภาพมากสำหรับสัตว์เล็กซึ่งตายและเน่าที่นั่น และให้สารอาหารแก่พืช สิ่งนี้อาจพัฒนาไปหลังจากยุคน้ำแข็งสุดท้ายเมื่อถิ่นที่อยู่ของมันเป็นทะเลทราย* http://www.pacsoa.org.au/wiki/Main_Page ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (1998) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 2-3 เดือน
|
Copernicia tectorum/ Venezuelan wax palm

-VENEZUELA. photo: https://www.palmpedia.net -https://www.palmpedia.net/wiki/Copernicia_tectorum ชื่อวิทยาศาสตร์---Copernicia tectorum (Kunth) Mart.(1838) ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all https://www.monaconatureencyclopedia.com/copernicia-tectorum/?lang=en ---Basionym: Corypha tectorum Kunth (1816) ---Copernicia sanctae-martae Becc (1908) ชื่อสามัญ---Venezuelan wax palm. ชื่ออื่น--; [COLOMBIA: Palma zarare, Palmiche, Sara.]; [VENEZUELA: Palma llanera, Palma redonda, Palma de abanico, Palma de cana, Palma de cabija, Palma de sombrero.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---CPDSS (Preferred name: Copernicia sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---โคลัมเบีย เวเนซูเอล่า นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลอุทิศให้กับนักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ Nicolaus Copernicus (1473-1543) ; ชื่อสายพันธุ์ 'tectorum'จากละติน 'tectorum, i' = หลังคาโดยอ้างอิงถึงการใช้ใบไม้มุงที่อยู่อาศัยในชนบท Copernicia tectorum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Sigismund Kunth (1788–1850) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794–1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2381 ที่อยู่อาศัย สายพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในโคลัมเบีย (Atlántico, Cesar, La Guajiray Magdalena) และเวเนซุเอลา (Bolívar, Cojedes, Guárico, Portuguesa และ Zulia) เติบโตเฉพาะในทุ่งหญ้าสะวันนาทางตอนเหนือของโคลัมเบียและเวเนซูเอลาซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งรุนแรงในช่วงฤดูแล้งและน้ำท่วมถาวรในฤดูฝน ในโคลัมเบียสายพันธุ์นี้เติบโตในที่ลุ่มในทะเลแคริบเบียนเท่านั้น ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวลำต้นตั้งตรงสูง 8-10 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 25-30 ซม. เมื่อยังเล็กลำต้นสีเทา ปกคลุมด้วยโคนใบและทางใบ เมื่อโตเต็มวัยจะมีรากพิเศษที่เรียกว่า adventitious roots.เป็นกลุ่มงอกออกมาที่โคนต้น ซึ่งได้รับการพิจารณาว่าเป็นการปรับตัวเพื่อรองรับน้ำท่วมที่ยาวนาน มีใบรูปพัด (palmate) 15-25 ใบ สีเขียวขอบใบจักลึกถึงครึ่งใบ ยาวถึง 1 เมตรโดยมีก้านใบยาว ถึง 1.6 ม. มีหนามยึดติดอยู่ตามขอบก้าน ช่อดอกออกระหว่างซอกใบ (interfoliar) ยาว1เมตร แตกแขนงเป็น 6 กิ่ง มีดอกเป็นช่อปกคลุมไปด้วยขนสั้นและหนา ยาวไม่เกิน 17 ซม.ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (monoecious) ดอกกะเทย (hermaphrodite)โดดเดี่ยวสีขาวอมเขียว ยาวประมาณ 3.5 มม กว้าง 2.5 มม ผลรูปรี ขนาดความยาว 2.6-3 ซม. และเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.8-2 ซม. มีสีน้ำตาลดำมันวาวเมื่อสุก มีเมล็ด1เมล็ดขนาดยาว1.5ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง1.2 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดจัด ดินเป็นกลางถึงเป็นด่าง สามารถทนน้ำท่วมตามฤดูกาล เช่นเดียวกับทนแล้งในช่วงฤดูแล้งที่ยาวนานและทนไฟที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในทุ่งหญ้าสะวันนา ทนต่ออุณหภูมิที่ลดลงได้ถึง (0° C) ปาล์มชนิดนี้แทบจะไม่เป็นที่รู้จักนอกถิ่นกำเนิดเนื่องจาก ปัญหาการปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศและดินที่รุนแรง ใช้ประโยชน์---ใช้กินผลไม้กินได้แต้รสชาดค่อนข้างไม่พึงประสงค์ถูกนำไปใช้เลี้ยงโค -ใช้ปลูกประดับ จะพบเฉพาะในสวนพฤกษศาสตร์และในคอลเล็กชันของผู้เชี่ยวชาญเป็นส่วนใหญ่ -อื่น ๆ ลำต้นทนทานอายุการใช้งานยืนยาวนำมาใช้ในการก่อสร้าง ใบแห้งใช้มุงที่อยู่อาศัย เส้นใยใช้สานเสื่อ หมวก ตะกร้าและงานหัตถกรรมซึ่งเป็นทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับประชากรในท้องถิ่น ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2013) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอกตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป
|
สกุล Dictyocaryum (dihk-tee-oh-CAR-yuhm) พบในอเมริกาใต้ เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับสกุล Iriartea พวกเขาจะเรียกกันว่า Araqueหรือ Palma Real มีการอธิบายสายพันธุ์มากถึงสิบเอ็ดสายพันธุ์แต่จำนวนนี้ลดลงเหลือ3 สายพันธุ์ ที่ได้รับการยอมรับ (ในหน้านี้แสดง1สายพันธุ์) ปาล์มในสกุลนี้จะพบในภูเขาและภูเขาป่าฝนภูมิภาคของปานามา , เอกวาดอร์ , บราซิล , เปรู , โบลิเวีย , กายอานาและเวเนซูเอลาจากระดับต่ำถึง 1,800 เมตร พวกมันมักจะตั้งรกรากในป่าละเมาะขนาดใหญ่ที่เห็นได้ชัดบนทางลาดชันได้รับฝนที่ตกลงมาอย่างมากและเติบโตในดินที่เป็นกรดและเป็นกลาง นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลแปลมาจากคำกรีกความหมาย "net" = "สุทธิ" และ "nut" อธิบายถึงเครือข่ายหนา และ 'raphe' = เส้นใยรอบเมล็ด
Dictyocaryum lamarckianum/Andean Royal Palm

-Hawaii. Photo by Bo-Göran Lundkvist. -https://www.palmpedia.net/wiki/Dictyocaryum_lamarckianum ชื่อวิทยาศาสตร์---Dictyocaryum lamarckianum (Mart.) H.Wendl.(1863) ชื่อพ้อง---Has 6 Synonyms.See all https://www.gbif.org/species/2731988 ---Basionym: Iriartea lamarckiana Mart.(1838) ---Deckeria lamarckiana (Mart.) H.Karst. (1857) ---Dictyocaryum globiferum Dugand. (1940). ---Dictyocaryum platysepalum Burret (1930). ---Dictyocaryum schultzei Burret (1930). ---Dictyocaryum superbum Burret.(1930). ชื่อสามัญ---Andean Royal Palm, Blue Crown Palm, Blue Sapphire ชื่ออื่น---[COLOMBIA: Barrigona, Barrigona blanca, Palma bombona.];[ECUADOR: Palma real.];[GERMAN:Anden-Königspalme.];[PANAMA: Palma barrigona.];[PERU: Basanco, Pona.];[RUSSIAN: Andskaya korolevskaya pal'ma.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---DKKLA (Preferred name: Dictyocaryum lamarckianum.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---โบลิเวีย, โคลัมเบีย, เอกวาดอร์, ปานามา, เปรู, เวเนซุเอลา นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Dictyocaryum' แปลมาจากภาษากรีกสองคำความหมาย "net" และ "nut" อธิบายเครือข่ายหนา สันและ 'raphe' = เส้นใยรอบเมล็ด ; ชื่อเฉพาะสายพันธุ์ 'lamarckianum' ตั้งชื่อตามทฤษฎีวิวัฒนาการ (Lamarckian) = 'มรดกของลักษณะที่ได้มา' ของนักสัตววิทยาชาว ฝรั่งเศส Jean-Baptiste Lamarck (ค.ศ. 1744–1829) Dictyocaryum lamarckianum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794–1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยHermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2406

--Photo.https://www.palmpedia.net -Andes, Ecuador. Photo by Dr. H. B. Pedersen/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Dictyocaryum_lamarckianum ที่อยู่อาศัย พบในภาคตะวันออก Panamá ผ่าน Andes ของโคลัมเบีย เวเนซุเอลา ในเอกวาดอร์ (พบได้ทั้งสองด้านของเทือกเขาแอนดีส) เปรูและโบลิเวีย ในป่าดิบเขา ในป่าชื้นและป่าฝนบนพื้นที่ลาดชันที่ระดับความสูง 1,000 - 2,000 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวสูงถึง 25 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น12- 40 ซม.ตรงโคนต้นบวมเล็กน้อย มี stilt root ยาวถึง1.5เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-7ซม.มีเกล็ดเป็นขุยสีน้ำตาลในตอนแรกแล้วเปลี่ยนเป็นสีเทาดำมีหนามทื่อตามยาว ลำต้นตรงขึ้นไปประมาณกึ่งกลางแล้วจู่ๆก็คอดลง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 ซม.และเรียวถึง 2.5-6 ซม สีส้มหรือเหลือง crownshaft หรือ คอยอดสีฟ้ามีแว็กซ์สีขาวคลุม ใบในมงกุฎมี 3-6ใบ รูปขนนก (pinnate) สีเขียวอมเงินด้านล่าง ทางใบยาว 5 เมตร ก้านใบยาว 75 ซม. ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (infrafoliar) ก้านช่อดอกตรงยาว 35-80 ซม. มีกิ่งก้านช่อยาวจำนวนมากห้อยย้อย ดอกแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน (monoecious) ดอกสีเหลืองครีม ผลกลมหนาถึง 4 มม.สีเหลืองแกมเขียว ขนาด 2.5-2.8 x 2.3-3 ซม.เมล็ดกลมถึงรูปไข่รี 1.7-2.5 x 1.6-2.2 ซม. มี 2 เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เป็นหนึ่งในปาล์มที่สวยที่สุดที่มีอยู่แต่ก็เป็นหนึ่งในพืชที่เติบโตได้ยากที่สุด ต้องการตำแหน่งที่ชื้นและร่มรื่น ขึ้นชื่อในเรื่องยากแล้วเงื่อนไขที่ต้องการคือดินที่มีความชื้นสูง อุดมด้วยซากพืชและต้องการน้ำในปริมาณมากตลอดทั้งปี แต่สามารถทนต่อสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นได้ การใช้ประโยชน์---ต้นไม้ถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้เป็นอาหารและเป็นแหล่งไม้ในท้องถิ่น -ใช้กิน ผลไม้กินได้และทำเป็นไวน์หรือเยลลี่ ในโบลิเวียหัวใจของปาล์มจะถูกกินเป็นผัก -ใช้ปลูกประดับ เป็นหนึ่งในปาล์มที่สวยที่สุด -อื่น ๆ ในโคลัมเบียใบใช้สำหรับมุงหลังคา ; ชาวพื้นเมืองEmbera Indiansในปานามาและโคลอมเบียใช้ลำต้นที่มีเนื้อไม้แข็งและทนทานใช้เป็นโลงศพ ; ในเปรูไม้ใช้ในการก่อสร้าง ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2001) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Dransfieldia เป็น monotypic genus มีเพียง 1 สายพันธุ์
Dransfieldia micrantha/ Mini Pink Lipstick Palm.

-Hawaii. Photo by Geoff Stein. -Dr. John Dransfield standing next to his namesake palm in the widows to the tropics conservatory, Royal Botanic Gardens, Kew. -https://www.palmpedia.net/wiki/Dransfieldia_micrantha ชื่อวิทยาศาสตร์---Dransfieldia micrantha (Becc.) W.J.Baker & Zona (2006) ชื่อพ้อง---Has 3 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-343991 ---Basionym: Ptychosperma micranthum Becc.(1877) ---Heterospathe micrantha (Becc.) H.E.Moore (1970). ---Rhopaloblaste micrantha (Becc.) Hook.f. ex B.D.Jacks. (1895) ชื่อสามัญ--- Mini Pink Lipstick Palm. ชื่ออื่น---Local names; [NEW GUINEA: Ititohoho (Jamur), Kapis (Biak-Raja Ampat), Tama’e (Wondama).] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---PPMSS (Preferred name: Ptychosperma sp.) ถิ่นกำเนิด---โอเชีบเนีย เขตกระจายพันธุ์---นิวกินี นิรุกติศาสตร์--- Dransfieldia เป็นชื่อสกุลสำหรับ Dr. John Dransfield (เกิดปี 1945) อดีตหัวหน้าฝ่ายวิจัยปาล์มที่ Royal Botanic Gardens, Kew และเพื่อนและผู้ให้คำปรึกษาแก่ผู้เขียนบทความนี้ทั้งหมดเพื่อรับรู้ถึงการมีส่วนร่วมอันยิ่งใหญ่ของเขาทั้งในระบบปาล์ม Malesian และความรู้ทั่วโลก ของชีววิทยาปาล์มโดยรวม [(WJ Baker, S. Zona, Ch.D. Heatubun, K. Lewis, K. Lewis, RA Maturbongs และ MV Norup. 2006) / Palmweb] Dransfieldia micrantha เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยWilliam John Baker (1972– )นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ และ Scott Zona.(เกิดปี 1959) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2549

-Miami FL. Photo by Kyle Wicomb, edric. -https://www.palmpedia.net/wiki/Dransfieldia_micrantha ที่อยู่อาศัย จำกัดอยู่เฉพาะจังหวัดปาปัว ทางตะวันตก ของอินโดนีเซีย ในนิวกินี รู้จักกันจากเกาะ Waigeo ในหมู่เกาะราชาอัมพัต, Kepala Burung (อ่าว Sorong และ Bintuni Bay), เนินเขาล่างของเทือกเขา Wondiwoi และบริเวณอ่าว Etna พบใน ป่าที่ลุ่ม ป่าบนเนินเขา และสันเขา ที่ระดับความสูง 10–180 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มแตกกอ หรือต้นเดี่ยว ลำต้นสูงถึง 10 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 2-5 ซม. ผิวต้นเรียบเนียนมักมีสีแดงเมื่ออายุน้อยแล้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ปลายประกอบด้วยกาบใบม้วนแน่น ใบประกอบรูปขนนก (pinnate) มี 4-7 ใบ ใบใหม่จะมีสีแดง แต่ไม่นานก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ความยาว 1-2 เมตร รวมถึงก้านใบ ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ดอกออกใต้ crownshaft (infrafoliar) ช่อดอกยาว 34-60 ซม.รวมถึงก้านช่อดอกและดอกทั้งหมด มีแกนสีแดงถึงสีม่วงที่ดอกย่อย ผลสีดำเมื่อสุก ขนาด 15.0–15.9 x 7.6–9.5 มม.มีเมล็ด1 มเล็ดสีน้ำตาล ขนาด 8.9–11.0 x 6.1–7.0 มม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตได้ดีในที่ร่ม แต่ทนแดดยามเช้า ชอบดินร่วนปนทรายที่มีอินทรีย์วัตถุเป็นกรดและลึกที่อุดมสมบูรณ์และระบายน้ำได้ดี แต่ปรับตัวให้เจริญได้ดีในดินที่หลากหลาย ควรหลีกเลี่ยงดินที่แฉะตลอดเวลา ดินลูกรัง ทรายหินหรือทรายเลน การใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นสายพันธุ์ที่ปลูกเป็นไม้ประดับในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย แต่ยังไม่แพร่หลายในการค้าพืชสวน ใบใหม่ที่มีสีสัน ช่อดอก กับลำต้นที่เรียวทำให้ปาล์มนี้เป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักสะสมปาล์ม -อื่น ๆ ลำต้นใช้ทำฉมวก ใบใช้สำหรับมุง ชิ้นส่วนที่ไม่ได้ระบุใช้สำหรับการเย็บมุงหลังคา ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Gaussia (GAWS-see-ah) เป็นสกุลในครอบครัวปาล์มพื้นเมืองเม็กซิโก อเมริกากลาง, Great Antilles มี 5 สายพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับ 1 Gaussia attenuata (O.F.Cook) Becc.-สาธารณรัฐโดมินิกันและเปอร์โตริโก 2 Gaussia gomez-pompae (H.J.Quero) H.J.Quero-รัฐเชียปัส , เม็กซิโก , โออาซากาและเวราครูซ 3 Gaussia maya (O.F.Cook) H.J.Quero & Read-เม็กซิโก, เบลีซและกัวเตมาลา 4 Gaussia princeps H.Wendl.-คิวบาตะวันตก 5 Gaussia spirituana Moya & Leiva-เซียร์ราเดอจาติโบนิโกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของคิวบา (ในหน้านี้แสดง 2 สายพันธุ์)
Gaussia gomez-pompae/palma barril

-Cooper City FL. Photo by Kyle Wicomb. -National Botanical gardens in Havana, Cuba. Photo by Scott. -https://www.palmpedia.net/wiki/Gaussia_gomez-pompae ชื่อวิทยาศาสตร์---Gaussia gomez-pompae (H.J.Quero) H.J.Quero (1986) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See https://www.monaconatureencyclopedia.com/gaussia-gomez-pompae/?lang=en ---Opsiandra gomez-pompae H.J.Quero (1982) ชื่อสามัญ--Caribbean Bottle Palm ชื่ออื่น---; [CHINESE: Lu mei zong (as Gaussia).];[MEXICO: Gausia de monte, Palma barril.]; ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---GSISS (Preferred name: Gaussia sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เม็กซิโก นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลนั้นอุทิศให้กับนักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมัน Johann Friedrich Gauss (1777-1855) ; ชื่อสายพันธุ์ 'gomez-pompae' เป็นเกียรติแก่ นักนิเวศวิทยาและนักชาติพันธุ์วิทยาชาวเม็กซิกัน Arturo Gómez-Pompa (1934) Gaussia gomez-pompae เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Hermilo J. Quero (เขามีบทบาทมากที่สุดในปี1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวเม็กซิกันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Hermilo J. Quero ( มีบทบาทมากที่สุดในปี1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวเม็กซิกันในปี พ.ศ.2529

Photo: https://www.palmpedia.net https://www.palmpedia.net/wiki/Gaussia_gomez-pompae ที่อยู่อาศัย สายพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศเม็กซิโก (เชียปัส, โออาซากา, ทาบาสโกและเวราครูซ) เติบโตในป่าในที่สูงชันบนเนินเขาที่มีโขดหินบนดินหินปูน ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวไม่มีหนาม สูง 10 -14 เมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 30 ซม.สีเทา มีร่องรรอยวงแผลเป็นเห็นชัด ระยะห่างสูงสุด 10ซม. หลังจากเมล็ดงอก ช่วงปีแรกจะสร้างลำต้นทรงกลม จากนั้นจะเป็นรูปทรงขวด ก่อนจะพัฒนาเป็นลำต้นทรงกระบอก ขยายเล็กน้อยที่ฐาน ใบในมงกุฎ 8-10 ใบ ทางใบยาว2-3เมตร ใบประกอบแบบขนนก (pinnate)ใบย่อยรูปขอบขนานเชิงเส้น มีมากถึง 100 คู่ปลายใบแหลม เรียงเป็นระยะสม่ำเสมอ ขนาดใบยาว70-75ซม.กว้าง4-6 ซม. สีเขียวเข้มมันวาว เส้นกลางใบสีเหลือง ใบแห้งยังคงติดอยู่บนต้นระยะหนึ่งก่อนหลุดร่วงไป ช่อดอกเริ่มแรกออกระหว่างใบ(interfoliar)ต่อมาอยู่ใต้ใบเมื่อสุกยาว1เมตร ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (monoecious) ดอกเล็กๆสีขาวครีมจัดเรียงเกือบชิดกันเป็นสามดอก (ดอกเพศเมียอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) ยกเว้นในส่วนขั้วของ rachillae (การแตกกิ่งรองของช่อดอก) มักมีเฉพาะดอกเพศผู้ที่อยู่โดดเดี่ยว ดอกเพศผู้จะเปิดออกและร่วงตามลำด้บเมื่อร่วงหมดแล้วดอกเพศเมียจะเปิดออก ผลกลมสีเหลืองหรือส้มแดงขนาด 1.5- 1.6 ซม มีเมล็ด 1 เมล็ด ขนาด1.3-1.5ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---สายพันธุ์ที่เติบโตช้าค่อนข้างหายากในธรรมชาติและเกือบจะไม่รู้จักในการเพาะปลูก ต้องการแสงแดดเต็มหรือร่มเงาเล็กน้อย ดินมีการระบายน้ำดี ค่อนข้างเป็นด่าง ชอบสภาพอากาศแบบเขตร้อน / กึ่งเขตร้อน ทนต่ออุณหภูมิที่ลดลงได้ถึง (0° C)และทนแล้งได้ในช่วงสั้น ๆ ใช้ประโยชน์---สามารถนำไปใช้ประโยชน์ ในงานภูมิทัศน์ แบบปลูกแยกแบบเดี่ยวๆหรือ ปลูกเป็นกลุ่ม ในสวนเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ในขณะที่ต้นยังเล็กเป็นรูปทรงกลม นำมาปลูกประดับเป็นไม้กระถางได้อย่างหรู ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามจากกิจกรรมการตัดไม้และการเพิ่มการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์ในธรรมชาติ' สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE - IUCN. Red List of Threatened Species (1998) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
Gaussia maya/Maya Palm

-Todos Santos, Baja, Mexico. Photo by Oscar Moreno -https://www.palmpedia.net/wiki/Gaussia_maya ชื่อวิทยาศาสตร์---Gaussia maya (O.F.Cook) H.J.Quero & Read (1986) ชื่อพ้อง---Has 1 synonyms.See all https://www.monaconatureencyclopedia.com/gaussia-maya/?lang=en ---Basionym: Opsiandra maya O.F.Cook (1923) ชื่อสามัญ---Maya Palm ชื่ออื่น---; [BELIZE: Cambo, K’ambó, Palmasito.];[CHINESE: Lu mei zong (as Gaussia).];[MEXICO: Gausia cimarrona, Palma cambo, Palma cimarrona.];[SPANISH: Cambo, La palma, Palma cimarrona, Palmasito, Kambo.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---GSISS (Preferred name: Gaussia sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เบลีซ, กัวเตมาลา, เม็กซิโก Gaussia maya เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Orator Fuller Cook (1867–1949) นักพฤกษศาสตร์และนักกีฏวิทยาชาวอเมริกัน ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Hermilo J. Quero ( มีบทบาทมากที่สุดในปี1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวเม็กซิกันและRobert William Read (1931–2003) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกันในปี พ.ศ.2529
-Homestead, FL. Photo by Jody Haynes -Sherman Oaks CA. -https://www.palmpedia.net/wiki/Gaussia_maya ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโกตอนใต้ (กินตานาโร) เบลีซ และกัวเตมาลา กระจายอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำ บนดินหินปูนที่ระดับต่ำ ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูง 5-20 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 10 - 15 (-30) ซม. ลำต้นสีเทา มีวงแหวนที่เด่นชัด โคนต้นบวม พุ่งขึ้นแล้วหดตัว มีใบบนยอดมงกุฎ 3-8 ใบ เป็นใบรูปขนนก(pinnate)แต่ละใบยาว 2-3 เมตร ไม่เป็นระเบียบ ใบย่อยสีเขียวถูกจัดเรียงในระนาบต่างๆ ซึ่งช่วยชดเชยจำนวนใบที่น้อย (ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีใบครั้งละ 3-4 ใบ) คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดคือนิสัยการออกดอกของปาล์มชนิดนี้จะออกดอกได้อย่างอิสระมากซึ่งอาจส่งผลให้เกิดช่อดอกที่เกิดพร้อมกันมากถึงหนึ่งโหลอยู่บนต้นในเวลาใดก็ได้ ช่อดอกของปาล์มมายาในระยะแรกยังคงอยู่ใน ตา เป็นเวลาหลายปี ขณะที่ต้นโตไปเรื่อยๆ ตาที่อายุมากว่า ก็จะเปิดตามลำดับ จากแก่ที่สุด ไปหาน้อยที่สุด ผลลัพธ์คือปาล์มมายา จะพกพาดอกและผลไปด้วยในเวลาเดียวกันและในทุกช่วงของการพัฒนา ช่อดอกเริ่มแรกออกระหว่างใบ(interfoliar)ต่อมาอยู่ใต้ใบเมื่อสุกยาว70-80 ซม. ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (monoecious) ดอกเล็กๆสีขาวครีมจัดเรียงเกือบชิดกันเป็นสามดอก (ดอกเพศเมียอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) ยกเว้นในส่วนขั้วของ rachillae (การแตกกิ่งรองของช่อดอก) มักมีเฉพาะดอกเพศผู้ที่อยู่โดดเดี่ยว ดอกเพศผู้จะเปิดออกและร่วงตามลำด้บเมื่อร่วงหมดแล้วดอกเพศเมียจะเปิดออกสิ่งนี้จะทำให้เกิดการผสมพันธุ์แบบไขว้กัน ผลรูปกลมผลอ่อนสีเขียวอมเหลือง สีแดงสดเมื่อสุกขนาด1-1.5 ซม.มีเมล็ด1เมล็ด ขนาด 1ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---มีอัตราการเจริญเติบโตปานกลาง ทนน้ำค้างแข็งอายุสั้น ๆ เป็นครั้งคราวด้วยอุณหภูมิที่ประมาณ -2 ° c ชอบตำแหน่งที่ร่มรื่นในดินที่มีความชื้น แต่ระบายน้ำได้ดี เมื่อยังเล็กต้องการแสงบางส่วน แต่อาจต้องการแสงแดดมากขึ้นเมื่อโต การใช้ประโยชน์---สามารถนำไปใช้ประโยชน์ ในงานภูมิทัศน์ แบบปลูกแยกแบบเดี่ยวๆหรือ ปลูกเป็นกลุ่ม ในสวนเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ในขณะที่ต้นยังเล็กเป็นรูปทรงกลม นำมาปลูกประดับเป็นไม้กระถางได้ -อื่นๆ ลำต้นมีความทนทานมาก ใช้ในการก่อสร้างแบบดั้งเดิม ภัยคุกคาม---เนื่องจากขนาดประชากรโดยรวมมีขนาดเล็ก ถูกคุกคามจากการทำลายที่อยู่อาศัยและความเสื่อมโทรมที่เกิดจากกิจกรรมการตัดไม้และการเพิ่มการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์ในธรรมชาติ' สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE - IUCN. Red List of Threatened Species (2011) ขยายพันธุ์---เมล็ด เมล็ดงอกง่ายเมื่อสด ใช้เวลา 2 เดือนในการงอก
|
สกุล Guihaia (gwee-hah-EE-ah) เป็นประเภทของ 3 สายพันธุ์ของต้นปาล์มที่พบในประเทศจีนและเวียดนาม บางทีลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของมันคือมันเป็นปาล์มชนิดเดียวที่มีใบรูปแบบ reduplicate (รูปตัว A) ซึ่งใบในต้นปาล์มอื่น ๆ ทั้งหมดมีใบรูปแบบตัว V 1 Guihaia argyrata (SKLee & FNWei) SKLee, FNWei & J.Dransf - จีน:กุ้ยโจว ,กวางสี ,กวางตุ้งและเวียดนาม 2 Guihaia grossefibrosa (Gagnep.) J.Dransf., SKLee & FNWei - จีน: กวางตุ้งกวางสีและเวียดนาม 3 Guihaia lancifolia K. W. Luo และ FW Xing -จีน: กวางสี (มีใบไม่มีการแบ่งแยก) (ในหน้านี้แสดง 1 สายพันธุ์)
Guihaia argyrata/ Guilin Dwarf Palm. Pronunciation: gwee-hah-EE-ah-ahrj-ee-RAH-th

-Fairchild Tropical Gardens, Florida. Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -http://www.palmpedia.net/wiki/Guihaia_argyrata ชื่อวิทยาศาสตร์---Guihaia argyrata (S.K.Lee & F.N.Wei) S.K.Lee, F.N.Wei & J.Dransf.(1985) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See all https://www.monaconatureencyclopedia.com/guihaia-argyrata/?lang=en ---Basionym: Trachycarpus argyratus S.K.Lee & F.N.Wei (1982) ชื่อสามัญ---Silver Back Fan Palm, Dainty Lady Palm, Guilin Dwarf Palm. ชื่ออื่น---ปาล์มแคระกุ้ยหลิน (ทั่วไป) ;[CHINESE: Shi shan zong.];[ THAI: Pam khrae kui lin (General).]; ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---TRRSS (Preferred name: Trachycarpus sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย เขตกระจายพันธุ์---จีน เวียตนาม นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสกุล'Guihaia' เป็นหนึ่งในภูมิภาคกุ้ยหลินในกวางสีของจีน ; ชื่อสายพันธุ์ เป็นคำคุณศัพท์ละติน "argyratus, a, um" = สีเงินที่มาจากภาษากรีก "argyrus" โดยมีการอ้างอิงถึง สีด้านล่างของใบไม้ Guihaia argyrata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Shu Kang Lee (1915– )นักพฤกษศาสตร์ชาวจีนและ F.N.Wei (เกิดปี 1941) นักพฤกษศาสตร์ชาวจีน ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย S.K.Lee, F.N.Wei และ John Dransfield (เกิดปี 1945) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ในปี พ.ศ.2528

-Fairchild Tropical Gardens, Florida. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -http://www.palmpedia.net/wiki/Guihaia_argyrata ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน (กวางตุ้ง กวางสี และกุ้ยโจว) และเวียดนามตะวันออกเฉียงเหนือ ในป่าเปิดบนเนินเขาสูงชันและในรอยแยกของหน้าผาหินปูนที่ระดับความสูง 1,000-2,200เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มแตกกอที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคล้ายไม้พุ่ม มีหลายลำต้นแต่จะเห็นเฉพาะตรงกลางส่วนที่เหลือแทบจะมองไม่เห็น ที่ฐานของมันมีหนามชี้ขึ้นด้านบนจำนวนมากในลักษณะหมุนวน ใบไม้เกือบจะออกมาจากพื้นดิน สูง 0.50 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 3-5ซม. ลำต้นปกคลุมด้วยฐานใบถาวรและ เส้นใยใบ สีน้ำตาลเข้ม ตั้งตรงยาวบางและแยกเป็นหนามไม่แข็ง ลำต้นมักจะถูกกาบใบเก่าบดบังอย่างสมบูรณ์ ไม่มี Crownshaft ใบออกปลายยอดแผ่กระจัดกระจาย มีใบประมาณ 15-20 ใบ ใบรูปพัด (costapalmate) ขอบใบจักลึกเกือบถึงสะดือ ก้านใบไม่มีหนาม ยาว 0.9-1.2 เมตร ด้านบนใบสีเขียวมันวาว ด้านล่างสีขาวปนสีบรอนซ์อ่อน ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดก็คือเป็นปาล์มชนิดเดียวที่มีใบมีรูปแบบ reduplicate (รูปตัว A โดยส่วนของส่วนที่มีรูปร่างเหมือนVกลับหัว คุณสมบัตินี้ช่วยให้น้ำไหลออกได้ง่ายขึ้น) ช่อดอกออกจากโคนใบ (interfoliar) ตั้งตรง ยาว 30-80 ซม.แตกแขนงเป็น 4 ช่อย่อย มี 2-5 ช่อ ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ดอกสีเขียวเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 มม ดอกเพศเมียขนาด 0.5 มม.ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้ 6 อันสั้นและเรียวกว่า ผลกลมสีฟ้าจางขนาด 0.4- 0,6 ซม.สุกสีม่วงดำ กินได้ มีเมล็ด1เมล็ด ขนาด 0.4-0.5 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ทนแสงแดดได้เต็มที่แต่ใบจะเป็นสีเหลือง ในแสงกรองหรือร่มเงาบางส่วนใบจะมีสีเขียวเข้มสร้างผลลัพธ์ได้ดีที่สุด ปรับตัวได้กับดินทุกชนิด ทนความร้อนและแห้งแล้ง และทนความหนาวเย็นได้ถึง -7C ถึง -8 C การเจริญเติบโตช้ามาก ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้กระถาง และสวนขนาดเล็ก ระยะออกดอก/ติดผล---เดือนพฤษภาคม-เดือนมิถุนายน/ ผลไม้สุกในช่วงปลายเดือนตุลาคม-เดือนพฤศจิกายน ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก3-4 เดือนหรือมากกว่า
|
สกุล Hedyscepe (hed-ih-SEH-peh) เป็น monotypic genus มี 1 สายพันธุ์ คือ Hedyscepe canterburyana
Hedyscepe canterburyana/ Big Mountain Palm

-Mt. Gower, Lord Howe Island. - Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Hedyscepe_canterburyana ชื่อวิทยาศาสตร์---Hedyscepe canterburyana (C. Moore & F.Muell.) H. Wendl. & Drude.(1875) ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-97875 ---Basionym: Kentia canterburyana C.Moore & F.Muell.(1870). ---Veitchia canterburyana (C.Moore & F.Muell.) H.Wendl. (1872) ชื่อสามัญ---Big Mountain Palm, Umbrella Palm, Canterbury Umbrella Palm ชื่ออื่น--None (Not recorded) ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---HDZCA (Preferred name: Hedyscepe canterburyana.) ถิ่นกำเนิด--- โอเชียเนีย เขตกระจายพันธุ์---หมู่เกาะนอร์ฟอร์ค ออสเตรเลีย Hedyscepe canterburyana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Charles Moore (1820–1905) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรเลียและ Sir Ferdinand Jacob Heinrich von Mueller (1825-1896) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน-ออสเตรเลีย ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Hermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันและCarl Georg Oscar Drude (1852–1933) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2418 ที่อยู่อาศัย เติบโตบนเกาะลอร์ดฮาว หมู่เกาะนอร์ฟอร์ค ออสเตรเลีย ในป่าบนภูเขา หน้าผา และสันเขา ที่ระดับความสูง 400 - 750 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดกลางที่สวยสง่างาม ลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 10 เมตร ลำต้นเป็นสีเขียวอมฟ้าเมื่ออายุน้อยและเติบโตเป็นสีเขียวโดยมีวงรอยแผลเป็นที่เกิดจากใบคล้ายวงแหวนห่างกันอย่างสม่ำเสมอและใกล้ชิดกัน สีเงิน Crownshaft รูปทรงกระบอกสีเขียวอมฟ้าอ่อน ใบรูปขนนก(pinnate) สั้น โค้ง แข็งชี้ขึ้น คล้ายใบของ Howea belmoreana ใบไม้สีเงินปนเขียวน้ำเงิน ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (infrafoliar) ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น(monoecious) ดอกเพศผู้สีงาช้างและดอกเพศเมียสีม่วง ผลรูปไข่ขนาดใหญ่สีแดงเข้มเมื่อสุก 3.8-4.2 ซม.มี 1เมล็ด ขนาด 2.7-3.1ซม ผลใช้เวลานานถึง 4 ปีกว่าจะสุกและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกได้เมื่อเมล็ดสุก ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการตำแหน่งที่ชื้น ดินมีอินทรีย์วัตถุที่อุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี ชอบร่มเงาหรือแดดครึ่งวันเช้า เมื่อต้นยังเล็กหลบแดดเป็นเวลาอย่างน้อยห้าปีแรก ในพื้นที่ชายฝั่งสามารถรับแสงแดดได้เต็มที่ ทนต่อไอเกลือและสภาวะชายฝั่ง ชอบสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นและอบอุ่นในเขตร้อนชื้น อัตราการเจริญเติบโต ช้า ความสูง10 เมตร ใช้เวลา40-50ปี การใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ ใช้งานในภูมิทัศน์ปลูกเดี่ยวหรือจัดกลุ่ม สร้างจุดเด่นในสวน นอกจากนี้ยังทำได้ดีในภาชนะบรรจุหรือเป็นพืชในร่มที่มีแสงสว่าง ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามจากกิจกรรมการตัดไม้และการเพิ่มการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์โดยผิดธรรมชาติ' (เกิดจากมนุษย์) สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE - IUCN. Red List of Threatened Species (1998) ขยายพันธุ์---เมล็ด งอกช้าและไม่แน่นอนโดยต้นกล้าจะปรากฏตั้งแต่ 5-18 เดือนหลังจากการหว่าน
|
สกุล Hemithrinax (heh-mee-TRIH-nahks) เป็นประเภทปาล์มเฉพาะถิ่น ทางตะวันออกคิวบา ประกอบด้วย 3 สายพันธุ์และเป็นหนึ่งในหลากหลาย ก่อนหน้านี้ถูกรวมอยู่ในสกุลThrinax 1 Hemithrinax compacta (Griseb. & H.Wendl.) M.G?mez - Sierra de Nipe ในจังหวัด Holguin 2 Hemithrinax ekmaniana Burret - Las Villas ในจังหวัด Granma 3 Hemithrinax rivularis Le?n - Sierra de Moa ในจังหวัด Holguin -Hemithrinax rivularis var. savannarum (เลออน) O.Mu?iz - Oriente และเซียร์เดอ Moa ใน Holguin Province -Hemithrinax rivularis var. rivularis (ในหน้านี้แสดง 1 สายพันธุ์)
Hemithrinax ekmaniana/ Jamagua palm
-Hemithrinax ekmaniana, Mogotes de Jumagua, Villa Clara, Cuba. -Photo by Duanny Su?rez. -https://www.palmpedia.net/wiki/Hemithrinax_ekmaniana ชื่อวิทยาศาสตร์---Hemithrinax ekmaniana Burret (1929) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See https://www.monaconatureencyclopedia.com/hemithrinax-ekmaniana/?lang=en ---Thrinax ekmaniana (Burret) Borhidi & O.Mu?iz (1985) ชื่อสามัญ---Jamagua palm, Lollipop Palm ชื่ออื่น---[CUBA: Palmita de jumagua.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---HTXSS (Preferred name: Hemithrinax sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---คิวบา นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลมาจากคำนำหน้าภาษากรีก "hemi-" = ครึ่งและจากชื่อของสกุลThrinax ; ชื่อสายพันธุ์ 'ekmaniana'ได้รับการยกย่องจากนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนชื่อ Erik Leonard Ekman (1883-1931) Hemithrinax ekmaniana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Ewald Maximilian Burret (1883–1964) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2472 ที่อยู่อาศัย ต้นปาล์มเฉพาะถิ่นของ Mogotes de Jumagua เกิดขึ้นตามธรรมชาติบนเนินเขาหินปูนเพียงสามแห่งตามแนวชายฝั่งทะเลทางตะวันออกเฉียงเหนือของคิวบาในจังหวัด Villa Clara เปรียบเป็น Jewel of the Cuban Palms ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวสูง 4เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 5 ซม.ลำต้นสีเทา ปกคลุมด้วยใบตายถาวรเป็นเวลานาน ใบรูปพัด(palmate) มีใบหนาแน่นมากจัดกลุ่มเหมือนลูกบอลยักษ์หนามกะทัดรัด ก้านใบสั้นมากยาวไม่เกิน 10 ซม.ใบสีเขียวเข้มด้านบน ด้านล่างสีเทาเงิน ปลายใบมีหนามแหลมคม ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ความยาวเกินใบเล็กน้อยแตกออกที่ปลายยอด มีดอกกะเทย (hermaphrodite) สีขาว ผลกลมสีเหลืองซีดขนาด 0.8 ซม.มีเมล็ด 1 เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---อยู่ในตำแหน่งแสงแดดเต็มวัน เติบโตบนก้อนหินที่มีรูพรุนซึ่งมีสารอินทรีย์น้อยมากจะหยั่งรากลงไปเพื่อหาที่ที่มีความชื้นสูง ปลูกลงดินต้องการดินที่ระบายน้ำได้ดี ทนไอเกลือ อัตราการเจริญเติบโตช้า กว่าจะเห็นลำต้นใช้เวลาประมาณ 6 ปี ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ ในปี 2550 เป็นครั้งแรกที่มีการเก็บเมล็ดพันธุ์จากป่าเข้าสู่การค้าเมล็ดพันธุ์ในเชิงพาณิชย์และไปถึงผู้ปลูกจำนวนมากในพื้นที่ต่าง ๆ ของโลก มีศักยภาพการเป็นไม้ประดับที่มีเอฟเฟ็กต์อันยิ่งใหญ่เนื่องจากมันเป็นปาล์มจิ๋วที่โดดเด่นจึงเหมาะสำหรับสวนที่มีขอบเขตจำกัด อาจตั้งเป็นจุดโฟกัส ในตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพืชที่ปลูกในที่โล่งนอกเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าการเพาะปลูกในการเปิดของสายพันธุ์ อาจจำกัดอยู่เฉพาะที่เท่านั้น ภัยคุกคาม---เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่หายากที่สุดในโลกในป่าปัจจุบัน (2013) ประชากรลดลงเหลือประมาณ100 ต้น สำหรับต้นเจริญพันธุ์ที่เติบโตในพื้นที่ที่ถูกจำกัดบนเกาะใกล้กับเมือง Sagua La Grande ขึ้นบนหินที่มีความลาดชันสูง เรียกว่า "mogotes de Jamagua" ; ในลาสวิลล่าส์มีประชากรอาศัยอยู่เพียงต้นเดียวที่มีอายุมากกว่า100 ปีที่เหลืออยู่ และไม่มีการฟื้นฟู ถูกจัดวางใน IUCN Red List (สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ) ประเภท 'วิกฤตใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง' สถานะการอนุรักษ์---CR- CRITICALLY ENDANGERED - IUCN Red List of Threatened Species (1998) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Howea (how'-eh-ah) เป็นพืชเฉพาะถิ่นของ Lord Howe Island ,ออสเตรเลีย โดยเฉพาะ H. forsteriana ปลูกทั่วไปในฐานะพืชในร่มในซีกโลกเหนือและทั้งสองชนิดเป็นแกนนำของอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ปาล์มของเกาะและที่สำคัญกว่านั้นคือการค้าขายในกล้าไม้งอกใหม่ ต้นปาล์มยังได้รับการปลูกเลี้ยง บนเกาะนอร์ฟอล์กซึ่งผลิตเมล็ดพันธุ์เพื่อการส่งออก (ในหน้านี้แสดง 1 สายพันธุ์) มี 2สายพันธุ์ คือ 1 Howea belmoreana (C. Moore & F.Muell.) Becc. 2 Howea forsteriana Becc.(ดูที่ปาล์ม 6)
Howea belmoreana/ Belmore sentry palm

-Ventura county, California. Photo by Geoff Stein. -In cultivation, at the University of Auckland, New Zealand. Photo by Kahuroa -https://www.palmpedia.net/wiki/Howea_belmoreana ชื่อวิทยาศาสตร์---Howea belmoreana (C. Moore & F.Muell.) Becc.(1877) ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-100447 ---Basionym: Kentia belmoreana C.Moore & F.Muell.(1870) ---Grisebachia belmoreana (C.Moore & F.Muell.) H.Wendl. & Drude (1875) ชื่อสามัญ---Paradise palm, Curly palm, Belmore sentry palm, Belmore palm, Kentia palm ชื่ออื่น---[CHINESE: Bai mo er he wei zong, Gong ye zong.];[FRENCH: Kentia frisé, Howea frisé, Palmier sentinelle.];[GERMAN: Curly-Palme, Bogige Kentiapalme, Lord-Howe-Palme.];[JAPANESE: Hauea berumoreana, Kencha berumoreana.];[RUSSIAN : Khoveia Bel'mora.];[SPANISH: Palmera rizada, Kentia, Palmera centinela.];[SWEDISH: Liten förmakspalm.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---HOWBE (Preferred name: Howea belmoreana.) ถิ่นกำเนิด--- โอเชียเนีย เขตกระจายพันธุ์---เกาะ ลอร์ดฮาว ออสเตรเลีย Howea belmoreana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Charles Moore (1820–1905) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรเลียและ Sir Ferdinand Jacob Heinrich von Mueller (1825-1896) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันออสเตรเลีย ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี ในปี พ.ศ.2420 ที่อยู่อาศัย เป็นพืชเฉพาะถิ่นอยู่ในหมู่เกาะนอร์โฟล์คโดยเฉพาะเกาะลอร์ดฮาว (เกาะลอร์ดฮาวเป็นมรดกโลกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเขตสงวนถาวร) นอกออสเตรเลีย พบในป่าฝนที่เป็นเนินเขาที่ระดับความสูง100-300เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงถึง10-12เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 15ซม. โป่งที่โคน ลำต้นอ่อนสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีเทาตามอายุ รอยแผลเป็นจากแหวนนั้นโดดเด่นยกและเป็นคลื่น ทางใบยาวยาว 2–3 (-5) เมตร คอยอดไม่มี ใบรูปขนนก (pinnate) มีสีเขียวเข้ม มี12-36 ใบ จัดเรียงแบบวีเชป (V shape) ประมาณ45องศา มีใบ recurved อย่างเด่นชัด คือเกือบโค้งกลับไปที่ลำต้นในบางครั้ง ช่อดอกยาว 1–1.8 เมตร ห้อยลง ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (infrafoliar)ช่อดอกไม่มีการแตกกิ่ง ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (monoecious) ดอกเพศผู้สีน้ำตาลอ่อน ดอกเพศเมียสีเขียวขาว ผลรูปไข่รีสีเขียวมะกอก ขนาด 4-5 ซม.เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง เมล็ดใช้เวลา 2 ปีกว่าจะสุกเต็มที่และมีไม่บ่อย ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงที่มีร่มเงาบางส่วนถึงแสงแดดเต็มที่ สามารถเติบโตในสถานการณ์ที่มีแสงน้อยและสามารถทนต่อการละเลย ไม่มีปัญหาเรื่องประเภทของดิน สามารถปรับตัวเข้ากับดินทุกชนิดที่ระบายน้ำดี ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง15 - 18 ° C และที่อุณหภูมิต่ำกว่า 12 ° C ปลายใบจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล อัตราเจริญเติบโต ช้า ศัตรูพืช/โรคพืช---ไวต่อการเน่าและเพลี้ยแป้ง (mealy bug) ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นไม้ประดับและปาล์มที่ปลูกกันทั่วไปในแคลิฟอร์เนีย หายากและไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ความนิยมไม่เท่า H. forsteriana ที่แพร่หลายในฐานะไม้ประดับในร่มที่ทนอยู่ในร่มได้นานมาก ภัยคุกคาม---ใกล้จะมีคุณสมบัติที่มีความเสี่ยงที่จะถูกคุกคามโดยไม่มีมาตรการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่องหรือใกล้สูญพันธุ์และ/หรืออาจมีคุณสมบัติในอนาคตอันใกล้ สถานะการอนุรักษ์---NT-Near Threatened (2012) ได้รับรางวัล---AGM-The Royal Horticultural Society's Award of Garden Merit.(2013) -AGM Plants © RHS – ORNAMENTAL (2017) ระยะออกดอก---พฤศจิกายน - มกราคม ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลานานกว่าจะงอก
|
สกุล Hyophorbe (hy-oh-FOR-beh) เป็นประเภทของปาล์มพื้นเมืองในหมู่เกาะ Mascareneในมหาสมุทรอินเดีย มี 5 สายพันธุ์ มี สองสายพันธุ์ที่สามารถพัฒนาลำต้นบวม และทำให้เป็นที่นิยมในฐานะไม้ประดับ (ในหน้านี้แสดง 1 สายพันธุ์) 1 Hyophorbe amaricaulis Mart -มอริเชียสเหลือ 1 ต้น (Loneliest palm) 2 Hyophorbe indica Gaertn (Palmiste Poison) -เรอูนียง 3 Hyophorbe lagenicaulis (LHBailey) HEMoore (Bottle Palm)ปาล์มแชมเป็ญ (ดูที่ปาล์ม5) -มอริเชียส 4 Hyophorbe vaughanii L.H.Bailey -มอริเชียส 5 Hyophorbe verschaffeltii H.Wendl (Palmiste Marron)ปาล์มสปินเดิ้ล (ดูที่ปาล์ม5)-เกาะรอดริกเวส
Hyophorbe amaricaulis/ Loneliest palm

-Last Known Specimen.Photo-(Société Palmophile Francophone). -https://www.palmpedia.net/wiki/Hyophorbe_amaricaulis ชื่อวิทยาศาสตร์---Hyophorbe amaricaulis Mart.(1849) ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record ---Hyospathe amaricaulis (Mart.) Hook.f. (1884). ---Sublimia aevidaps Comm. ex Mart. (1838), not validly publ. ---Sublimia amaricaulis Comm. ex Mart. (1849), not validly publ. ---Areca speciosa Verschaff. (1861). ชื่อสามัญ---Loneliest palm ชื่ออื่น---None (Not recorded) ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---HFBAM (Preferred name: Hyophorbe amaricaulis.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---มอริเชียส Hyophorbe amaricaulis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794–1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2392 ---เป็นสายพันธุ์สกุลเดียวกัน กับปาล์มแชมเปญและปาล์มสปินเดิล มีการกล่าวกันว่าคล้ายกับพันธุ์สีเขียวของ Hyophorbe indica ซึ่งเป็นพันธุ์ปาล์มอีกชนิดหนึ่งของ Hyophorbe ซึ่งยังไม่พัฒนาลำต้นบวม

-ช่อดอกของ HYOPHORBE AMARICAULIS @ C.BAIDER (Société Palmophile Francophone). -Mauritius. Photo-(Société Palmophile Francophone). -https://www.palmpedia.net/wiki/Hyophorbe_amaricaulis ที่อยู่อาศัย พบในป่าเสื่อมโทรมเขตร้อน ของมอริเชียส [(สาธารณรัฐมอริเชียสเป็นประเทศที่เป็นเกาะอยู่ในมหาสมุทรอินเดียห่างจากชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกาประมาณ 2,000 กิโลเมตร (ทางตะวันออกของมาดากัสการ์).] ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว เติบโตอยู่ในกรง (ตามรูป) สูงประมาณ 12 เมตร ลำต้นค่อนข้างเป็นสีเทามีก้านมงกุฎปกคลุมด้วยแว็กซ์ ใบรูปขนนก ช่อดอกแยกแขนงเป็น3กิ่ง ดอกสีขาวหรือครีม ผลสีแดงคล้ำขนาด 3.8 ซม. อื่นๆ--- ปาล์มต้นนี้ไม่สามารถขยายพันธุ์ตามธรรมชาติได้อีกต่อไป เพราะมันผลิตดอกเพศผู้และดอกเพศเมียในเวลาที่ต่างกัน การขยายพันธุ์ในหลอดทดลอง ได้รับการทดลองในมอริเชียสในปลายปี 1990 / ต้นปี 2000 มันไม่ผ่านขั้นตอน อย่างไรก็ตามความพยายามที่วิทยาลัยไวย์ (ไอร์แลนด์) ในปี 1980 ( Douglas 1987 ) และอีกครั้งที่ Royal Botanic Gardens, Kew (UK) ในปี 2008 ( Sarasan 2010 ); ต้นอ่อนถูกผลิต แต่เสียชีวิตหลังการปลูก แต่ไม่มีการทดลองใหม่เนื่องจากไม่มีการส่งวัสดุไปยังสถาบันต่างประเทศ ตัวเลือกที่ดีที่สุดในการบันทึกสายพันธุ์จากการสูญพันธุ์ดูเหมือนจะอยู่ในการโคลนนิ่ง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ ขาดบุคลากรสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ครบครัน ภายในประเทศ การร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับสถาบันต่างประเทศจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนอย่างยิ่งและดูเหมือนจะเป็นความหวังเดียวของการอยู่รอดสำหรับสายพันธุ์นี้ ( Florens 2015 ) ภัยคุกคาม---เป็นปาล์มที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก มีเหลืออยู่ต้นเดียวและต้นสุดท้ายที่มีอยู่ ได้รับการบันทึกไว้ในสวนพฤกษศาสตร์ Curepipe ดังนั้นมันจึงเป็นสายพันธุ์ที่ถูกคุกคามหนักหนาที่สุด ด้วยเหตุนี้ความเสี่ยงของการสูญพันธุ์สูงมากถูกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต' สถานะการอนุรักษ์---CR- CRITICALLY ENDANGERED - IUCN Red List of Threatened Species (2000) ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด เพาะเนื้อเยื่อ
|
สกุล Hyphaene (high-FEHN-eh) เป็นประเภทของปาล์มพื้นเมือง แอฟริกา มาดากัสการ์ ตะวันออกกลาง และอนุทวีปอินเดีย มี 8 สายพันธุ์ สกุลนี้ รวมถึง Doum ปาล์ม ( H. thebaica ) ที่มีความผิดปกติในหมู่ต้นปาล์ม มีลำต้นที่แตกกิ่งเป็นธรรมชาติ ต้นปาล์มอื่น ๆ ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดเดี่ยวจากพื้นดิน 1 Hyphaene compressa H.Wendl - แอฟริกาตะวันออกจากเอธิโอเปียไปโมซัมบิก 2 Hyphaene coriacea Gaertn - แอฟริกาตะวันออกจากแอฟริกาใต้ มาดากัสการ์; เกาะฮวนเดโนวา (ดูที่ปาล์ม7-ตาลกิ่ง) 3 Hyphaene dichotoma (J.White Dubl. ex Nimmo) ฟูทาโด - อินเดีย, ศรีลังกา 4 Hyphaene guineensis Schumach & ทิน - แอฟริกาตะวันตกและตอนกลางจากไลบีเรียถึงแองโกลา 5 Hyphaene macrosperma H.Wendl - เบนิน 6 Hyphaene petersiana Klotzsch ex Mart - แอฟริกาตอนใต้และตะวันออกจากแอฟริกาใต้ถึงแทนซาเนีย 7 Hyphaene reptans Becc - โซมาเลียเคนยาเยเมน 8 Hyphaene thebaica (L. ) Mart - ตะวันออกเฉียงเหนือ, แอฟริกากลางและตะวันตกจากอียิปต์ถึงโซมาเลียและตะวันตกไปยังเซเนกัลและมอริเตเนีย; ตะวันออกกลาง (ปาเลสไตน์, อิสราเอล, ซาอุดิอาระเบีย, เยเมน) (ดูที่ปาล์ม7-ตาลกิ่ง) (แสดงในหน้านี้ 3 สายพันธุ์)
Hyphaene dichotoma/Hoka Tree
-Fairchild Tropical Botanic Garden, Coral Gables, FL. Photo by Paul Craft. -Florida Institute of technology, Melbourne FL. Photo by Keith-Winter Haven. https://www.palmpedia.net/wiki/Hyphaene_dichotoma ชื่อวิทยาศาสตร์---Hyphaene dichotoma (White) Furtado (1970) ชื่อพ้อง---Has 3 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-101368 ---Borassus dichotomus White (1839) ---Hyphaene indica Becc.(1908) ---Hyphaene taprobanica Furtado (1970). ชื่อสามัญ---Hoka Tree, Indian doum palm, Branching Palm. ชื่ออื่น--;[CHINESE: Jiang bing zong.];[FRENCH:Palmier doum à stipe dichotomique.];[MALAY: Palma doum India.];[GUJARATI; Ravan-maad, Sat-taad.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---HHYDI (Preferred name: Hyphaene dichotoma.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์ ตะวันออกกลาง อินเดีย ศรีลังกา นิรุกติศาสตร์---ชื่อของพืชสกุล 'Hyphaene' มาจากคำภาษากรีก “hyphaino” = เพื่อถักเป็นเส้นใหญ่โดยมีการอ้างอิงถึงการผสมผสานของเส้นใยในเยื่อของผลไม้ Hyphaene dichotoma เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Donald White (เขามีบทบาทมากที่สุดในปี 1892) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Caetano Xavier Furtado (1897–1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวสิงคโปร์ ในปี พ.ศ.2513 ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา มาดากัสการ์ ตะวันออกกลาง และอนุทวีปอินเดีย ขึ้นกระจายไปตามสายน้ำหาดทรายชายฝั่ง พบบน สันทรายและพื้นที่ราบ ของรัฐคุชราต, ดินแดนสหภาพของ Dadra, Diu และ Daman, Goa และ Maharashtra และ บางส่วนของศรีลังกา พบมากใน ดินแดนสหภาพของ Diu และ Daman ระหว่างทาง จาก Diu ถึง Okha และจาก Daman ถึง Khambhat ในปัจจุบันไม่มีบันทึกที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติหรือป่ายังมีเก็บรักษาไว้ในสวนพฤกษศาสตร์อินเดียเมืองกัลกัตตา ลักษณะ เป็นปาล์มแตกกอ ต้นสูง 15-20 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 25-30 ซม.ลำต้นสีดำคล้ำมีรอยแผลเป็นที่เกิดจากใบเก่าหลุดร่วง บางครั้งหุ้มด้วยกาบใบเก่า ลำต้นที่แสดงการแตกกิ่ง 2-3 ครั้ง (สังเกตได้ 2 ครั้งในต้นเพศเมียและ 3ครั้ง ในต้นเพศผู้) ระยะ 90 องศาระหว่างการแตกกิ่งต่อเนื่อง มีใบในมงกุฎ 14-15 (สังเกตได้จากต้นเพศผู้), หรือ 25-30 (ต้นเพศเมีย), สีเขียวมะกอก ใบรูปพัด (Costapalmate) ขอบใบจักลึกมากกว่าครึ่งความยาว. ก้านใบยาว 80 ซม.มีหนามมักมีสีดำชี้ขึ้นด้านบน ดอกแยกเพศอยู่คนละต้น (dioecious) ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) แตกแขนงประมาณ 6 ช่อมีดอกย่อยแตกแขนงประมาณ 6 ดอกจัดเรียงกัน ผลรูปลูกแพร์สีน้ำตาลคล้ำ ขนาด 6-7 x 4-5 ซม มี 1 เมล็ด ขนาด 4 x 3 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่ ดินมีการระบายน้ำดี ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลกินได้และกินในท้องถิ่น -อื่น ๆ ใบไม้ช้สำหรับทำหมวก เสื่อ กระเป๋าและกระเช้า ภัยคุกคาม---เนื่องจาก ถูกคุกคามสูญเสียถิ่นที่อยู่โดยธรรมชาติ การเกิดขึ้นของสายพันธุ์ได้ลดลง ถูกจัดวางใน IUCN Red List ประเภท 'ความเสี่ยง/ ใกล้ถูกคุกคาม' สถานะการอนุรักษ์---NT - Near Threatened - National - IUCN Red List of Threatened Species (2014) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
Hyphaene petersiana/ Vegetable Ivory
 -Northern Namibia. https://www.palmpedia.net/wiki/Hyphaene_petersiana -Photo: https://www.palmpedia.net ชื่อวิทยาศาสตร์---Hyphaene petersiana Klotzsch ex Mart (1845) ชื่อพ้อง---Has 11 Synonyms. See all The Plant List http://www.theplantlist.org/ ชื่อสามัญ--- Vegetable Ivory, Vegetable Ivory Palm, Makalani Palm, African Ivory Nut Palm, African Wine Palm, doum, dum palm, Northern Lala Palm ชื่ออื่น--;[ANKOLA: Omulunga.];[BOTSWANA: Mbare, Mokola.];[FRENCH: Palmier à Ivoire D´afrique.];[MALAWI: Ka koma, Ka puku.];[NAMIBIA: Eembale, Ervare, Hee, Kakoma, Lallo, Murunga, Ndunga, Ngone, Nombare, Oluvale, Omulunga, Omurunga, Ondunga, Oshaale, Oshivale, Tjanni.];[SOUTH AFRICA: Evare, Noordelike lalapalm, Omurungu, Opregte waaierpalm.];[TANZANIA: Hangwe, Ilala, Mlala, Mulala, Thati.];[ZAMBIA: Ka pukupuku, Lu bali.];[ZIMBABWE: Ilala, Kwangali, Murara, Muzira, Ngumba.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---HHYPE (Preferred name: Hyphaene petersiana.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์--คองโก, บุรุนดี, รวันดา, แทนซาเนีย, แองโกลา, แซมเบีย, มาลาวี, โมซัมบิก, นามิเบีย, บอตสวานา, ซิมบับเว, แอฟริกาใต้ นิรุกติศาสตร์---ชื่อของพืชสกุลนี้มาจากคำภาษากรีก“ ὑφαίνω” (hyphaino) = เพื่อถักเป็นเส้นใหญ่โดยมีการอ้างอิงถึงการผสมผสานของเส้นใยในเยื่อของผลไม้ ; ชื่อสายพันธุ์ 'petersiana' เป็นเกียรติแก่นักสำรวจชาวเยอรมันและนักธรรมชาติวิทยา Wilhelm Peters (1815-1883) Hyphaene petersiana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Johann Friedrich Klotzsch (1805-1860) เป็นเภสัชกรและนักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน จากอดีต Carl Friedrich Philipp von Martius (1794-1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ. 2388

-H. Petersiana male flowers, 15 yrs fm 5 gal Palm Springs, Ca. -North-West, Botswana. -https://www.palmpedia.net/wiki/Hyphaene_petersiana -Photo: https://www.palmpedia.net ที่อยู่อาศัย เป็นปาล์มพื้นเมืองมีถิ่นกำเนิดในแอฟริกากลางตอนใต้ ทะเลทรายซาฮารา พบใน ทุ่งหญ้าสะวันนาพื้นที่ ทรายแห้งมักอยู่ห่างจากแม่น้ำ ตามแนวกระแสน้ำ พบได้บ่อยตามชายฝั่ง จากระดับน้ำทะเล ที่ระดับความสูง 1300 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มขนาดใหญ่ที่เป็นสายพันธุ์ที่แปรปรวนมาก ปกติแล้วจะเติบโตบนลำต้นเดี่ยวที่ไม่มีลำต้น บางครั้งมีเหง้าและมีสองลำต้น แต่บางครั้งจะเห็น ฐานลำต้นถูกยกขึ้นบนกลุ่มของราก สูงประมาณ 15-20 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 35-50 ซม ตรงหรือบวมเล็กน้อยยาว1 - 2 เมตร ใต้มงกุฎ ใบ 20-26ใบ รูปพัด (costa palmate) สีเทาเขียว ความยาว 1.5-2 เมตร. กว้างประมาณ 1.3 เมตร. ก้านใบยาว 1-1.5 เมตร ปกคลุมด้วยเกล็ดสีน้ำตาลเล็ก ๆ และคราบแว็กซ์ และมีหนามแข็งเป็นเงี่ยงสีดำอยู่บนขอบ ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) แยกเพศอยู่ต่างต้น(dioecious) ช่อดอกมีลักษณะคล้ายกัน ดอกเพศผู้มีมากถึง 5 ดอกในแต่ละช่อและในระยะต่างกันของการพัฒนา ก้านช่อดอกยาว 30-40 ซม. กว้าง 10 ซม. แต่ละกิ่งมีการสืบพันธุ์ 5 กิ่ง ช่อดอกเพศเมียมีก้านช่อดอกยาว 50 ซม. มี 12 ข่อย่อย ผลมีรูปร่างที่แตกต่างกันมากแม้จะอยู่ในโครงสร้างเดียวกัน รูปไข่ รูปไข่รี หรือกลม ขนาด 5-7 ซม.ผลอ่อนสีเขียว ผลสุกสีน้ำตาลแดงถึงน้ำตาลเข้มมันเงา มีเมล็ด1 เมล็ด ผลิตผลจำนวนมากใช้เวลา 2 ปีถึงจะแก่และร่วง ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม--- เติบโตได้ดีในสภาพอากาศแบบทะเลทราย อย่างน้อยที่สุด ต้องมีภูมิอากาศกึ่งเขตร้อน มีความทนทานต่อความแห้งแล้งอย่างมาก สามารถปรับตัวเข้ากับทุกสภาพดินที่มีการระบายน้ำดี อัตราการเจริญเติบโต ช้า การใช้ประโยชน์---ถูกใช้อย่างกว้างขวางโดยคนในท้องถิ่นเป็นแหล่งอาหารและวัสดุสำหรับทำตะกร้าและสิ่งของอื่น ผลิตภัณฑ์จากต้นไม้มักจะขายในตลาดท้องถิ่น -ใช้กิน ตายอดปรุงสุกกินเป็นผัก เนื้อผลไม้สีเหลืองส้มมีกลิ่นหอมกินได้แต่มีเส้นใยมาก มีการบริโภคดิบหรือหมักและกลั่นเพื่อให้ได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมล็ด - ดิบ เมล็ดงอกกินได้ -ใช้เป็นยา เยื่อจากผลไม้ใช้ในการรักษาอาการปวดท้อง ขจัดหนอนในลำไส้ -อื่น ๆ ใบใช้ทอตะกร้า เส้นใยจากใบไม้ทำเป็นเชือกและใช้ทำสายเครื่องดนตรี -ก้านใบจะใช้สำหรับการก่อสร้างกระท่อม รั้ว- ก้านใบและก้านดอกใช้เป็นเชื้อเพลิงในการปรุงอาหาร -ใบอ่อนและผลใช้เป็นอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูแล้งเมื่อขาดแหล่งอาหารอื่น ๆ และ ยังเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญสำหรับสัตว์โดยเฉพาะลิงบาบูนและช้าง ทำให้เกิดการกระจายของเมล็ด ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่สำคัญต่อ H. petersiana ซึ่งมีช่วงการกระจายที่ใหญ่มากอย่างไรก็ตามสายพันธุ์นี้กำลังเผชิญกับภัยคุกคามในท้องถิ่นในบางประเทศ เช่นแอฟริกาใต้ ซิมบับเวและบอตสวานา ทางตอนใต้ของซิมบับเวมีรายงานว่าต้นปาล์มถูกคุกคามโดยการเก็บเกี่ยวใบสำหรับการทอตะกร้า (Dijkman 1999) อย่างเข้มข้น ในทางตะวันตกเฉียงเหนือของบอตสวานาการหาประโยชน์เชิงพาณิชย์ของใบไม้เพื่อสานตะกร้าเห็นได้ชัดว่าทำลายต้นปาล์มย่อยในพื้นที่รอบหมู่บ้านหลายแห่งในช่วงปี 1970 และ 1980 (Cunningham and Milton 1987) ตาม Kgathiและคณะ (2005) ต้นปาล์มเหล่านี้หายากกว่าที่เคยเป็นในยุค 80 เนื่องจากไม่มีมาตรการป้องกันปาล์มประชากรย่อยจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง ถูกจัดวางใน IUCN Red List ประเภท 'กังวลน้อยที่สุด' สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2017) ขยายพันธุ์---เมล็ด เปอร์เซ็นต์ของการงอกมักจะต่ำ เมล็ดจะงอกหลังจาก 4 เดือนไปแล้ว
|
Hyphaene reptans/ au daroro

-Photo Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew / Palmweb -https://www.palmpedia.net/wiki/Hyphaene_reptans ชื่อวิทยาศาสตร์---Hyphaene reptans Becc.(1986) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.com/tpl/record/kew-101425 ---Hyphaene migiurtina Chiov.(1929) ชื่อสามัญ---None (Not recorded) ชื่ออื่น---;[SOMALIA: Adu, Au daroro, Doum.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---HHYSS (Preferred name: Hyphaene sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---โซมาเลีย เยเมน เคนยา Hyphaene reptans เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยOdoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี ในปี พ.ศ.2529 ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดใน เคนยา โซมาเลีย เยเมน และมีรายงานยืนยันว่ามีอยู่ใน อาระเบีย ปาล์มนี้เติบโตในสภาพที่แห้งแล้งอย่างรุนแรง ในสภาพทะเลทรายและเกี่ยวข้องกับชั้นน้ำที่เกาะอยู่ ลักษณะ ลำต้นแบน มีแนวโน้มที่จะนอนอยู่บนพื้นดิน เป็นลักษณะนิสัยเหมือนการเลื้อย กิ่งก้านแผ่ออกไปจากจุดศูนย์กลางเท่าๆกัน ก้านใบมีหนามสีดำชี้ขึ้นสูง ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious)เห็นได้ชัดว่ามันแตกต่างจาก Hyphaene อื่น ๆ ทั้งหมด**นี่เป็นแท็กซอนศึกษาที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเกือบเท่าจากคำอธิบายดั้งเดิม (เปรียบเทียบ Beccari, 1908) เนื้อหาเพิ่มเติมมีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจเกี่ยวกับแท็กซอนนี้ แก้ไขโดย edric** https://www.palmpedia.net/wiki/Hyphaene_reptans ไม่มีการรายงานข้อมูล เกี่ยวกับความสำคัญทางเศรษฐกิจโดยทั่วไปแล้วมันยังคงเป็นปาล์มที่รู้จักกันได้ไม่ดีซึ่งต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม ภัยคุกคาม---Hyphaene reptansเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักซึ่งรายงานจากเคนยา โซมาเลีย และคาบสมุทรอาหรับ ไม่ทราบขอบเขตโดยรวมของการเกิดขึ้น (EOO) จำเป็นต้องมีการสำรวจเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบถึงการกระจายตัวแนวโน้มประชากรในปัจจุบันและภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากการกระจายทางภูมิศาสตร์ ภารกิจภาคสนามทางตอนเหนือของเคนยาในปี 2018 (เขตทะเลสาบ Turkana) จะมุ่งเน้นไปที่การกำหนดลักษณะของประชากรย่อยของสายพันธุ์นี้ (F. Stauffer pers. comm. 2017) ขณะนี้สายพันธุ์นี้ได้รับการประเมินว่าไม่มีข้อมูล สถานะการอนุรักษ์---DD -Data Deficient-IUCN Red List of Threatened Species (2017) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Iriartea (ihr-ee-ahr-TEH-ah) เป็นสกุลปาล์มพื้นเมือง อเมริกากลางและอเมริกาใต้ สายพันธุ์ที่รู้จักกันดี- และอาจเป็นเพียงสายพันธุ์เดียว - คือ Iriartea deltoidea เกือบทุกชนิดที่ครั้งหนึ่งวางอยู่ในIriarteaขณะนี้ได้ย้ายไปที่อื่นหรือวางไว้ในคำพ้องกับ I. deltoidea นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลยกย่องผู้มีอุปการคุณในการเรียนรู้ภาษาสเปนแห่งศตวรรษที่ 18 เบอร์นาร์โดเดอยาเรียต [( Bernardo de Yriarte. (1735–1814).]นักการเมืองและนักการทูตชาวสเปน
Iriartea deltoidea/Copa Palm

-Floribunda Palms, Hawaii, photo by BGL. -Reserva Ecológica Catarata Río Fortuna, Costa Rica. Photo by Christian Defferrard. -https://www.palmpedia.net/wiki/Iriartea_deltoidea ชื่อวิทยาศาสตร์---Iriartea deltoidea Ruiz & Pav.(1798). ชื่อพ้อง---Has 11 synonyms. ---Deckeria corneto H.Karst.(1857) ---Deckeria phaeocarpa (Mart.) H.Karst.(1857) ---Iriartea megalocarpa Burret.(1930) ---More.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-102648 ชื่อสามัญ--Bombona Palm, Stilt Palm, Copa Palm, Barrigona Palm ชื่ออื่น---; [PANAMA: Huacrapona, Pico de negro, Pico de chombo, Pene de chombo, Palmito dulce, Corneto.];[PORTUGUESE: Palmeira-barriguda, Paxiubão, Paxiúba, Paxiúba-barriguda.];[SWEDISH: Stöttpalm.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---IRTDE (Preferred name: Iriartea deltoidea.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---โบลิเวีย, บราซิล, โคลัมเบีย, คอสตาริกา, เอกวาดอร์, นิการากัว, ปานามา, เปรู, เวเนซุเอลา นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลยกย่องผู้มีอุปการะคุณในการเรียนรู้ภาษาสเปนแห่งศตวรรษที่ 18 Bernardo de Yriarte (1735–1814)นักการเมืองและนักการทูตชาวสเปน ; ชื่อสปีซี่ส์ 'deltoidea ' หมายถึงรูปสามเหลี่ยมหรือสามเหลี่ยมเดลต้า อ้างอิงถึงรูปร่างของใบ Iriartea deltoidea เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Hipólito Ruiz López (1754–1815) นักพฤกษศาสตร์ชาวสเปน และ José Antonio Pavón (1754–1844) นักพฤกษศาสตร์ชาวสเปน ในปี พ.ศ.2341

-Arenal Hanging Bridges, Costa Rica. Photo by Christian Defferrard. -Ecuador. Photo by: RuB (Ruddy BENEZET). -https://www.palmpedia.net/wiki/Iriartea_deltoidea ที่อยู่อาศัย พบในป่าดงดิบตามลำธารและเนินเขา ในอเมริกากลางถึงเอกวาดอร์ ตะวันตกจากเทือกเขาแอนดีส และในภูมิภาค อเมซอน ตั้งแต่เวเนซุเอลา ถึงโบลิเวีย เป็นปาล์มพื้นเมืองที่พบมากที่สุดในเอกวาดอร์เกิดขึ้นในทุกจังหวัดที่มีพื้นที่ราบลุ่ม ที่ระดับความสูง 150 - 1,300 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงถึง 10-25 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 10-30 ซม. มักจะบวมตรงกลาง ลำต้นมีสีเทาเรียบและบางครั้งก็มี epiphytes (bromeliads, กล้วยไม้, เฟิร์น) โคนต้นมีรากพิเศษเหมือนเสาสูง1-2 เมตร ค้ำพยุงรอบต้น ใบรูปขนนก (pinnate) เป็นพวง ใบยาว 3-5 เมตร มีใบย่อยมากมายจัดอย่างประณีตในสี่ระนาบ ใบมีสีเขียวทั้งสองด้าน มีการผลิตใบใหม่ในแต่ละเดือน ช่อดอกออกใต้ใบใกล้ คอยอด (infrafoliar) เป็นสีเหลืองหรือสีครีมออกมาจากกาบสีเขียวขนาดใหญ่ ช่อดอกตูมสีเขียว ยาวโค้งลงคล้ายเขาวัว ยาวประมาณ1-3 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ก้านช่อดอกมีความยาว 15 ถึง 25 ซม. โค้งและมีช่อประดับ 8 ถึง 15 อันเรียงเวียน ดอกไม้โดดเดี่ยวหรือจับคู่ ดอกเพศเมีย สีขาว เรียงเป็นวงเป็นเกลียวสามกิ่ง ดอกเพศผู้มีความยาว 5.5 ถึง 6.0 มม. เกสรตัวผู้มี 10 ถึง 17 อัน ผลกลมสีเขียว ผลสุกสีดำหม่น ขนาด 3 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เป็นปาล์มที่เติบโตตามธรรมชาติในป่า ต้องการตำแหน่งที่อบอุ่นร่มรื่นและชื้น ใช้ประโยชน์---มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของชาวพื้นเมืองเป็นแผล่งอาหารและวัสดุ --ใช้กิน ผลกินได้ ตายอดที่เรียกว่า 'หัวใจปาล์ม' กินได้ แต่ไม่อร่อย ปรุงสุกและกินเป็นผัก การกินตานี้จะทำให้ต้นไม้ตายในที่สุดเพราะมันไม่สามารถแยกกิ่ง (ตาข้าง)ได้ เถ้าที่ได้จากดอกไม้ใช้แทนเกลือ -อื่น ๆ เป็นไม้ที่ดีที่สุดสำหรับปูพื้น ลำต้นที่หนาและหนักจะถูกแยกเปิดและไส้กลางในลำต้นจะถูกเอาออกทำให้ลำต้นด้านนอกแข็งและทนทาน มักจะขายหรือแลกเปลี่ยนในหมู่คนในท้องถิ่น ลำต้นที่บวมถูกใช้เป็นโลงศพและทำเรือแคนูซี่งเรือแคนูมีอายุการใช้งานประมาณ2-3 เดือน ซึ่งเป็นความต้องการใช้แบบชั่วคราว ใบใช้สำหรับมุงและเครื่องจักสาน ผลเป็นอาหารของสัตว์ ลิง หมูและหนู ภัยคุกคาม--เนื่องจากพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กว้างขวาง ประชากรจึงมีขนาดใหญ่และมีเสถียรภาพ ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วงจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species.(2013) ระยะออกดอก/ติดผล---ผลิตช่อดอกเดือนละครั้ง/ผลสุก ตุลาคม-เมษายน ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Itaya (ih-TAH-yah) เป็น Monotypic genus มีเพียง 1 สายพันธุ์ คือ Itaya amicorum สายพันธุ์นี้ถูกรวบรวมครั้งแรกในปี 1972 ตามแม่น้ำ Rio Itaya ในเปรู
Itaya amicorum/ Easter Palm

-In habitat. Photo by Dr. Andrew J. Henderson/Palmweb. -Fairchild Tropical Botanic Garden, Florida. Photo by Dr. Carl E. Lewis/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Itaya_amicorum ชื่อวิทยาศาสตร์---Itaya amicorum H.E.Moore (1972) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.plantlist.org/tpl/record/kew-103167 ชื่อสามัญ---Easter Palm (Trade name), Mirana, Xila ชื่ออื่น---; [SPANISH: Bombonaje, Falso bombonaje, Sacha bombonaje.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---บราซิล โคลัมเบีย เปรู เอควาดอร์ นิรุกติศาสตร์--- ชื่อสกุลตั้งชื่อตามแม่น้ำItayaในเปรู ที่ค้นพบปาล์ม ชื่อสายพันธุ์ มาจากภาษาละติน 'amicorum' หมายถึง 'เพื่อน' อ้างอิงถึงจิตวิญญาณที่แฮโรลด์อี. มัวร์และเพื่อนร่วมงานของเขาที่ค้นพบในเปรู Itaya amicorum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Harold Emery Moore (1917–1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2515

-Fairchild Tropical Botanic Garden, Florida. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -Nong Nooch Botanical Gardens, Pattaya Thailand. Photo by Paul Craft. -https://www.palmpedia.net/wiki/Itaya_amicorum ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในป่าดงดิบที่ราบลุ่มใน อเมซอน(Amazonas) ทางตะวันตก ในโคลอมเบีย เปรู (Loreto)และพื้นที่ใกล้เคียงของบราซิล ที่ระดับความสูงไม่เกิน 300 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวสูงได้ถึง3- 4 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 9 - 10 ซม. ก้านใบบาง ยาวประมาณ 4 เมตร ใบรูปพัด (palmate)มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เมตร ด้านบนใบมีสีเขียวและมีสีเทาเงินด้านล่างใบ แบ่งออกเป็น เซ็กเมนต์กว้างมาก 10 ถึง 16 ส่วน มันเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ Chelyocarpus ซึ่งมีคุณสมบัติทางพฤกษศาสตร์ที่ค่อนข้างไม่ได้กำหนด ดอกมีสองเพศทั้งเพศผู้และเพศเมียในดอกเดียวกัน (hermaphrodite) ดอกสีขาว ผลสีเขียวอมเหลืองและมีขนาดยาวประมาณ 2-2.5 ซม. และกว้าง 1.5-2 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ตำแหน่งที่แสงแดดเเต็มถึงเงาบางส่วน ดินที่ชื้นอย่างสม่ำเสมอ ในการเพาะปลูกมักไม่ค่อยเห็น ใช้ประโยชน์---พืชถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นเป็นแหล่งเกลือและวัสดุ -ใช้กิน ผลไม้บริโภคผลสุกเป็นบางครั้ง ลำต้นหลังจากการเผาไหม้ขี้เถ้าที่ได้ใช้แทนเกลือสำหรับปรุงอาหาร -ใช้ปลูกประดับ เหมาะที่สุดสำหรับสวนเขตร้อนที่ต้องการจุดที่กำบังและได้รับการปกป้องอย่างดีจากลมที่พัดแรง -อื่น ๆ มีการใช้ใบเพื่อมุงหลังคาชั่วคราว สารสกัดจากพืชกรองใช้สำหรับการเตรียม Ambil (ยาสูบเข้มข้น) ภัยคุกคาม--พืชชนิดนี้เคยถูกพิจารณาว่าเป็น 'ใกล้สูญพันธุ์' แต่การค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ได้ขยายขอบเขตออกไปบ้าง ปัจจุบันใน IUCN Red List จำแนกเป็นประเภท 'ขาดข้อมูล' DD -Data Deficient-IUCN Red List of Threatened Species (2011) แต่หลังจากนั้นพบว่า เนื่องจากพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กว้างขวาง ประชากรจึงมีขนาดใหญ่และมีเสถียรภาพ ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วงจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species.(2013) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Juania (wahn-EE-ah) เป็น Monotypic genus มีเพียง 1 สายพันธุ์ คือ Juania australis หรือที่เรียกกันว่า Chonta palm เป็นพืชเฉพาะถิ่น ของ Juan Fernández Islands archipelago หมู่เกาะในทิศตะวันออกเฉียงใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกของประเทศชิลี
Juania australis/ Chonta Palm

-Jardin Botanico Nacional, Vina del Mar, Juan Fernandez Islands, in the Pacific Ocean, off the coast of Chile. -Juania australis "Palma Chonta" en Valparaíso Province, Concón, Chile. Photo by Oscar Fernández C -https://www.palmpedia.net/wiki/Juania_australis ชื่อวิทยาศาสตร์---Juania australis (Mart.) Drude ex Hook.f.(1884) ชื่อพ้อง---Has 3 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-105168 ---Basionym: Ceroxylon australe Mart.(1849) ---Morenia chonta Phil.(1856) ---Nunnezharia chonta (Phil.) Kuntze.(1891) ชื่อสามัญ--- Chile chonta, Chonta palm ชื่ออื่น---; [CHINESE: Huang zong.];[Common Synonymy: Robinson Crusoe Wax Palm] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---JUAAU (Preferred name: Juania australis.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เกาะ Juan Fernández ชิลี นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Juania' อ้างอิงถึงเกาะ Juan Fernandez ซึ่งเป็นสถานที่กำเนิด ; ชื่อสายพันธุ์จากภาษาละติน 'australis' หมายถึง "ภาคใต้" Juania australis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยCarl Friedrich Philipp von Martiusในชื่อCeroxylon australeในปีพ. ศ. 2392 ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ในสกุลJuaniaและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Carl Georg Oscar Drudeจากอดีต Joseph Dalton Hooker ในปี พ.ศ.2427
 -Jardin Botanico Nacional, Vina del Mar, Chile. Photo by jamesuc. -Golden Gate Park, San Fransisco, CA. Photo by Kyle Wicomb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Juania_australis ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเกาะ Juan Fernández (Island Robinson Crusoe)ในมหาสมุทรแปซิฟิกนอกชายฝั่งชิลี เกิดขึ้นบนเนินเขาสูงชันและหุบเหวในป่าฝนที่ระดับความสูง 200-900 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มขนนกขนาดใหญ่สูงถึง 10 - 15 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 25 - 30 ซม ลำต้นสีเขียวและวงแหวนสีเทาใบรูปขนนก มี14-20 ใบ ใบรูปขนนก (pinnate)ยาว 3-5 เมตร ใบย่อยแข็งมีสีเขียวมันวาวด้านบนและด้านล่างเป็นสีเทา โคนใบที่แออัดแตกลึกตรงข้ามก้านใบมีการทับซ้อนกันอย่างหลวม ๆ ไม่ก่อให้เกิดกระจังหน้าและเหมือนก้านใบถูกปกคลุมด้วยสีเทาสีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลสนิม ดอกแยกเพศแยกต้นเป็นต้นเพศผู้และต้นเพศเมีย(Dioecious) ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ดอกไม้เพศผู้สีขาวเหลืองมีกลิ่นหอมมาก ดอกเพศเมียสีขาวไม่มีกลิ่นหอม ผลรูปทรงกลมสีส้มสดใส ขนาด1.6-1.8 ซม. มีเมล็ดรูปไข่รีสีน้ำตาล 1 เมล็ด ขนาด 12 x 10 มม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เป็นการยากที่จะปลูกต้นปาล์มชนิดนี้เนื่องจากต้องมีเงื่อนไขที่พบได้ในป่าเท่านั้น เพื่อการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตที่ดี ต้องจัดเตรียมสภาพที่เหมาะสำหรับปาล์มนั่นคือสภาพเหมือนที่เกาะนั่นคืออุณหภูมิปานกลางความชื้นสูงการรดน้ำบ่อยและลม รวมทั้งหมดนี้ไว้ในสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนกึ่งแห้งแล้ง ปาล์มชนิดนี้จะทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -6 ° C อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องยากมากและมีนิสัยที่น่ารำคาญในการตายโดยธรรมชาติในการเพาะปลูกแม้ว่าดูเหมือนว่าจะปรับตัวได้มากที่สุด อาจเป็นเพราะมันไม่ได้เติบโตในสภาพเดียวกันกับต้นปาล์มอื่นๆในถิ่นที่อยู่ของมันเอง และมีบางสิ่งที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับความต้องการของปาล์มนี้ ใช้ประโยชน์---เป็นปาล์มที่หายากใกล้สูญพันธุ์เนื่องจากการทำลายที่อยู่อาศัย การส่งออกเมล็ดพันธุ์จากเกาะ Juan Fernandez ถูกห้ามโดยรัฐบาลชิลีและมีพืชที่โตเต็มที่เพียงต้นเดียวนอกเกาะ ซึ่งหมายความว่าเมล็ดนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้มา จำนวนที่เหลือมีชีวิตเติบโตอยู่ในที่ต่างๆที่เกิดจากการเพาะปลูกดังนี้ -ในสวนพฤกษศาสตร์ซานฟรานซิสโกมีเหลืออยู่เพียงต้นเดียวหลังจากที่หลายต้นตาย เป็นการตายโดยไม่ทราบสาเหตุ -มี 5 ต้น เป็นกลุ่มที่ Lakeside Palmetum ในโอ๊คแลนด์แคลิฟอร์เนีย -มี1ต้นขนาดใหญ่ที่ Earlscliffe ในดับลินไอร์แลนด์ -มีต้นเพศผู้ในนิวซีแลนด์ที่ออกดอกเป็นครั้งแรกในปี 2009 -ในคอร์นวอลล์สหราชอาณาจักรมีต้นขนาดใหญ่ 2 ต้นที่ Tremenheere Juania australisหายากมากในการเพาะปลูกและถือเป็นต้นปาล์มที่ต้องการมากที่สุดของนักสะสมปาล์ม ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามจากการทำลายที่อยู่อาศัยกิจกรรมการตัดไม้และการเพิ่มการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง หมู่เกาะ Juan Fernandez ถูกกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติและเขตสงวนชีวมณฑลซึ่ง CONAF ดำเนินงานเพื่ออนุรักษ์พืชเฉพาะถิ่น รัฐบาลชิลีสั่งห้ามการส่งออกเมล็ดพันธุ์ออกจากเกาะ ถูกจัดอยู่ใน IUCN Red List ประเภท ' มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์โดยผิดธรรมชาติ' (เกิดจากมนุษย์) สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE - IUCN. Red List of Threatened Species.(1998) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Jubaea (yoo-BEH-ah) เป็น Monotypic genus มี 1 สายพันธุ์ คือ Jubaea chilensis หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "Chilean wine palm" หรือ "Chile cocopalm" ชื่อสกุล Jubaea ได้รับการตั้งชื่อตามกษัตริย์ยุคโรมัน Juba II ซึ่งปกครองอาณาจักรโบราณชื่อ Mauretania ในแอฟริกาเหนือตั้งแต่ประมาณ 25 ปีก่อนคริสตกาลถึง 23 AD เป็นนักธรรมชาติวิทยาที่มีการศึกษาดีและเป็นลูกเขยของ Antony และ Cleopatra ชื่อ Juba ยังใช้เป็นชื่อของสายพันธุ์ Euphorbia (E. regisjubae) และเป็นชื่อเมืองJubaในซูดาน แอฟริกา
Jubaea chilensis/Chilean Wine Palm

-Huntington Botanical Gardens, CA. Photo by Kyle Wicomb. -Lotusland, California. -https://www.palmpedia.net/wiki/Jubaea_chilensis ชื่อวิทยาศาสตร์---Jubaea chilensis (Molina) Baill.(1895) ชื่อพ้อง---Has 6 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-105170 ---Basionym: Palma chilensis Molina.(1808) ---Cocos chilensis (Molina) Molina.(1815) ---Cocos chilensis (Molina) Kunth.(1815) ---Jubaea spectabilis Kunth.(1816) ---Micrococos chilensis (Molina) Phil.(1859) ---Molinaea micrococos Bertero.(1829) [Illegitimate] ชื่อสามัญ---Chilean Wine Palm, Chilean coco palm, Chile cocopalm, Coquito palm, Little cokernut, Honey palm, Syrup palm ชื่ออื่น---[CHINESE: Zhi li mi zong, Zhi li zong.];[DUTCH: Honingpalm.];[FRENCH: Cocotier du Chili, Palmier du Chili, Palmier coquito.];[GERMAN: Honigpalme, Mähnenpalme, Chilenische Honigpalme, Coquitopalme.];[ITALIAN: Jubea, Piede di elefante.];[JAPANESE: Chirisake yashi.];[PORTUGUESE: Palmeira-do-chile, Palmeira-do-mel.];[RUSSIAN: Vinnaya pal'ma, Slonovaya pal'ma, Yubeya velichavaya.];[SPANISH: Palma chilena, Coco de Chile, Coquito de miel, Palmera coquito, Palmera de Chile, Palmera de la miel, Palmera del vino.];[SWEDISH: Honungspalm, Chilensk vinpalm, Väderkvarnspalm.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---IUBCH (Preferred name: Jubaea chilensis.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---ชิลี นิรุกติศาสตร์---ชื่อเฉพาะสายพันธุ์ 'chilensis' จากภาษาละติน หมายถึง ประเทศต้นกำเนิดตามธรรมชาติ Jubaea chilensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Juan Ignacio Molina (1740–1829) นักธรรมชาติวิทยาชาวสเปน - ชิลี และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยHenri Ernest Baillon (1827–1895) นักพฤกษศาสตร์และแพทย์ชาวฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2438

-Mission Bay Park, San Diego. Photo by Ken. -Royal Tasmanian Botanical Gardens, Hobart, Tasmania. -https://www.palmpedia.net/wiki/Jubaea_chilensis ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดจากชิลี (Coquimbo, Maule, O'Higgins, Valparaíso) เกิดขึ้นที่ระดับต่ำระหว่างหุบเขาและแม่น้ำ หรือเนินเขาที่เปิดอยู่ ในภูมิภาคที่แห้งแล้งตามฤดูกาล ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 0-1,400 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวสูงได้ถึง 25-30 เมตร จุดเด่นของมันคือลำต้นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 1เมตร หรือมากกว่าอาจถึง1.3 เมตรในส่วนที่กว้างที่สุดของต้น ไม่มี Crownshaft ใบรูปขนนก (pinnate) สีเขียวเข้มหรือเทาฟ้า ยาว 3-5 เมตร ก้านใบไม่มีหนาม ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียแยกกันเป็นช่อแต่อยู่บนต้นเดียวกัน(monoecious)ซึ่งหมายความว่าต้นไม้ต้นหนึ่งมีทั้งดอกเพศผู้และเพศเมียและสามารถสร้างเมล็ดที่อุดมสมบูรณ์ได้โดยไม่ต้องอาศัยต้นไม้อื่นในบริเวณใกล้เคียง ดอกออกเป็นช่อขนาดใหญ่ที่ยาวและแตกแขนงซึ่งเกิดระหว่างกาบของใบล่าง (interfoliar) ยาว1.2 เมตร ดอกออกเป็นกลุ่ม ๆ มีดอกขนาดเล็กสีม่วงจำนวนมาก ผลทรงกลมสีเหลืองหรือสีน้ำตาลเมื่อสุก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 5 ซม.มี 1เมล็ดกลม ขนาด 2.5 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่ (ร้อนและแห้ง) ชอบดินที่ลึกและอุดมสมบูรณ์ด้วยอินทรียวัตถุที่ระบายน้ำได้ดี ทนต่อดินส่วนใหญ่ได้ดีมากและทำได้ดีในดินเหนียวหนัก น้ำปานกลาง ภูมิอากาศแบบเมอร์ดิเตอเรเนียน ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -15 ° C นี่คือหนึ่งใน 20 อันดับต้น ๆ ของปาล์มที่ทนความหนาวเย็นได้และเป็นพันธุ์ที่ทนต่อความเย็นได้มากที่สุดในบรรดาปาล์ม pinnate ทั้งหมด เงื่อนไขอย่างหนึ่งของปาล์มชนิดนี้คือไม่ชอบคือภูมิอากาศร้อนและชื้นซึ่งปาล์มส่วนใหญ่ชอบกัน อัตราการเจริญเติบโต ช้ามาก ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองทศวรรษเพื่อให้ได้พืชที่แสดงลำต้น อายุยืนยาว100-150 ปี การใช้ประโยชน์---ใช้กิน เนื้อผลกินได้ ถั่วที่เรียกว่าโคค็อส ("มะพร้าวน้อย") coquitos ("little coconuts")ในภาษาสเปนก็กินได้ หลังจากแตกเปลือกแข็งออก เนื้อสัมผัสและรสชาติคล้ายกับมะพร้าว เมล็ด มี 'ตา' ถึงสามอันซึ่งรากจะออกมาเมื่องอก น้ำนมจากปาล์มไวน์ของชิลีสามารถนำไปหมักเป็นไวน์ปาล์มที่เป็นที่นิยมกันทั่วไป ในปัจจุบันเน้นไปที่น้ำเชื่อมหวาน (น้ำผึ้งปาล์ม) สำหรับทำอาหาร เพื่อที่จะได้น้ำนมลำต้นจะถูกโค่นและตัดมงกุฎจากยอดของลำต้น จากนั้นน้ำนมจะระบายออกมาเป็นเวลานานหลายเดือนบางครั้งให้ผลผลิตมากกว่า 300 ลิตร -ใช้ปลูกประดับ เป็นหนึ่งในปาล์มภูมิทัศน์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการเพาะปลูก เป็นปาล์มที่ได้รับความนิยมทั่วโลกเป็นพืชเก่าแก่สามารถพบได้ในหลาย ๆ ทวีป ได้รับการปลูกเลี้ยงอย่างกว้างขวางในเขตอบอุ่นของโลกในฐานะไม้ประดับที่งดงาม น่าจะเป็นเพราะ ความง่ายในการเติบโตและมีความแข็งแกร่งที่น่าประทับใจเมื่อเผชิญกับความหนาวเย็นสามารถพบได้ในแถบยุโรป ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และแม้แต่แคนาดา (ราคาที่ซื้อขายสำหรับต้นไม้ที่แสดงลำต้น $ 4,000- $ 30,000) -อื่น ๆ ใบใช้ในการทำตะกร้า ภัยคุกคาม---เป็นปาล์มพื้นเมืองเพียงแห่งเดียวของชิลี มีการกระจายพันธุ์แบบแคบในหุบเขาใกล้ทะเล โดยการกระจายของมันถูกแยกส่วนอย่างมากตามการกระทำของมนุษย์ เนื่องจากต้นไม้ถูกตัดเพื่อดึงน้ำนมในอดีต แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามนี้จะถูกควบคุมแล้ว ในปัจจุบันภัยคุกคามมีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้น ความเสี่ยงจากไฟไหม้ที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของเมือง สายพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน และการสกัดเมล็ดพืชเพื่อการบริโภคของมนุษย์ เนื่องจากบริบททั้งหมดนี้ สปีชีส์นี้จึงถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์' (EN) 'มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์ในป่า' (ความเสี่ยงสูงมากต่อการสูญพันธุ์ในธรรมชาติในอนาคต) ภายใต้เกณฑ์ A2c ปัจจุบันมีประชากรเต็มวัยประมาณ 120,000 คาดว่าขนาดประชากรลดลง 50% ในช่วงสามชั่วอายุคนที่ผ่านมา (300 ปี) อันเนื่องมาจากการลดลงของพื้นที่การครอบครอง สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species.(2021) การอนุรักษ์---ความพยายามในการรักษา Jubaea chilensis จะต้องมุ่งเน้นไปที่การควบคุมภัยคุกคามและอนุรักษ์ประชากรย่อยที่เหลืออยู่ ระยะออกดอก/ติดผล---เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม/ผลสุก เดือนมกราคมเป็นต้นไป ขยายพันธุ์---เมล็ด (เมล็ดสดดีที่สุด) งอกช้าใช้เวลาในการงอก 6-16 เดือน
|
สกุล Lemurophoenix (leh-moor-oh-FEE-niks) เป็น Monotypic genus มีเพียง 1 สายพันธุ์ คือ Lemurophoenix halleuxii พบในมาดากัสการ์เท่านั้น มันถูกคุกคามจากการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย การเก็บสะสมมากเกินไปและการเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อการค้าพืชสวนระหว่างประเทศ คาดว่าจะมีต้นไม้ที่โตเต็มที่ประมาณ 300 ต้นในพื้นที่ที่เป็นที่รู้จักสามแห่งซึ่งเกิดขึ้นในบริเวณอ่าว Antongil คาบสมุทร Masoala และ Mananara Avaratraและจำนวนประชากรกำลังลดลง
Lemurophoenix halleuxii/ Red Lemur Palm

-Suchin Marcus for scale at Floribunda Palms. -Photo: Jeff Marcus - Floribunda Palms. -https://www.palmpedia.net/wiki/Lemurophoenix_halleuxii ชื่อวิทยาศาสตร์---Lemurophoenix halleuxii J.Dransf.(1991) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-109360 ชื่อสามัญ---Hovitra vari mena, Red Lemur Palm ชื่ออื่น---; [CHINESE: Hú hóu kuí, Hóngyè lǎn hóu kuí.];[MALAGASY: Hovitra vari mena.];[SPANISH: Palma roja lémur.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---LMXHA (Preferred name: Lemurophoenix halleuxii.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์ นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Lemurophoenix มาจากคำภาษากรีกสองคำ: lemur = " lemur " และ phoenix = "ชื่อทั่วไปของต้นปาล์ม" ; ชื่อสายพันธุ์ 'halleuxii' ; ตามชื่อภาษาท้องถิ่นในภาษามาลากาซีคือ hovitra vari mena = Red Lemur Palm Lemurophoenix halleuxii เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย John Dransfield (เกิดปี 1945) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ในปี พ.ศ.2534

-Stan Walkley's Garden, Queensland, Australia. -Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -Photo: Jeff Marcus - Floribunda Palms -https://www.palmpedia.net/wiki/Lemurophoenix_halleuxii ที่อยู่อาศัย เป็นพืชเฉพาะถิ่น เกิดขึ้นในหุบเขาป่าดงดิบที่สูงชันต่ำกว่าความยาวแนวสันเขา ที่ทอดยาวไปทางทิศตะวันออกจากหมู่บ้านของ Sahavary ของมาดากัสการ์ที่ระดับความสูง 200-450 เมตร จากระดับน้ำทะเล ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดใหญ่ สูงประมาณ 20 เมตรโดยที่ฐานเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1เมตรและเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นที่สูงขึ้นไปประมาณ 50 ซม. สีน้ำตาลอ่อน มีร่องรอยวงแผลเป็นที่เกิดจากใบระยะห่าง10ซม. มงกุฏขนาดใหญ่เรียบเนียนสีเทาอมชมพู ยาว 1.5เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง50ซม. กาบใบสีชมพูเทามีเกล็ดสีน้ำตาลเข้มและแว็กซ์สีขาวมากมาย ใบรูปขนนก (pinnate) ทางใบยาว 4.5 เมตรก้านใบยาว 25 ซม. มีใบย่อยรูปใบหอกเชิงเส้นประมาณ 60 ใบในแต่ละด้านสีเขียวเข้ม ใบอ่อนที่เกิดใหม่เป็นสีแดง ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ช่อดอกแข็งแรงยาวประมาณ 2 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ผลสีน้ำตาล ขนาด 0.5 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องยากที่จะเป็นไปได้นอกเขตร้อน/ กึ่งเขตร้อน ทำได้ดีในฮาวาย แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จในการเติบโตนอกแคลิฟอร์เนียตอนใต้ ใช้ประโยชน์---มีศักยภาพที่จะเป็นไม้ประดับ เป็นพืชสวนรู้จักกันดีในหมู่นักสะสมปาล์มตัวยงทั่วโลกและเป็นที่ต้องการกันอย่างมาก แต่ก็หายากมากด้วย ภัยคุกคาม---ถูกคุกคามจากการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยและการเก็บสะสมมากเกินไป ถูกวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์' สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (2012) ขยายพันธุ์---เมล็ด การงอกค่อนข้างจะเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ถ้างอกแล้วต้นกล้าเล็ก ๆ จะเติบโตอย่างรวดเร็ว
|
สกุล Leucothrinax (loo-koh-TREE-naks) เป็น Monotypic genus มี 1 สายพันธุ์คือ Leucothrinax morrissii หรือที่เรียกว่า Key thatch palm เป็นเวลานานที่ Leucothrinax morrissii รู้จักกันในชื่อThrinax morrisii (สกุลเดียวกันกับปาล์มสะดือเขียวบ้านเรา -Thrinax parviflora) จนกระทั่งเมื่อมีการใช้เครื่องมือระดับโมเลกุลที่ไม่สามารถใช้ได้กับนักอนุกรมวิธานก่อนหน้านี้เราสามารถแสดงความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง Leucothrinax และปาล์ม ที่เกี่ยวข้อง (CE Lewis และ S. Zona. 2008) / Palmweb
Leucothrinax morrissii/ Brittle Thatch Palm
-Florida Keys. Photo by Paul Craft. -Big Pine Key, Florida. Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Leucothrinax_morrissii ชื่อวิทยาศาสตร์--- Leucothrinax morrissii (H.Wendl.) C.Lewis & Zona (2008) ชื่อพ้อง---Has 11 Synonyms. ---Basionym: Thrinax morrisii H.Wendl.(1892) ---Thrinax drudei Becc.(1908) ---More.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-351387 ชื่อสามัญ---Brittle Thatch Palm, Buffalo Thatch Palm, Key Thatch Palm, Silvertop-palmetto, White thatch palm. ชื่ออื่น---;[BAHAMAS: Buffalo-top.];[BRAZIL: Palmeira vassoura.];[CUBA: Miraguano.];[GERMAN: Westindische Schilfpalme.];[HAITI: Latanier de mer.];[PUETO RICO: Palma de escoba.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---THXMO (Preferred name: Leucothrinax morrissii.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---บาฮามาส, คิวบา, ฟลอริด้า, เฮติ, Leeward Is., เปอร์โตริโก, Turks-Caicos Is, ตรินิแดดและโตเบโก นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสกุล 'Leucothrinax' คือการรวมกันของคำคุณศัพท์ภาษากรีก "Leuco" = สีขาว และ= "Thrinax" ในการอ้างอิงถึงสีขาวของก้านดอกและด้านล่างของใบ ; ชื่อสายพันธุ์ 'morrissii' อุทิศให้กับนักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ Daniel Morris (1844-1933) Leucothrinax morrissii เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Hermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Carl E. Lewis ผู้อำนวยการสวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนแฟร์ไชลด์ (2551 ถึงปัจจุบัน) และ Scott Zona.(เกิดปี 1959-) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2551 ที่อยู่อาศัย พบในบาฮามาส, คิวบา, ฟลอริด้า, เฮติ, Leeward Is., เปอร์โตริโก, Turks-Caicos Is, ตรินิแดดและโตเบโก ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูง7-10 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15-30 ซม. ลำต้นสีน้ำตาลหรือสีเทา มีวงแผลเป็นเกิดจากร่องรอยของใบไม้ที่ร่วงหล่น ใบรูปพัด จักลึกเกือบถึงสะดือ ก้านใบยาว 0.9-1.3 เมตร เคลือบด้วยแว้กซ์สีขาว แผ่นใบด้านบนสีเขียวเขียวอมน้ำเงิน หรือสีเหลืองแล้วแต่สภาพแวดล้อม ด้านล่างปกคลุมด้วยเกล็ดแวกซ์สีขาว ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ยาว 1-1.5 เมตร กาบหุ้มด้วยเกล็ดสีขาวนวลเนียนตั้งตรงแล้วโค้งเกินใบ มีช่อย่อย 6-20 ช่อ ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ดอกย่อยเกิดบนก้านดอกสั้นมากความยาวน้อยกว่า 1 มม.ผลรูปกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4-8 มม. ผลอ่อนสีขาว เป็นสีเหลืองเมื่อสุก มีเมล็ด 1 เมล็ด ขนาด 2.5-3 มม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เติบโตได้ดีในที่ที่มีแสงแดดจัด หรือมีร่มเงาบางส่วน ปรับตัวได้ในดินทุกสภาพที่มีการระบายน้ำดี ถึงจะชอบทรายและหินปูนก็ตาม ทนแล้ง ทนลม ทนเค็ม ทนความเย็นได้ถึง -3 ° C การใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ การใช้ในงานภูมิทัศน์ด้วยความแตกต่างของสีด้านบนและด้านล่างแผ่นใบจะใช้ปลูกเป็นกลุ่มหรือแยกปลูกเดี่ยว ในสวนขนาดใหญ่หรือพื้นที่สวนขนาดเล็กก็ได้ เพื่อสร้างจุดเด่นได้อย่างน่าสนใจ -อื่น ๆ ในถิ่นกำเนิดลำต้นถูกใช้เป็นเสา ใบไม้ใช้มุงเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยในท้องถิ่น ใช้ทอเสื่อ ทำตะกร้า ไม้กวาด และงานฝีมือ ภัยคุกคาม--เนื่องจากพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กว้างขวาง ประชากรจึงมีขนาดใหญ่และมีเสถียรภาพ ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วงจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species.(2021) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้ระยะเวลาในการงอก 1-3 เดือน
|
สกุล Lepidorrhachis (lehp-ih-doh-RAH-kiss) เป็น monotypic genus มีเพียง 1 สายพันธุ์ คือ Lepidorrhachis mooreana มีถิ่นกำเนิดในนิวเซาท์เวลส์ พบได้เฉพาะบนเกาะ Lord Howe ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ Little Mountain Palm
Lepidorrhachis mooreana/ Little Mountain Palm.

-Mt Grower, Lord Howe Island. -Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Lepidorrhachis_mooreana ชื่อวิทยาศาสตร์---Lepidorrhachis mooreana (F.Muell.) O.F.Cook (1927) ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-110850 ---Basionym: Kentia mooreana F.Muell.(1870) ---Clinostigma mooreanum (F.Muell.) H.Wendl. & Drude (1875) ชื่อสามัญ---Little Mountain Palm. ชื่ออื่น---None (Not recorded) ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) ถิ่นกำเนิด--- โอเชียเนีย เขตกระจายพันธุ์---หมู่เกาะนอร์โฟล์ค นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Lepidorrhachis มาจากภาษากรีก หมายถึง "scale" and "rachis" ; ชื่อสายพันธุ์ 'mooreana' เป็นเกียรติแก่ Charles Moore (1820-1905) ผู้อำนวยการคนแรกของสวนพฤกษศาสตร์ซิดนีย์ Lepidorrhachis mooreana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Sir Ferdinand Jacob Heinrich von Mueller (1825-1896) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันออสเตรเลียและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Orator Fuller Cook (1867–1949) นักพฤกษศาสตร์และนักกีฏวิทยาชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2470

-Mt Grower, Lord Howe Island. -Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Lepidorrhachis_mooreana ที่อยู่อาศัย เฉพาะถิ่นเกาะลอร์ดฮาว ถิ่นกำเนิดถูกจำกัดในวงแคบอยู่ในนิวเซาธ์เวลส์ พบได้ที่เกาะ ลอร์ดฮาวบนภูเขาโกเวอร์และ Lidgbird ในมหาสมุทรแปซิฟิกนอกชายฝั่งของออสเตรเลีย ที่ระดับความสูง 800 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงถึง 3.5 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15 ซม. มีวงรอยแผลเป็นที่เกิดจากใบที่เด่นชัด ห่างกัน 1-2 ซม มี crownshaft ยาว 15-20 ซม สีเขียวเข้ม มีขี้ไคลสีน้ำตาล ใบรูปขนนก (pinnate) โค้งหรือบิดเล็กน้อยยาว1-1.5เมตร ก้านใบยาว 20-30 ซม ใบย่อยรูปหอกยาว 25-40 ซม. ทางใบ ก้านใบปกคลุมด้วยขนหนาแน่น ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (infrafoliar) ช่อดอกยาว 30-50 ซม แผ่กิ่งก้านสาขาเรียวยาว 100 กิ่งขึ้นไป ดอกสมบูรณ์เพศ (hermaphrodite- ดอกมีสองเพศทั้งเพศผู้และเพศเมียในดอกเดียวกัน) ดอกเพศผู้พัฒนาก่อน ผลกลมสีเขียวขนาด 1.2 ซม.สุกแล้วสีแดง มีเมล็ดกลม 1 เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---มีชื่อเสียงในเรื่องความยากในการปลูกเลี้ยง ส่วนใหญ่เป็นเพราะเติบโตช้าการปรับตัวอาจเป็นไปตามเงื่อนไขที่รุนแรงยากที่จะสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ (เย็นและชื้นมาก) ภัยคุกคาม---ตามความเห็นของคณะกรรมการวิทยาศาสตร์มันมีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์ในนิวเซาธ์เวลส์ในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง และหนูดำBlack Rat ( Rattus rattus ) มีผลกระทบต่อการผลิตเมล็ดพันธุ์ และกินใบในต้นอ่อน ถูกระบุว่าเป็นกระบวนการคุกคามที่สำคัญภายใต้พระราชบัญญัติการอนุรักษ์พันธุ์ป่าที่ถูกคุกคาม 2538 [Threatened Species Conservation Regulation 2010]:ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (CR) - อยู่ในสภาวะวิกฤตโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สายพันธุ์ที่ถูกคุกคามด้วยการสูญพันธุ์ทั่วโลก สถานะการอนุรักษ์---CR- CRITICALLY ENDANGERED - IUCN Red List of Threatened Species (2010) ระยะออกดอก/ติดผล---สิงหาคม-ธันวาคม/ผลไม้จะสุกในปีต่อไป ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Lytocaryum (lye-toe-CARRY-um) เดิมเรียกว่า Microcoelum weddellianum หรือ Cocos weddelliana เป็นประเภทที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ Syagrus มี 4 สายพันธุ์ที่ยอมรับ (แสดงในหน้านี้ 1 สายพันธุ์) 1 Lytocaryum hoehnei (Burret) Toledo - เซาเปาโล 2 Lytocaryum insigne (Rob.) Toledo - Espírito Santo, รีโอเดจาเนโร 3 Lytocaryum itapebiense Noblick & Lorenzi - Bahia 4 Lytocaryum weddellianum (H.Wendl.) Toledo - รีโอเดจาเนโร
Lytocaryum weddellianum/ Miniature Coconut Palm
-Corupá, Santa Catarina, Brazil. Photo by Gilio Giacomozzi -Hawaii. Photo by Paul Craft. -https://www.palmpedia.net/wiki/Lytocaryum_weddellianum ชื่อวิทยาศาสตร์---Lytocaryum weddellianum (H.Wendl.) Toledo.(1944) ชื่อพ้อง---Has 15 Synonyms. ---Cocos weddelliana H.Wendl.(1871) ---Syagrus weddelliana (H.Wendl.) Becc.(1916) ---More.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-116124 ชื่อสามัญ---Miniature Coconut Palm, Weddell's Palm, Wedding Palm, Victorian Parlor Palm. ชื่ออื่น---;[FRENCH: Cocotier Miniature, Palmier de Weddel, Palmier du mariage.];[GERMAN: Kokospälmchen, Miniatur Kokosnusspalme, Zimmer-Kokosplame.];[JAPANESE: Burajiru-himeyashi, Himeyashi.];[PORTUGUESE: Palmeira-de-Petrópolis, Coqueiro-miniatura, Palmeira-wedeliana.];[SPANISH: Coco enano, Palmerita de Petropolis; Agué, Icá, Toledo (Local).];[SWEDISH: Weddellpalm.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---MCCMA (Preferred name: Syagrus weddelliana.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---บราซิล[Espírito Santo, Rio de Janeiro] นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสกุลคือการรวมกันของคำภาษากรีก "lyton" = "loose" แยก แบ่งและ "karyon" = "nut"เมล็ด โดยมีการอ้างอิงถึงลักษณะของ exocarp และ mesocarp ที่จะผ่าและเปิดเมื่อสุก ; ชื่อของสายพันธุ์ 'weddellianum' เพื่อเป็นเกียรติแก่นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษHugh Algernon Weddell (1819-1877) Lytocaryum weddellianum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Hermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยJoaquim Franco de Toledo นักอนุกรมวิธานและนักพฤกษศาสตร์ชาวบราซิล( 1905 – 1952) ในปี พ.ศ.2387 ในขั้นต้นปาล์มต้นนี้ถูกวางไว้ในสายพันธุ์เดียวกับต้นมะพร้าวภายใต้ชื่อ Cocos weddelliana ก่อนที่จะย้ายไปยังสกุล Syagrus (สกุลเดียวกับปาล์มควีน,มะพร้าวแคระที่ปลูกกันในบ้านเรา) และในที่สุดก็ย้ายไปอยู่ในสกุลของตัวเอง Lytocaryum จากหลักฐานทางสัณฐานวิทยาและระดับโมเลกุล Larry Noblick และAlan Meerow ได้รวม Lytocaryum กลับเข้าไปใน Syagrus ในปี 2015 ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิด ในรัฐริโอเดอจาเนโร ทางตะวันออกเฉียงใต้ของบราซิล เติบโตตามธรรมชาติในป่าฝนอาศัยอยู่ในชั้นล่างของป่าชื้นที่ระดับความสูง 50- 800 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงได้ถึง 5 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 8-10 ซม. คลุมด้วยเส้นใยและส่วนของก้านใบเก่า ใบรูปขนนก (pinnate) ยาวประมาณ 0.90-1 เมตร ใบย่อยรูปขอบขนานเชิงเส้นเรียงกันในแนวก้างปลา เรียงขิดและสม่ำเสมอตามระนาบเดียวกัน ใบสีเขียวเข้มด้านบนเป็นมันเงาด้านล่างสีเขียวปนเทา ก้านใบและใบปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาลเทา ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ช่อดอกมีลักษณะแตกกิ่งก้านสาขาและมีขนสีน้ำตาลเป็นช่อเดี่ยว ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน (monoecious) ดอกเพศเมียมีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของดอกเพศผู้ ทั้งสองมีกลีบเลี้ยง 3 กลีบและกลีบดอก 3 กลีบ ผลเป็นรูปไข่วงรียาว 2 ซม. สีน้ำตาลเมื่อสุก มีเมล็ด 1 เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ตำแหน่งที่ร่มรื่นชุ่มชื้น ดินที่อุดมสมบูรณ์ร่วนซุยและระบายน้ำได้อย่างรวดเร็วเป็นกรดอ่อน ๆ มีความชื้นในดินต่อเนื่อง แต่ไม่ขังแฉะ หลีกเลี่ยงดินเหนียวและดินเป็นด่าง ทนอุณหภูทิต่ำสุดได้ถึง ได้ถึง ( -2, -3 °C) ในช่วงเวลาสั้นๆ ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลที่มีลักษณะและรสชาดคล้ายมะพร้าวมีรายงานว่าน้ำมันที่สกัดจากเนื่อเมล็ดนั้นมีความสำคัญในเชิงพาณิชย์ -ใช้ปลูกประดับ ลักษณะใบที่โค้งละเอียดประณีตมีความงามที่หาตัวจับยากแทบจะไม่มีใครเทียบได้ นิยมปลูกเป็นไม้กระถางในร่มยอดเยี่ยมในฐานะพืชบ้านเนื่องจากต้องการสภาพแสงน้อยอัตราการเติบโตที่ช้าและขนาดที่กะทัดรัด เป็นไม้กระถางที่พบได้ทั่วไปในยุโรป ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Marojejya (mahr-oh-jeh-JEE-yah) เป็นพืชเฉพาะถิ่น มาดากัสการ์ มี 2 สายพันธุ์ที่เป็นที่ยอมรับ 1 Marojejya darianii J.Dransf & N.W.Uhl 2 Marojejya insignis Humbert
Marojejya darianii/Big leaf Palm

-Analanjirofo, Toamasina, MG, AF, Madagascar. Photo by Dr. Mijoro Rakotoarinivo. -Bill Langer giving scale. Hawaii. -https://www.palmpedia.net/wiki/Marojejya_darianii ชื่อวิทยาศาสตร์---Marojejya darianii J. Dransf. & N. W. Uhl (1984) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-120772 ชื่อสามัญ---Darian palm, Big leaf Palm, Madagascar Big-Leaved Palm. ชื่ออื่น---; [AFRIKAANS: Ravimbe ("big leaf", Betsimisaraka).];[CHINESE: Dá shì xiān máo zōng,];[KOREAN: Malojejasog.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---MJJDA (Preferred name: Marojejya darianii.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์ นิรุกติศาสตร์ ---ชื่อสกุล 'Marojejya'มาจากชื่อของ Marojejy Massif ที่ปกคลุมไปด้วยป่าฝนและมรดกโลกขององค์การยูเนสโกตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมาดากัสการ์ซึ่งเป็นสายพันธุ์ถิ่น ; ชื่อสายพันธุ์ 'darianii' ได้รับการตั้งชื่อตามนักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน "Indiana Jones of plants" Dr Mardy E. Darian (1933 -) ผู้ค้นพบต้นปาล์มในมาดากัสการ์ครั้งแรก Marojejya darianii เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย John Dransfield (เกิดปี 1945) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษและ Natalie Whitford Uhl (1919–2017) เธอเป็นนักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2527 ที่อยู่อาศัย ถิ่นที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมาดากัสการ์ซึ่งเกิดขึ้นระหว่าง Ampasimanolotra และคาบสมุทร Masoala เติบโตในหนองน้ำบนพื้นที่ก้นหุบเขาที่ระดับความสูง 200-600 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดกลางสูง 8-15 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15-35 ซม. ด้านล่างสะอาดแต่โคนใบบนมักเก็บโคนใบไว้ ไม่มี Crownshaft มี 12-15 ใบ ใบรูปขนนก(pinnate)ขนาดใหญ่โคนใบไม่แตกแยกเรียงแป็นแนวตั้งตรงถึง 45 องศาจากแนวนอน ตั้งซ้อนอย่างแน่นหนาสูงขึ้นจากพื้นดินเหมือนลูกขนไก่ยักษ์ มีขนาดใหญ่มาก ยาว4- 5 เมตร โดยทั่วไปไม่มีก้านใบ - เริ่มที่ลำต้น ฐานใบใหญ่และไม่แตก มีหูใบกลมขนาดใหญ่ 2 อันเด่นชัดกว้าง 10–12 ซม. และกาบใบที่ออกแบบมาเพื่อจับเศษใบไม้ร่วง ดอกแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน (monoecious) ช่อดอกเพศผู้และเพศเมียแยกกันอย่างสมบูรณ์ซึ่งเกิดจากตำแหน่งเดียวกันใกล้ด้านล่างของฐานใบของใบที่ต่ำที่สุด (interfoliar) ดอกไม้ในโทนสีเหลืองสีขาวครีมและสีน้ำตาล ผลมีเนื้อแบบผลกลุ่มสีชมพูเมื่ออ่อนเปลี่ยนเป็นสีเขียวและสีแดงเข้มเมื่อสุก ขนาด 20 x15 มม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เจริญเติบโตช้าและค่อนข้างยากกว่าปาล์มอื่น ๆ ต้องการแสงแดดเต็มที่ถึงร่มเงาบางส่วน ดินร่วนและเป็นกรดที่อุดมไปด้วยสารอินทรีย์ น้ำจำนวนมากและมีหมอกบาง ๆ เป็นประจำ อัตราการเจริญเติบโต ช้ามาก ภัยคุกคาม---เนื่องจากเกิดจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่เพื่อการเกษตร การตัดไม้ และ จากการเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์เพื่อการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อศักยภาพการฟื้นฟูตามธรรมชาติของสายพันธุ์นี้ ประชากรของสายพันธุ์นี้มีขนาดเล็กเพียงประมาณ 80 ต้นที่โตเต็มที่โดยประมาณในห้าพื้นที่ที่เกิดขึ้นและมีการลดลงอย่างต่อเนื่อง ถูกจัดวางใน IUCN Red List ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์' ก่อนหน้านี้ถูกระบุว่าเป็นประเภท CR-'ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต (1998)' แต่การเปลี่ยนแปลงสถานะเป็นผลมาจากข้อมูลที่ดีขึ้นเกี่ยวกับขนาดของประชากร สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (2012) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
Marojejya insignis/Menamoso

-Habitat - Photo by Phil Arrowsmith. -Tanna Botanical Garden, Photo Phil Arrowsmith. -https://www.palmpedia.net/wiki/Marojejya_insignis ชื่อวิทยาศาสตร์---Marojejya insignis Humbert (1955) ชื่อพ้อง--No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-120773 ชื่อสามัญ---Menamoso Palm ชื่ออื่น---; [AFRIKAANS: Menamoso, Beondroka (Tsimihety); Betefoka, Besofina, Hovotralanana, Mandanzezika (Betsimisaraka); Fohitanana, kona (Tanala): Beondroka, Besofina, Betefoka, Fohitanana, Hovotralanana, Mandanzezika, Maroalavehivavy, Menamoso (Malagasy).] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---MJJIN (Preferred name: Marojejya insignis.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์ นิรุกติศาสตร์--- ชื่อสายพันธุ์ 'insignis'มาจากภาษาละติน ="ดีเด่น" หรือ "โดดเด่น" Marojejya insignis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยJean-Henri Humbert (1887–1967) นักพฤกษศาสตร์และนักสำรวจชาวฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.2498 ที่อยู่อาศัย ถิ่นที่อยู่ มาดากัสการ์แพร่แพร่กระจายทางตะวันออกของเกาะ จาก Andohahela ถึง Daraina ขึ้นอยู่ในที่ลุ่ม ในป่าดิบชื้นบนสันเขาหรือพื้นที่ลาดชันที่ระดับความสูงตั้งแต่(70-) 350-1150 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวค่อนข้างใหญ่ สูง 2-6 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 14-40 ซม.ส่วนปลาย (ประมาณ 1 เมตร) ของลำต้นปกคลุมไปด้วยเศษ / เปลือกก้านใบ มักจะมีรากคดเคี้ยวไปมาของพืชอื่น ๆ ที่มองเห็นได้ ใบรูปขนนก(pinnate)ขนาดใหญ่ ใบในมงกุฎ 15-20 ใบ จัดเรียงเป็นเกลียว ยาว 4-5 ม. กาบใบยาว 40-95 ซม ช่อดอกซ่อนอยู่ในหมู่ฐานใบ(interfoliar) ดอกแยกเพศอยู่ในช่อเดียวกัน(monoecious) ผลสีแดงถึงสีเข้มเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มหรือดำปนแดง ขนาด 11-14 x 10-15 x 9-10 มม ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เหมาะที่สุดสำหรับสวนเขตร้อน ต้องการงแสงแดดรำไร ชื้น ดินมีการระบายน้ำดี ใช้ประโยชน์---ตายอดหรือ หัวใจปาล์ม กินเป็นผัก โดยคนในท้องถิ่น ภัยคุกคาม---เนื่องจากภัยคุกคามต่อสายพันธุ์นี้ไม่ได้ก่อให้เกิดการลดลงอย่างมีนัยสำคัญใด ๆ ถูกจัดวางในIUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2012) ขยายพันธฺุ์---เมล็ด
|
สกุล Medemia (meh-deh-MEE-ah) เป็น Monotypic genus มี 1สายพันธุ์ คือ Medemia argun พบในอียิปต์และซูดาน ประชากรกระจัดกระจายในโอเอซิสของทะเลทรายนูเบีย ทะเลทรายทางตอนใต้ของอียิปต์และซูดานตอนเหนือ อธิบายครั้งแรกเป็น Areca passalacquae จากผลไม้ที่เก็บรวบรวมโดยนักโบราณคดีจากสุสานอียิปต์ย้อนหลังไปถึง 2500 ปีก่อนคริสตกาล (Kunth 1826) ผลของ Medemia argun จะถูกนำเข้าจากซูดานและถูกพบในสุสานของอียิปต์ซึ่งบ่งบอกถึงความสำคัญของพวกเขาซึ่งเคยเชื่อกันว่าต้นไม้นี้สูญพันธุ์และเป็นที่รู้จักจากบันทึกซากฟอสซิลเท่านั้น จนกระทั่งปีพ. ศ. 2424 ต้นปาล์มที่ถูกอธิบายจากวัสดุที่มีชีวิตที่เก็บรวบรวมในซูดาน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามีการเก็บ Medemia argun น้อยมาก ไม่ถูกค้นพบในฐานะสมาชิกที่มีชีวิตของพืชในอียิปต์จนกระทั่งปีพ. ศ. 2506 (Boulos 1968) ต่อมาปาล์มได้รับการพิจารณาว่าสูญพันธุ์ไปแล้วในป่าจนกระทั่งมีการค้นพบใหม่ในซูดานในปี 2538 (Langlois 1976, Gibbons & Spanner 1996) มีประชากรในอียิปต์หลักประกอบด้วยต้นเพศผู้ 4ต้นและต้นเพศเมียวัยเจริญพันธุ์3ต้นรวมทั้งต้นกล้าและต้นไม้เล็กบางส่วนโดยมีสถานที่อื่น ๆ อีกสองสามแห่งที่ประกอบด้วยพืชเพียงต้นเดียว ในซูดานมีประชากรขนาดใหญ่ขึ้น ประกอบด้วยพืชหลายร้อยต้นแต่ท้องถิ่นเหล่านี้ถูกจำกัดทางภูมิศาสตร์
Medemia argun/Nubian Desert Palm

-Dungul Oasis, Egypt. Photo by Haitham Ibrahim -Dungul Oasis, Egypt. Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Medemia_argun ชื่อวิทยาศาสตร์---Medemia argun (Mart.) Wurttenb. ex H.Wendl.(1881) ชื่อพ้อง---Has 3 synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-123201 ---Areca passalacquae Kunth (1826) ---Hyphaene argun Mart.(1845) ---Medemia abiadensis H.Wendl.(1881) ชื่อสามัญ---Nubian Desert Palm, Argun palm, Medemia palm, Argoun palm ชื่ออื่น---None (Not recorded) ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---MDMAR (Preferred name: Medemia argun.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---อียิปต์ ซุดาน นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสกุล 'Medemia' อาจมาจากคำคุณศัพท์กรีกสรรพนาม“ μηδείς, μηδεμία, μηδέν” (medeís, medemía, medén) = ไม่มีใคร อ้างอิงถึงสภาพแวดล้อมของทะเลทรายที่มันอาศัยอยู่ ; ชื่อของสายพันธุ์ 'argun' เป็นหนึ่งในท้องถิ่นที่ใช้โดยชนเผ่าเบดูอิน Ababda และ Bisharin Medemia argun เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794-1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยWurttenb จากอดีต Hermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2424 ที่อยู่อาศัย ถิ่นกำเนิดในแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือเขตร้อน พบในโอเอซิสของทะเลทรายนูเบีย อียิปต์ตอนใต้และซูดานตอนเหนือ ลักษณะ เป็นต้นปาล์มที่แข็งแกร่ง สวยงามและโอฬาร สูงประมาณ 15 เมตร ลำต้นมีวงรอยแผลเป็นและกระโปรงที่เกิดจากใบแห้งและช่อดอกแห้งติดถาวรอยู่ใต้มงกุฎ ใบรูปพัด (costapalmate)เหมือน Bismarckia (ตาลฟ้า) ที่มีใบสีเขียวอมฟ้าเคลือบด้วยแว็กซ์ขาว มีก้านใบสีเหลืองส้มยาว 0.8-1 เมตร ดอกแยกเพศอยู่คนละต้นเป็นต้นเพศผู้และต้นเพศเมีย (dioecious) ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ยาว 2-2,5 เมตร มีกิ่งแขนงจำนวนมาก ต้นเพศเมียมีผลรูปลูกพลัมซึ่งมีสีม่วงดำเมื่อสุก ขนาดความยาว 4-5 ซม. และเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 ซม.เนื้อผลไม้บางมากและมีเมล็ดขนาดใหญ่รูปไข่ 1 เมล็ด ยาวประมาณ 3 ซม. และเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ปาล์มอากัน เป็นปาล์มในพื้นที่แห้งแล้งของเขตร้อน ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -2 ° c แต่นี่จะเป็นกรณีในภูมิอากาศแห้ง ดินแห้งที่มีการระบายน้ำดีและแสงแดดจัด สายพันธุ์นี้หายากเติบโตช้ามาก จะเติบโตภายใต้เงื่อนไขเดียวกันและในภูมิภาคเดียวกันกับญาติใกล้เคียง Hyphaene และ Bismarckiaในเขตร้อน /กึ่งเขตร้อนและเขตอบอุ่นบางเขต ทนความร้อนและแห้งแล้งอย่างมาก ใช้ประโยชน์--- ให้ผลที่กินได้ เป็นแหล่งวัสดุใช้สำหรับการทอผ้าและสานเสื่อ -ใช้กิน ผลดิบจะกินไม่ได้ทันทีต้องเก็บไว้ในดินก่อนสักพักเพื่อให้เมล็ดงอกรสค่อนข้างหวานคล้ายมะพร้าว ผลแห้งจะส่งกลิ่นหอมและกินได้ -อื่น ๆใบใช้สำหรับทอผ้า ทำเชือก ภัยคุกคาม---เนื่องจาก ในประชากรย่อย ๆ อาศัยอยู่อย่างกระจัดกระจาย มีการแยกส่วนเล็ก ๆ ที่มีสัญญาณของการฟื้นฟู อย่างไรก็ตามพืชมีแรงกดดันอย่างมาก บันทึกจากปลายศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมาบ่งชี้ว่าการใช้ประโยชน์จากใบเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมานานหลายปีและหลักฐานการเก็บเกี่ยวใบทำลายปาล์มก็ยังสามารถพบได้ในทุกวันนี้ พืชได้รับการจัดให้อยู่ในIUCN Red List ประเภท “ ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต” สถานะการอนุรักษ์---CR- CRITICALLY ENDANGERED - IUCN Red List of Threatened Species (2009) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 1-3 เดือน
|
สกุล Nephrosperma (nehf-roh-SPERM-ah) เป็น Monotypic genus มี 1 สายพันธุ์ คือ Nephrosperma vanhoutteanum พืชเฉพาะถิ่น หมู่เกาะเซเชลส์
Nephrosperma vanhoutteanum/ Latanier Millepattes

-Ho'omaluhia Botanical Garden, Oahu, Hawaii. Photo by Drew Avery. -Kebun Raya Bogor, Java, Indonesia. Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Nephrosperma_van-houtteanum ชื่อวิทยาศาสตร์--- Nephrosperma van-houtteanum (H.Wendl. ex Van Houtte) Balf.f (1877) ชื่อพ้อง---Has2 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-135134 ---Basionym: Oncosperma van-houtteanum H.Wendl. ex Van Houtte 1788 (1868) ---Areca nobilis auct. [Invalid] (1868) ชื่อสามัญ---Latanier Mille-pattes, Van Houtten's Palm, Millipede Palm ชื่ออื่น---Creoles and pidgins, French-based (Other) Lantanyen milpat ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---ONPSS (Preferred name: Oncosperma sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---เกาะเซเชลส์ นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลของพืชและสัตว์ Nephrosperma มาจากการรวมกันของคำภาษากรีก 'nephros' = ''ไต'' และ 'sperma' = "เมล็ดพันธุ์" โดยมีการอ้างอิงถึงรูปร่างของเมล็ด ; ชื่อสายพันธุ์ 'van-houtteanum' ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่นักพฤกษศาสตร์ชาวเบลเยียม Louis Benoit van Houtte (1810-1876) Nephrosperma van-houtteanum เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Hermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันจากอดีตLouis Benoit van Houtte (1810-1876)นักพฤกษศาสตร์ชาวเบลเยียม และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Isaac Bayley Balfour (1853–1922) นักพฤกษศาสตร์ชาวสก็อต ในปี พ.ศ.2420

-Vallée de Mai, Island of Praslin, Seychelles. Entire leaf palm is Lodoicea maldivica. Photo by Philippe. -https://www.palmpedia.net/wiki/Nephrosperma_van-houtteanum ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะเซเชลส์เท่านั้น ขึ้นอยู่บนเกาะอย่างน้อยสิบเกาะ ปัจจุบันเป็นที่รู้จักจาก Mahé, Silhouette, Praslin, La Digue, Curieuse, St. Anne, Cerf, Moyenne พบในพื้นที่ที่เปิดโล่งและเนินหินในป่าเปิด ข้างลำธารร่มรื่น และในป่าที่ระดับความสูงไม่เกิน 500 เมตร จากระดับน้ำทะเล ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดกลาง ลำต้นเรียวยาว สูง 5-13 เมตรมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 18 ซม. มีรอยแผลเป็นที่ลำต้นเป็นวงถึ่ มงกุฎประกอบด้วยกลุ่มใบไม้สีเขียวเข้มที่สง่างาม ใบประกอบแบบขนนก(pinnate) ก้านใบยาวคล้ายใบมะพร้าว ใบมีสีเขียว ขอบใบขนานยาวเรียวปลายใบแหลมมีความกว้างและความยาวผันแปรได้สูงถึงประมาณ 80 ซม.ต้นที่ยังเล็กก้านใบมีหนามสีดำ ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ตั้งตรงมีกิ่งก้านแข็งและยาวมาก มีความยาว 3 เมตรขึ้นไป มียอดแหลมประมาณ 80 ซม.มีหนามแหลม ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้นอยู่ในช่อเดียวกัน (monoecious) มีดอกกะเทย 3 ดอก ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียขนาดเล็ก 40–50 อัน ดอกเพศเมียมีเกสรเพศผู้ 6 อันรังไข่ 1 อัน ผลมีรูพรุนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1–1.5 ซม. สีส้มแดง ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ปาล์มชนิดนี้เป็นปาล์มเขตร้อน แต่สามารถปรับให้เข้ากับภูมิอากาศเขตร้อนชื้น มีความไวต่อความเย็น จะเดิบโตดีที่สุดในสถานที่ที่อบอุ่นชื้นและมีที่กำบังลม ดินมีการระบายน้ำได้ดี ความชื้นในดินสม่ำเสมอ อย่าให้ดินแห้งแข็ง ไวต่อความเย็นมาก ขณะเป็นต้นเล็กสามารถทนต่อแสงแดดได้เต็มที่ ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ ครั้งหนึ่งในยุโรปเคยใช้ปลูกประดับกันอย่างแพร่หลายในฐานะเป็นปาล์มในร่ม ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2011) การอนุรักษ์---คุณภาพของที่อยู่อาศัยได้รับผลกระทบอย่างมากจากสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นที่รุกรานและการพัฒนาเพื่อการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ สายพันธุ์นี้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย (Laws of Seychelles 1991) และเกิดขึ้นใน Morne Seychellois และอุทยานแห่งชาติ Praslin และ St Anne และ Curieuse Marine National Park (iucnredlist.org) ขยายพันธุ์---โดยการเพาะเมล็ด เมล็ดงอกใน 4-5 สัปดาห์
|
สกุล Oraniopsis (ohr-rahn-ee-OP-sis) เป็นMonotypic genus มีเพียง 1สายพันธุ์คือ Oraniopsis appendiculata จากรัฐควีนส์แลนด์ ,ออสเตรเลีย
Oraniopsis appendiculata/ Bronze Palm

-Mt Lewis, Queensland, Australia. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Oraniopsis_appendiculata ชื่อวิทยาศสาตร์---Oraniopsis appendiculata (F.M.Bailey) J.Dransf., A.K.Irvine & N.W.Uhl (1985) ชื่อพ้อง---Has 3 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-141977 ---Basionym: Areca appendiculata F.M.Bailey (1891) ---Orania appendiculata (F.M.Bailey) Domin (1915) ---Orania beccarii F.M.Bailey (1909) ชื่อสามัญ---Bronze Palm. ชื่ออื่น---; [AUSTRALIAN: Grey Palm, Orania Palm.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---OANAP (Preferred name: Oraniopsis appendiculata.) ถิ่นกำเนิด---โอเชียเนีย เขตกระจายพันธุ์---ควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลนี้ 'Oraniopsis' แปลว่า "คล้ายกับ Orania'' ; ชื่อสายพันธุ์ ' appendiculata' เป็นภาษาละตินแปลว่า "ต่อท้าย" Oraniopsis appendiculata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Frederick Manson Bailey (1827–1915) นักพฤกษศาสตร์ที่เกิดในอังกฤษและทำงานในออสเตรเลีย ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยJohn Dransfield (เกิดปี 1945) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ, Anthony Kyle Irvine (เกิดปี 1937) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรเลียและNatalie Whitford Uhl (1919–2017) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2528

-Kauri Creek. Beside Kauri Creek, Danbulla National Park, Atherton Tableland, Queensland, Australia. On Mt. Lewis. These are on the banks of a creek part way up the mountain. Photo by tanetahi -Mt. Lewis, Danbulla National Park, Atherton Tableland, Queensland, Australia. Photo by Garry Daly -https://www.palmpedia.net/wiki/Oraniopsis_appendiculata ที่อยู่อาศัย พบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือรัฐควีนส์แลนด์ เกิดขึ้นในเทือกเขาระหว่างพื้นที่ทัลลีริเวอร์ ทางเหนือไปถึงที่ราบสูง พบได้บนเนินเขาหินและหาดทรายชายฝั่ง แต่พบมากที่สุดในป่าฝนที่มีเมฆมาก ที่ระดับความสูง 300-1,500เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ที่หายากและสวยงาม ในการปลูกเลี้ยงต้นปาล์มเหล่านี้มีความสูงไม่เกิน 5-6 เมตร แต่ในถิ่นที่อยู่สูงได้ถึง 20 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 20-45 ซม มีรอยแผลเป็นจากใบไม่สม่ำเสมอ ไม่มี Crownshaft ใบรูปขนนก(pinnate) เรียงตรงตั้งขึ้นคล้ายขนแปรง ใบมี8-15ใบ ยาว 3-8 เมตร สีเขียวเข้มด้านบน สีเทาสีขาวด้านล่าง แต่งแต้มด้วยเกล็ดขนาดเล็กสีน้ำตาลเข้มจำนวนมาก ใบไม้ที่ตายติดแน่นก่อตัวเป็นกระโปรงรอบตัว ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ช่อดอกยาว 80-120 ซม. ก้านช่อดอกยาวได้ถึงประมาณ 75 ซม. ดอกแยกเพศอยู่คนละต้น (dioecious) ข่อดอกดอกเพศผู้แยกแขนงประมาณ70ช่อย่อยยาว 3-5 x 0.15 ซม.ในช่อดอกเพศเมียเรียงกันเป็นเกลียว 30-40ช่อย่อย ยาว 4-10 x 0.2 ซม.ดอกสีครีม ผลกลมสีเขียวขนาด 3.4 ซม.สีเหลืองส้มเมื่อสุก มี1เมล็ด ; เมล็ดกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.2 ซม. ผิวดำหนาประมาณ 0.5 มม. เอนโดสเปิร์มมีโพรงตรงกลางขนาดเล็กกว้างประมาณ 2 มม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่หรือในร่มเงาได้บางส่วน ดินอุดมสมบูรณ์มีการระบายน้ำดี ความชื้นปกติ ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง 0 องศาC อัตราการเจริญเติบโต ช้ามาก จะไม่เริ่มสร้างลำต้นเป็นเวลายี่สิบปีหรือนานกว่านั้น ต้นที่เห็นสูงๆ อาจมีอายุเป็นร้อยปี ใช้ประโยชน์--ใช้ปลูกประดับ เป็นปาล์มที่มีความสวยงามมาก ขยายพันธุ์---เมล็ด การงอกของเมล็ดเป็นกระบวนการที่มีความยาวถึงหนึ่งปีขึ้นไปโดยมีบางเมล็ดที่ต้านทานการงอกถึงสี่ปี
|
สกุล Parajubaea (pahr-ah-joo-BEH-ah) เป็นสกุลปาล์มพื้นเมือง ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอนดีภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาใต้ มี 3 สายพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับ 1 Parajubaea cocoides Burret -โคลอมเบีย , เอกวาดอร์ , เปรู 2 Parajubaea sunkha M.Moraes -โบลิเวีย 3 Parajubaea torallyi (Mart.) Burret-โบลิเวีย (แสดงในหน้านี้ 3 สายพันธุ์)
Parajubaea cocoides/ Mountain Coconut

-New Cathedral of Cuenca, Ecuador. Photo by Francesco Bailo. -Quito, the capital of Ecuador. -https://www.palmpedia.net/wiki/Parajubaea_cocoides ชื่อวิทยาศาสตร์---Parajubaea cocoides Burret.(1930) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-147489 ชื่อสามัญ---Mountain Coconut, Quito Coconut, Quito Palm ชื่ออื่น---; [GERMAN: Anden-Kokosnuss, Cocumbe-Palme.]; [JAPANESE: Kokoidesu yashi.]; [SPANISH: Coco cumbe, Coquito.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---PBJCO (Preferred name: Parajubaea cocoides.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เปรู เอกวาดอร์ โคลัมเบีย โบลิเวีย Parajubaea cocoides เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Ewald Maximilian Burret (1883–1964) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2373 ที่อยู่อาศัย ชนิดนี้ไม่เป็นที่รู้จักในป่า มีอยู่ในการเพาะปลูกเท่านั้น พบปลูกเป็นปาล์มประดับต้นไม้ริมถนนในหุบเขาแอนเดียนทางตอนใต้ของโคลัมเบียและเอกวาดอร์ที่ระดับความสูงระหว่าง 1,500 -3,000 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงได้ถึง 16 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 20-45 ซม. ลำต้นเรียบสีเทา หยั่งรากลึก ใบรูปขนนก (pinnate) ยอดมงกุฎมีใบ 20 - 30 ใบ ใบยาว 3-4 เมตร มีใบย่อย 60-70 คู่ แพร่กระจายในระนาบเดียว ใบด้านบนสีเขียวเข้ม ด้านล่างสีเขียวอมเทา ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น(monoecious) ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ยาว 1-2 เมตร ช่อดอกย่อย 50-70 กิ่ง ยาว 10-30 ซม. ผลรูปรีสีเขียวอมน้ำตาลเรียบขนาด 4-5.5 ซม. กว้าง 3-4 ซม.มีจงอยยาว ผลแก่สีน้ำตาล มีเมล็ด 1-2 เมล็ดยาวประมาณ 2 ซม ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม--ต้องการแสงแดดเต็มที่ ชอบสภาพอากาศที่เย็นจัดและหนาวจัด ดินชื้นสม่ำเสมอ ระบายน้ำดี สายพันธุ์นี้มีระบบรากที่เจาะลึกและโดยทั่วไปจดีที่สุดเมื่อปลูกในระยะที่ต้นยังเล็ก ไม่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกในภาชนะ มีการเติบโตค่อนข้างรวดเร็วและสามารถผลิตผลใน 4 ปีจากการเพาะเมล็ด ใช้ประโยชน์-ใช้กิน ผลกินได้ -เมล็ด ดิบหรือสุกรสหวานมันเป็นอาหารที่นิยมมากในท้องถิ่นโดยเฉพาะเด็ก น้ำมันที่บริโภคได้นั้นมาจากเมล็ด -ใช้ปลูกประดับ เป็นปาล์มที่ทนทานและแข็งแรงมาก ได้รับการปลูกเลี้ยง เป็นสวนปาล์มและสวนสาธารณะนอกพื้นที่ถิ่นกำเนิด พบในการเพาะปลูกในซานฟรานซิส , ซิดนีย์ , คอสตาเดลโซลและทางตอนเหนือของประเทศนิวซีแลนด์เหมาะสำหรับสร้างความรู้สึกแบบสวนเขตร้อนในพื้นที่ที่เย็นกว่า ขยายพันธุ์---เมล็ด ดีที่สุดทันทีที่สุก มักจะงอกได้อย่างอิสระ การงอกสามารถเริ่มได้ภายในไม่กี่สัปดาห์
|
Parajubaea sunkha/ Sunkha Palm

-At Gary Le Vines place. Escondito, CA. Has experienced -3 c here. Photo by Troy Donovan. -Bolivia. Photo by Dr. Germaine A. Parada. -http://www.palmpedia.net/wiki/Parajubaea_sunkha ชื่อวิทยาศาตร์---Parajubaea sunkha M.Moraes.(1996) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-147490 ชื่อสามัญ---Bolivian fiber palm, Sunkha Palm, Zunca Palm ชื่ออื่น---; [BOLIVIA: Sunkha, Palma De Zunkha, Palma sunkha, Corozo.];[JAPANESE: Zunka yashi.];[SPANISH: Palma de Bolivia, Palma de la sunkha.]; ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---PBJSU (Preferred name: Parajubaea sunkha.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---โบลิเวีย นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลเป็นการรวมคำที่มาจาก'para' = "ปิด" และ 'jubaea' แสดงให้เห็นความใกล้ชิดกับสกุลJubaea ; ชื่อสายพันธุ์ 'sunkha' เป็นภาษาพื้นเมืองของ Aymaran ซึ่งหมายถึงความหนาแน่นของเส้นใย Parajubaea sunkha เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Mónica Moraes Ramírez.เธอเป็นนักพฤกษศาสตร์ นักชีววิทยาและศาสตราจารย์ ชาวโบลิเวีย ในปี พ.ศ.2539 ที่อยู่อาศัย เป็นพืชเฉพาะถิ่น โบลิเวีย พบได้เฉพาะในจังหวัดของVallegrande เติบโตในหุบเขาที่ระดับความสูง 1,700-2,500 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูง 4-10 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น25-35 ซม.ปกคลุมด้วยเส้นใยสานในส่วนบนของลำต้นสีน้ำตาลแดง Crownshaftไม่มี มีใบในมงกุฎ 20-30 ใบรูปขนนก (pinnate) ยาว2- 3 เมตร ตั้งตรง ก้านใบไม่มีหนาม ยาว0.30-1 เมตร โค้ง, แบน, บางครั้งมีการบิดเล็กน้อย ใบสีเขียวสด ด้านบน ด้านล่างสีเงิน ช่อดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น(monoecious) ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) มีมากถึง 6 ช่อต่อต้น ก้านช่อดอกยาว 60-80 ซม.ผลรูปไข่ ขนาด ยาว 3.5 ซม. มีเมล็ด 1 เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดจัดจนถึงร่มเงาบางส่วน ปรับตัวได้กับดินทุกสภาพ แต่ชอบดินที่อุดมสมบูรณ์ ทนความร้อนแห้งได้ดีทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -3 ° c การใช้ประโยชน์---P.sunkha มีประโยชน์มากมายสำหรับคนในท้องถิ่น -ใช้กิน ผลไม้เพื่อการบริโภคของมนุษย์ หัวใจปาล์มและใบอ่อนปรุงเป็นอาหาร ผลไม้ถูกขายในตลาด Vallegrande เมล็ดกินได้และมีรสชาติที่น่าพึงพอใจ ใช้ทำคัพเค้ก -ใช้ปลูกประดับ การใช้ในงานภูมิทัศน์ เป็นหนึ่งในปาล์มภูมิทัศน์ที่ดีที่สุดของแคลิฟอร์เนีย -อื่น ๆ เส้นใยสีแดงที่ด้านบนของลำตันที่เรียกว่า "Sunkha "ถูกนำมาใช้ในการผลิตที่นอน หมอน เชือก และอานม้าสำหรับม้า ใบ ใช้สำหรับทำตะกร้า และกระเช้า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ใช้เพื่อการยังชีพและหาซื้อได้ประปรายในตลาดท้องถิ่น ภัยคุกคาม---เนื่องจากมันถูกคุกคามอย่างมากกับการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย ต้นปาล์มนี้พบได้ทั่วไปน้อยกว่าเมื่อ 50 กว่าปีก่อน แม้ว่าในท้องถิ่นจะมีจำนวนมากซึ่งหากไม่ถูกรบกวน มันจะงอกใหม่อย่างมากมายในหุบเขา ถึงแม้จะได้รับการปกป้อง แต่ประชากรส่วนใหญ่ก็ยังคงลดลง เพื่อพื้นที่สำหรับการเกษตร การถูกเผาไหม้ และการใช้เส้นใยปาล์ม ถูกวางไว้ใน IUCN Red List เป็นประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์' สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (2011) ขยายพันธุ์---เมล็ดเก็บไว้ให้แห้งสนิท 2-3 เดือนก่อนนำมาเพาะการงอกสามารถเริ่มได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ในสภาพธรรมชาติเมล็ดใช้เวลาในการงอก 17 เดือน ผลกว่าจะสุกใช้เวลา 20 เดือน
|
Parajubaea torallyi/ Bolivian Mountain Coconut. Pronunciation: pahr-ah-joo-BEH-ah; -tohr-ALL-ee

-Cordoba, Argentina. Photo by Gaston Torres Vera -Westminster, Orange County, CA. Photo by Geoff Stein -https:///www.palmpedia.net/wiki/Parajubaea_torallyi ชื่อวิทยาศาสตร์---Parajubaea torallyi (Mart.) Burret (1930) ชื่อพ้อง---Has 5 synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-147491 ---Basionym: Diplothemium torallyi Mart.(1844) ---Allagoptera torallyi (Mart.) Kuntze (1891) ---Jubaea torallyi (Mart.) H.Wendl.(1878) ---Parajubaea torallyi var. torallyi.( Unknown) ---Polyandrococos torallyi (Mart.) Barb.Rodr.(1901) ชื่อสามัญ---Bolivian Mountain Coconut, Janchi coco, Zunca palm, Janchicoco palm ชื่ออื่น---;[JAPANESE: Torari torari yashi.];[SPANISH: Janchi coco con fruto grande, Palma De Pasbaya]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code--- PBJTO (Preferred name: Parajubaea torallyi.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---โบลิเวีย อาร์เจนตินา นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลมาจาก para = "ปิด" และ Jubaea แสดงถึงความใกล้ชิดกับสกุล Jubaea ; ชื่อในภาษาสเปน Palma De Pasobaya หมายถึง" โกโก้หยาบ "(coco áspero) Parajubaea torallyi เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794-1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Carl Ewald Maximilian Burret (1883–1964) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2473 ที่อยู่อาศัย เติบโตในป่าบนเนินหินทรายที่สูงชัน ในหุบเขาระหว่างแอนเดียน ที่ระดับความสูงระหว่าง 2,400-3,400 เมตร นับเป็นปาล์มที่ปลูกได้ในระดับความสูงที่สุด ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูง20-26 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 25-50 ซม.ปกคลุมด้วยชั้นเส้นใยและฐานใบเก่าในต้นอายุน้อย เมื่อเจริญขึ้นลำต้นจะเกลี้ยงเป็นสีเทาอมน้ำตาล ไม่มี Crownshaft มีใบในมงกุฎประมาณ 15-18 ใบ ใบรูปขนนก(pinnate) ทางใบโค้งยาว 5 เมตร ใบบิดเน้นในแนวตั้งด้านบนสีเขียวเข้ม ด้านล่างมีสีเงินเล็กน้อย ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar)ช่อดอก ยาว 0.90-1.20 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น(monoecious) ผลกลมรี สีน้ำตาล ขนาด5-10 ซม. ออกเป็นพวง หนักถึง15 ก.ก ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ชอบสภาพอากาศที่เย็นสบายอุณหภูมิไม่สูง แสงแดดเต็มที่ เติบโตได้ดีที่สุดในดินหลากหลายสภาพที่มีการระบายน้ำดี ทนต่อดินที่เป็นกรด ทนทานต่อความแห้งแล้ง ไม่ทนน้ำท่วม ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -13 ° c ใช้ประโยชน์-ต้นไม้ถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อเมล็ดที่กินได้ เป็นที่นิยมมากมักจะวางขายในตลาดท้องถิ่น -ใช้กิน ตายอดหรือหัวใจปาล็มกินเป็นผัก เมล็ด - ดิบรสหวาน น้ำมันที่ใช้บริโภคได้จากเมล็ด -ใช้ปลูกประดับ ถูกปลูกเลี้ยงเพื่อให้มีคุณสมบัติเป็นปาล์มประดับที่สวยงามและเป็นหนึ่งในปาล์มภูมิทัศน์ที่ดีที่สุด มักจะปลูกในสวนสาธารณะและบนทางเท้า ในเอกวาดอร์และโคลัมเบียตอนใต้ -อื่น ๆ ใบไม้ถูกทอเพื่อทำตะกร้าและพัด ไฟเบอร์สามารถหาได้จากลำต้นใช้สานเชือกจากเส้นใย เมล็ดใช้เป็นอาหารสัตว์ ภัยคุกคาม---เนื่องจากการทำลายที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ และเป็นแหล่งที่มาของทรัพยากรหลายอย่าง จากการขาดแคลนต้นกล้าและเมล็ดพันธุ์ ที่ถูกเก็บกินและซื้อขายกันในตลาดท้องถิ่นเกือบสมบูรณ์ ถูกจัดอยู่ในIUCN Red List ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์' สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (2011) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 4 เดือน บางครั้งถึง 1-2 ปี อัตราการงอกเกือบ 100% แค่อดทนรอ เติบโตอย่างรวดเร็วสำหรับปาล์มและสามารถผลิตผลใน 7 - 9 ปีจากเมล็ด
|
สกุล Plectocomia (plehk-toh-chom-EE-ah) เป็นสกุล ปาล์มพื้นเมืองของจีน ที่เทือกเขาหิมาลัยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่อดอกของ Plectocomia โดดเด่นและสวยงาม กิ่งก้านสาขาที่ยาวเหยียดที่มีใบประดับรูปเรือขนาดใหญ่แตกต่างจากต้นปาล์มอื่น ๆ มี15 สายพันธุ์ที่เป็นที่ยอมรับ (accepted species names.) (แสดงในหน้านี้ 1 สายพันธุ์) 1 Plectocomia assamica Griff - ภูฏานอัสสัมอรุณาจัลประเทศยูนนานพม่า 2 Plectocomia billitonensis Becc - เบลิตุง 3 Plectocomia bractealis Becc - อัสสัม 4 Plectocomia dransfieldiana Madulid - รัฐเประ 5 Plectocomia elmeri Becc - ปาลาวันมินดาเนา 6 Plectocomia elongata Mart ex Blume - อินโดจีนบอร์เนียวชวาสุมาตราฟิลิปปินส์ 7 Plectocomia himalayana Griff - เนปาล, สิกขิม, ภูฏาน, อัสสัม, อรุณาจัลประเทศ, ยูนนาน, ลาว, ไทย 8 Plectocomia khasyana Griff - อัสสัม 9 Plectocomia longistigma Madulid - Java 10 Plectocomia lorzingii Madulid - เกาะสุมาตรา 11 Plectocomia macrostachya Kurz - เมียนมาร์ 12 Plectocomia microstachys Burret - ไหหลำ 13 Plectocomia mulleri Blume - บอร์เนียว, มาเลเซีย 14 Plectocomia pierreana Becc - เวียดนามกัมพูชาลาวไทยกวางตุ้งกวางสียูนนาน 15 Plectocomia pygmaea Madulid - กาลิมันตัน
Plectocomia elongata/ Giant Rattan Palm

-Central Catchment, Singapore. Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Plectocomia_elongata ชื่อวิทยาศาสตร์---Plectocomia elongata Mart. ex Blume (1830) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-157816 ---Rotang maximus Baill.(1895) ชื่อสามัญ---Giant Rattan Palm ชื่ออื่น---;[CAMBODIA: Phdao dambang, Phdao reussey.];[INDONESIA: Rotan badak, Rotan dahan, Bubuay, Menjalin warak (Jawa); Bubuai, Bubuai Rattan; Hoe bubuai (Sunda); Buar-buar (Sumatra).];[MALAYSIA: Rotan tikus, Rotang unar, Kyein-ban, Rotan, Rotan dahan.];[PHILIPPINES: Alas, Kalaanan, Paang dalaga, Palasan, Parasan, Yantok.];[THAI: Wai kam phot, Wai pu chao, Wai tong plong.];[VIETNAM: Cây mây tuong, Song voi.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---QKOEL (Preferred name: Plectocomia elongata.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย เขตกระจายพันธุ์---พม่า ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เวียดนาม นิรุกติศาสตร์--ชื่อของสกุลคือการรวมกันของคำคุณศัพท์กรีก "πλεκτός" (plectós) = บิดและเนื้อหาสาระ "κόμη" (kome) = มงกุฎมีการอ้างอิงถึงช่อดอก; ชื่อของสายพันธุ์คือคำคุณศัพท์ภาษาละติน“ elongatus, a, um” = elongated 'ยาว' Plectocomia elongata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794-1868)นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันจากอดีตCarl Ludwig von Blume. (1789–1862) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน - เนเธอร์แลนด์ ในปี พ.ศ.2373

-MacRitchie Reservoir Trails, Singapore. Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -Singapore. Photo: floraofsingapore.wordpress.com -https://www.palmpedia.net/wiki/Plectocomia_elongata ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียตะวันออก กระจายในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ พบในป่าดิบชื้น ในที่ราบลุ่ม และภูเขาที่ระดับความสูงถึง 1500- 2,000 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มเลื้อยขนาดใหญ่ เลื้อยได้ไกลถึง 30-50 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 10-18 ซม. ระยะระหว่างข้อปล้องห่างกันประมาณ 30ซม.มีหนามโค้งยาวเมือนตะขอ เปลือกทางใบสีเขียวเข้มและปกคลุมด้วยขนสีขาวมีหนามเรียงเป็นแถวเฉียงยาว3-4ซม.สีน้ำตาลทอง ใบประกอบแบบขนนก(pinnate) ยาว3-6 เมตร ก้านใบยาว 20-30 ซม.ใบย่อยรูปขอบขนานเชิงเส้น แผ่นใบด้านบนสีเขียวมันวาว ด้านล่างสีเทาขาว ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ยาวสูงสุด 2 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ช่อดอกเพศผู้ปบะเพศเมียคล้ายคลึงกัน ดอกเพศผู้มีมากถึง 20 ดอกภายในแต่ละกาบ ดอกเพศเมีย 3-9 ดอกในแต่ละกาบ ± ซ่อนไว้อย่างสมบูรณ์ ดอกสีขาวครีม ผลมีประมาณ 8 ผลภายในแต่ละกาบ (ถ้าน้อยกว่าผลจะมีขนาดใหญ่กว่า) ผลกลมขนาด1.5-2 วม. ปกคลุมด้วยเกล็ดสีแดงแนวตั้งประมาณ 50 แถว ปลายผลมีจงอยแหลม มีเมล็ดกลม 1เมล็ดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ซม.เป็นสายพันธุ์ monocarpic เติบโตได้หลายปีโดยไม่ออกดอก แต่เมื่ออกดอก ติดผลมีเมล็ดแล้วจะะตาย ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ตำแหน่ง แสงแดดจัด แสงแดดรำไรหรือร่มเงาบางส่วน ดินชื้นระบายน้ำดี การใช้ประโยชน์---ลำต้นถูกรวบรวมจากป่าและใช้ในเครื่องจักสาน บางครั้งมีการซื้อขายกันในประเทศ -ใช้ปลูกประดับเป็นหนึ่งในปาล์มเลื้อยที่น่าประทับใจที่สุดที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ หวาย แต่คนละสกุลกับหวาย (Calamus) มีช่อดอกที่แปลกตาและน่าสนใจเป็นพิเศษ แต่การปลูกนั้นเนื่องจากขนาดที่ใหญ่และมีหนามคม ระยะการเข้าถึงเลื้อยได้ไกลและมีอันตรายสูง ควรต้องเว้นห่างจากที่จอดรถ ทางสัญจร และพื้นที่ขนส่ง - อื่น ๆ ลำต้นมีความทนทานสูงและความยืดหยุ่นต่ำใช้ในสินค้าราคาถูกกว่าแทนหวาย(Calamus) ใช้ทำเครื่องจักสาน ทำขาเก้าอี้ โครงโต๊ะ เตียง ตะกร้า และงานหัตถกรรม ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Pseudophoenix (soo-doh-FEH-niks) เป็นปาล์มพื้นเมืองในทะเลแคริบเบียน สามสายพันธุ์ของสี่สายพันธุ์เป็นพืชเฉพาะถิ่นของ Hispaniolaในขณะที่อีกหนึ่งสายพันธุ์ คือ P. sargentii มีการกระจายอย่างกว้างขวางในภาคเหนือของแคริบเบียน (Great Antilles, Windward Islands, บาฮามาส ), ฟลอริดาและคาบสมุทรYucatán (เบลีซและทางตะวันออกเฉียงใต้ของเม็กซิโก ) (แสดงในหน้านี้ 2 สายพันธุ์)
Pseudophoenix ekmanii/ Dominican Cherry palm

-Photo: https://www.palmpedia.net -Photo by Jack Sayers -https://www.palmpedia.net/wiki/Pseudophoenix_ekmanii ชื่อวิทยาศาสตร์---Pseudophoenix ekmanii Burret.(1929) ชื่อพ้อง---No synonyms are record for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.com/tpl1.1/record/kew-166472 ชื่อสามัญ---Dominican Cherry palm ชื่ออื่น---; [DOMINICAN REPUBLIC: Cacheo, Cacheo de Oviedo.];[SPANISH: Cacheo de Oviedo.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---QDPSS (Preferred name: Pseudophoenix sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---สาธารณรัฐโดมินิกัน นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสกุลคือการรวมกันของคำนำหน้ากรีก 'Pseudo-' (หลอก -) = ปลอมและของสกุล'phoenix' เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันระหว่างสองสกุลนี้ ; ชื่อสายพันธุ์ 'ekmanii' ได้รับเกียรติจาก Leonard Erik Ekman (1883-1931) นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 20 Pseudophoenix ekmanii เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Ewald Maximilian Burret (1883–1964) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2472 ที่อยู่อาศัย ปาล์มชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดและเป็นพืชเฉพาะถิ่นของสาธารณรัฐโดมินิกัน (คาบสมุทร Barahona และด้านหน้าของเกาะ Beata) เติบโตในป่าที่แห้งแล้งบนดินปูนที่ไม่ดีในระดับต่ำ ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สกุลเดียวกับปาล์มขุนหมากรุก (Pseudophoenix vinifera) ที่เรารู้จักกัน ต้นสูงประมาณ 5-6 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางที่ฐาน 20ซม. แล้วค่อยบวมออกตรงกลาง ขนาด 60-80 ซม.ไปทางยอดแล้วลดลงทันที ลำต้นสีเทาคลุมด้วยแว็กซ์สีขาวหนา มีวงรอยแผลใบร่วงรอบต้นโดดเด่น ใบรูปขนนก(pinnate) สีเทาเขียว ยาว 2.5 เมตร ไม่มีก้านใบที่เห็นได้ชัด ช่อดอกออกที่ซอกใบ(interfoliar) ตั้งตรงขึ้นหรือโค้งแยกแขนงเป็น 3 กิ่งยาว 1.5 เมตร ก้านช่อดอกไม่ยื่นออกไปไกลเกินกาบใบ ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ดอกกะเทยเรียงเป็นเกลียวบนช่อย่อย ในส่วนปลายช่อมีดอกเพศผู้ไม่กี่ดอก ดอกมีกลีบเลี้ยง3กลีบ กลีบดอก3กลีบเกสรเพศผู้ 6 อัน ผลยาว 11.8–14.3 มม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 11.7–13.2 มม.มีเมล็ด 1 เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เป็นพืชในเขตภูมิอากาศเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ต้องการแสงแดดเต็มที่ ดินมีการระบายน้ำดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนหินปูนแข็ง ทนต่อความแห้งแล้ง ความเค็ม และลมแรง ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง 0 ° C แต่ในการเพาะปลูกกลับพบได้เล็กน้อย อาจเป็นเพราะโตช้ามาก อาจเป็นหนึ่งในปาล์มที่โตช้าที่สุดในโลกในช่วง 15 ปีแรก แต่ในอีก 15 ปีต่อมา ปาล์มนี้จะระเบิดโตเร็วขึ้นจริงๆ ใช้ประโยชน์---ใช้กิน ในท้องถิ่น มีการเก็บรวบรวมน้ำหวานจากต้นตรงโซนบวม นำไปทำเครื่องดื่มหวาน (mabí de cacheo) โดยการหมักเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่นิยมมาก ที่เป็นอีกสาเหตุที่ถูกคุกคาม จนทำให้ไปสู่การตายของต้นปาล์มจำนวนมาก -ใช้ปลูกประดับ อาจจะสวยที่สุดในบรรดา Pseudophoenix เมื่ออายุยังน้อย ในงานภูมิทัศน์ ถือได้ว่าเป็นไม้ประดับที่มีความสวยงามมากที่สุดต้นหนึ่ง เนื่องจากมีรูปร่างเฉพาะของลำต้นและวงรอบข้อที่ชัดเจนเคลือบแว็กซ์สีขาวหนา สวยมาก สามารถนำไปใช้ในสวนประเภทสวนทะเลทราย ปลูกรวมกับ cacti และพืช xerophytic อื่น ๆ ภัยคุกคาม---เนื่องจากพื้นที่กำเนิดที่ถูกจำกัด ประชากรได้ลดลงอย่างมากจากการตัดโค่นต้นไม้ก่อนหน้านี้สำหรับการผลิตไวน์ปาล์ม นอกจากนี้การแปลงที่ดินเป็นเกษตรกรรมยังเป็นการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัย ทำให้สายพันธุ์ได้ถูกแทรกเข้าไปในบัญชีแดงของ IUCN (สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ) ประเภท“ ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต”(มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในธรรมชาติสูงมาก) สถานะการอนุรักษ์---CR- CRITICALLY ENDANGERED - IUCN Red List of Threatened Species (1998) การอนุรักษ์---ได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นทางการในอุทยานแห่งชาติ มีการเสนอกลยุทธ์การอนุรักษ์นอกแหล่งกำเนิดและในแหล่งกำเนิด ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 3-4 เดือน
|
Pseudophoenix lediniana/ Palmiste Marron

-Tropical Research and Education Center. Photo by George Fitzpatrick. -Fairchild Tropical Garden, Miami, FL. Photo by Paul Craft. -https://www.palmpedia.net/wiki/Pseudophoenix_lediniana ชื่อวิทยาศาสตร์---Pseudophoenix lediniana Read.(1968) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.com/tpl1.1/record/kew-166476 ---Pseudophoenix elata O.F.Cook ex Burret (1929) ชื่อสามัญ---Palmiste Marron ชื่ออื่น---; [HAITI: Pal, Palmis maron, Ti palmis maron.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---QDPSS (Preferred name: Pseudophoenix sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เฮติ นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสกุลคือการรวมกันของคำนำหน้ากรีก“ ψευδο-” (หลอก) และสกุลฟีนิกซ์เนื่องจากความคล้ายคลึงกันระหว่างสองจำพวกนั้น ; ชื่อสายพันธุ์ 'lediniana'ได้รับเกียรติจาก R. Bruce Ledin นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกันและนักปราชญ์แห่งต้นศตวรรษที่20 Pseudophoenix lediniana เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Robert William Read (1931–2003) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2511 ที่อยู่อาศัย เป็นพืชเฉพาะถิ่นของคาบสมุทร Tiburon ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเฮติ พบในป่าดิบชื้นบนหน้าผาหินปูนตามหุบเขาเล็ก ๆ รอบ ๆ Riv Levange ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ลำต้นรูปกระสวย สูงถึง 5 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นตรงกลางที่บวม 25-30 ซม. ส่วนฐานโคนต้นขยายออกเล็กน้อย ลำต้นสีเทาขาว มีร่องรอยแผลเป็นเป็นวงรอบต้น ใบประกอบแบบขนนก(pinnate) มีใบในมงกุฏ 15-17ใบแผ่กระจาย กาบใบยาว35-40 ซม. ทางใบยาว2.7-3 เมตร สีเขียวมีเกล็ดเทาเงินอยู่ใกล้ยอด ก้านใบยาว 25-60 ซม. มักมีเกล็ดสีน้ำตาลตามขอบ ช่อดอกออกที่ซอกใบ (interfoliar) ช่อดอกจะโค้งเป็นห้อยเป็นช่อ แตกกิ่งเป็น 3 กิ่ง ก้านช่อดอกยาวประมาณ 95 ซม. และเส้นผ่านศูนย์กลาง 4.0 ซม.เกลี้ยงเกลา ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ผลกลม ขนาด1.5-2.2 ซม. สีแดงหรือสีน้ำตาลแดง มีแว็กซ์ขาวมี 1-3 เมล็ด ขนาด 1.2-1.4 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เป็นปาล์มที่เติบโตในภูมิอากาศแบบเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ต้องการแสงแดดเต็มที่ ดินชื้นสม่ำเสมอ มีการระบายน้ำดี ในการเพาะปลูก P. lediniana ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น Pseudophoenix ที่เติบโตเร็วที่สุด ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นปาล์มประดับที่น่ารัก ใน 4 สายพันธุ์ แต่ก็ไม่ค่อยมีการนำเสนอในสวนพฤกษศาสตร์ และคอลเล็คชั่นของนักสะสมปาล์มเท่าไร สามารถนำมาใช้ในการจัดสวนประเภทสวนทะเลทรายพร้อมกับ Cacti และสายพันธุ์ Xerophytic อื่น ๆ ภัยคุกคาม---เนื่องจาก P. ledinianaถูก จำกัดให้อยู่ในประชากรกลุ่มเดียวที่พบตามหน้าผาหินปูนที่แทบไม่สามารถเข้าถึงได้และไม่เสถียรตามหุบเหวทางตอนใต้ของเฮติใกล้กับ Jacmel ในจังหวัด Ouest ประชากรประกอบด้วยหกส่วนที่โตเต็มที่ประมาณ 71 ต้นและต้นไม้เล็ก 2 ต้น ไม่มีต้นกล้าและประชากร ในปี 1989 พบต้นไม้ในป่าเพียง 30 ต้น (บัญชีแดงของ ICUN) อยู่ภายใต้การคุกคามอย่างรุนแรงเนื่องจากดินถล่มในช่วงฤดูฝนการแผ้วถางป่าจำนวนมากและการเผาเพื่อสกัดถ่านและการปลูกพืชหลักเพื่อยังชีพ ปาล์มชนิดนี้ไม่ได้ให้คุณค่ากับการทำไวน์ และพื้นที่ไม่ถูกคุกคามจากกิจกรรมของมนุษย์ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเพราะไม่มีการป้องกัน ถูกจัดไว้ในIUCN Red List ประเภท“ ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต” สถานะการอนุรักษ์---CR- CRITICALLY ENDANGERED - IUCN Red List of Threatened Species (1998) การอนุรักษ์---ได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นทางการในอุทยานแห่งชาติ มีการเสนอกลยุทธ์การอนุรักษ์นอกแหล่งกำเนิดและในแหล่งกำเนิด ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 3-4 เดือน
|
สกุล Raphia (rahf-EE-ah) เป็นสกุลของปาล์มพื้นเมืองที่มีขนาดใบที่ใหญ่ที่สุดในอณาจักรพืช มีประมาณ 20 สายพันธุ์ส่วนใหญ่มาจากแอฟริกาเขตร้อนและนอกจากนี้ยังเกิดขึ้นในภาคกลางและอเมริกาใต้ คือ R. taedigera เป็นที่มาของเส้นใย raffia ซึ่งเป็นเส้นของใบไม้และสายพันธุ์นี้ ผลิตผล ที่เรียกว่า "brazilia pod", "uxi nuts" หรือ "uxi pods" เป็นพวก monocarpic คือออกดอกครั้งเดียวแล้วตายหลังจากเมล็ดโตเต็มที่ บางชนิดมีลำต้นเดี่ยวที่ตายหลังจากติดผล แต่มีระบบรากที่ยังมีชีวิตอยู่และส่งผลให้เกิดลำต้นใหม่ (แสดงในหน้านี้ 3 สายพันธุ์) 1.Raphia africana Otedoh---ไนจีเรีย แคเมอรูน 2.Raphia australis Oberm. & Strey---โมซัมบิก แอฟริกาใต้ 3.Raphia farinifera (Gaertn.) Hyl.---แอฟริกา จากเซเนกัลถึงแทนซาเนีย ทางใต้สู่โมซัมบิกและซิมบับเว 4.Raphia gentiliana De Wild.---สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สาธารณรัฐแอฟริกากลาง 5.Raphia hookeri G.Mann & H.Wendl.---แอฟริกาตะวันตกและกลางจากไลบีเรียถึงแองโกลา 6.Raphia laurentii De Wild.---แองโกลา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก สาธารณรัฐแอฟริกากลาง 7.Raphia longiflora G.Mann & H.Wendl.---จากไนจีเรียสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก 8.Raphia mambillensis Otedoh---ไนจีเรีย แคเมอรูน สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ซูดาน 9.Raphia mannii Becc.---ไนจีเรีย, Bioko 10.Raphia matombe De Wild.---คาบินดา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก 11.Raphia monbuttorum Drude ---ไนจีเรีย แคเมอรูน ชาด สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ซูดานใต้ 12.Raphia palma-pinus (Gaertn.) Hutch.---แอฟริกาตะวันตกจากไลบีเรียถึงคาบินดา 13.Raphia regalis Becc.---แอฟริกากลางจากไนจีเรียไปแองโกลา 14.Raphia rostrata Burret ---คาบินดา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก 15.Raphia ruwenzorica Otedoh ---สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกตะวันออก รวันดา บุรุนดี 16.Raphia sese De Wild.---สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก 17.Raphia sudanica A. Chev. ---แอฟริกาตะวันตกจากเซเนกัลถึงแคเมอรูน 18.Raphia taedigera (Mart.) Mart.---ไนจีเรีย แคเมอรูน อเมริกากลาง (คอสตาริกา นิการากัว ปานามา) อเมริกาใต้ (โคลอมเบีย รัฐปาราของบราซิล) 19.Raphia textilis Welw.---คาบินดา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก กาบอง แองโกลา 20.Raphia vinifera P. Beauv.---แอฟริกาตะวันตกจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกถึงเบนิน
Raphia australis/ Kosi Palm

-"Growing in Kirstenbosch in chilly Cape Town. Giant, look at people for scale. Its flowering at top." Photo by Kyle Wicomb -Photo: https://www.palmpedia.net -https://www.palmpedia.net/wiki/Raphia_australis ชื่อวิทยาศาสตร์---Raphia australis Oberm. & Strey (1969) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-176699 ชื่อสามัญ---Kosi palm (Eng. & Afr.), Kosi Bay Giant Raffia Palm. ชื่ออื่น---; [AFRIKAANS: UmVuma (Zulu); iMali (Ronga).]; [FRENCH: Raphia d'Afrique du sud.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---RAJAU (Preferred name: Raphia australis.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---โมซัมบิกตอนใต้, แอฟริกาใต้ นิรุกติศาสตร์ ---Jackson (1990) ให้คำสองคำที่มีความเป็นไปได้เท่ากัน : คือคำ Malagasy สำหรับเส้นใยที่ได้มาจากใบของ R. ruffia คือ rafia หรือในภาษาอังกฤษ raffia ซึ่งอาจก่อให้เกิดชื่อสามัญได้ : และชื่อที่อาจได้มาจากภาษากรีก rafis เข็มหมายถึงปลายแหลม Smith & Stearn (1972) หมายถึงผลไม้จงอย ; ส่วนชื่อเฉพาะสายพันธุ์ 'australis ' หมายถึง ภาคใต้ Raphia australis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Anna Amelia Obermeyer (1907–2001) เธอเป็นนักพฤกษศาสตร์ชาวแอฟริกาใต้และRudolf Georg Strey (1907–1988) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2512 ที่อยู่อาศัย ในธรรมชาติ พบได้ทั่วโคสิเบย์ (Kosi Bay)ในประเทศโมซัมบิกและแอฟริกาใต้ การกระจายพันธุ์ของปาล์มโคชิ จำกัดไว้ที่พื้นที่เล็ก ๆ ที่ทอดยาวจากทางใต้ของอ่าวโกซิ ไปทางเหนือของมาปูโต พบได้ในป่าโกงกาง เนินทรายที่มีน้ำท่วมตามฤดูกาล ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงประมาณ 16เมตร มีรากเฉพาะที่รู้จักกันในชื่อpneumatophores (รากหายใจ) เพื่อช่วยในการปรับตัวสำหรับพื้นดินที่แอ่งน้ำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก(pinnate) ก้านใบมีหนาม ใบยาวตั้งตรงมีขนาดใหญ่มาก เป็นต้นปาล์มที่มีใบใหญ่ที่สุดใหญ่กว่าปาล์มทุกชนิดและใหญ่กว่าต้นไม้อื่นๆทั้งหมดจากบันทึกใบไม้ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยวัดมาและปาล์มชนิดนี้มีโครงสร้างใบที่ยาวที่สุดในโลก วัดได้ยาวที่สุด 25 เมตร ทางใบสีน้ำตาล ด้านบนใบสีเขียวมันเงา ด้านล่างมีสีเขียวอมน้ำและมีขี้ผึ้ง ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ช่อดอกตั้งขึ้น ก้านดอกหุ้มด้วยฝักขนาดมหึมายาวได้ถึง 3 เมตรซึ่งร่วงหล่นไปปล่อยให้ช่อดอกพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น(monoecious) ดอกเพศเมียใกล้ฐาน ดอกเพศผู้อยู่ส่วนบน ผลมีขนาด 60-90 x 30-50 มม. ปกคลุมด้วยเกล็ดสีน้ำตาล ปลายผลแหลมเป็นจงอย จัดเรียวเป็นแถวแนวตั้งมีก้านตรงกลาง เป็นประเภท Monocarpic ออกดอกให้ผลแล้วตาย ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เป็นปาล์มที่อยู่ในภูมิอากาศแบบกึ่งเขตร้อน ชอบแดดจัดและการระบายน้ำที่ไม่ดี เช่น หนองน้ำ เงื่อนไขเหล่าจะทำให้เกิดการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นหนึ่งในปาล์มที่โตเร็วที่สุด ถ้าไม่มีหนองน้ำต้องให้น้ำจำนวนมาก อัตราการเจริญเติบโต ช้า ปาล์มโคสิจะมีอายุการเจริญจากเมล็ดจนถึงออกดอกประมาณ 20-40 ปี การใช้ประโยชน์---เป็นแหล่งของวัสดุเพื่อใช้ในท้องถิ่น ก้านใบขนาดใหญ่และ midribs โครงสร้างภายในของใบเป็นเมือนฟองน้ำ ถูกนำมาใช้ทำเป็นเรือกรรเชียงสำหรับเรือแคนู ทำแพข้ามสำหรับรถบัส เมล็ดจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องประดับที่ดี ขยายพันธุ์---เมล็ด เมล็ดสดงอกง่ายถ้านำเปลือกออก
|
Raphia farinifera/Madagascar raphia palm

-Hawaii. Photo by Geoff Stein. -Sainte marie, Madagascar. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Raphia_farinifera ชื่อวิทยาศาสตร์---Raphia farinifera (Gaertn) Hyl.(1952) ชื่อพ้อง---Has 12 Synonyms. ---Basionym: Sagus farinifera Gaertn.(1791). ---Metroxylon ruffia (Jacq.) Spreng.(1825) ---More.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-176703 ชื่อสามัญ---Madagascar raphia palm, Bamenda raphia, East African wine palm, raffia palm ชื่ออื่น---;[AFRIKAANS: Luganda, Runyankore, Runyoro, Rutoro (Swahili).];[CHINESE: La jiu zong.];[DANISH: Raffiapalme.];[FRENCH: Palmier à raphia, Palmier de Mayotte.];[GERMAN: Bastpalme, Raffiapalme, Raffiaweinpalme.];[ITALIAN: Raffia, Palma raffia.];[JAPANESE: Rafia yashi.];[SPANISH: Rafia.];[PORTUGUESE: Palmeira-da-ráfia, Palmeira ráfia.];[UKRAINE: Krohmalenosna raffia.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---RAJFA (Preferred name: Raphia farinifera.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---เซเนกัลถึงแคเมอรูน; ยูกันดา, เคนยา, แทนซาเนีย, แองโกลา, แซมเบีย, มาลาวี, ซิมบับเว, โมซัมบิก, มาดากัสการ์ นิรุกติศาสตร์---ชื่อสายพันธุ์ 'farinifera' หมายถึงแป้งชนิดหนึ่งที่ได้จากส่วนต้นซึ่งมีแป้งอยู่มาก– farina = 'starch', fera = 'bearing' Raphia farinifera เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยJoseph Gaertner (1732- 1791) นักพฤกษศาสตร์และนักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Nils Hylander (1904-1970) พฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน ในปี พ.ศ.2495

-Hawaii. Photo by Paul Craft. -Photo by Geoff Stein. -https://www.palmpedia.net/wiki/Raphia_farinifera ที่อยู่อาศัย ต้นปาล์มที่เติบโตในแอฟริกาเขตร้อนทางตะวันออกและทางใต้ แพร่กระจายในป่าแม่น้ำและน้ำจืด ป่าพรุ ตามสถานที่ที่มีน้ำขังต่ำและตามริมฝั่งแม่น้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชุ่มน้ำ มีการเพาะปลูกบ่อยครั้ง ที่ระดับความสูง 50-1,000 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มขนาดใหญ่ สูงถึง10 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 60 ซม.หุ้มด้วยกาบใบแบบถาวร ใบรูปขนนก (pinnate) ยาว 8 เมตร ก้านใบรูปทรงกระบอกยาว 1.5 เมตรและเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 ซม ที่ฐานก้านใบแคบลงจนถึง 12 ซม.แข็งแรงมากสีน้ำตาลอมส้มถึงสีแดงเข้มเมื่ออายุน้อย ใบย่อยรูปขอบขนานเชิงเส้นเกิดขึ้น 150 คู่หรือมากกว่าใน 2 ระนาบ ยาว1 เมตร กว้าง 8 ซม. ขอบ มีหนามเล็กน้อยค่อนข้างแข็ง ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ช่อดอกยาว 3 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ดอกเพศผู้จัดเรียงกันอยู่ที่ปลายกิ่งมีขนาดใหญ่ถึง 12x 2 มม.ช่อดอกแยกเดี่ยวแต่ละช่อตั้งที่แกนของกาบใบ ส่วนดอกเพศเมียอยู่หลังกาบที่โคนยาวสูงสุด 8 มม ผลรูปรีเมื่อสุกสีส้มหรือน้ำตาลแดง ใหญ่เท่ากับไข่ไก่ ขนาด4.5-11x 3-6 ซม.มีเกล็ดนูน เมล็ดรูปไข่มี1เมล็ดขนาด 3-6. x 3-4.5 ซม.ด้านในของเมล็ดแข็งมาก เป็นประเภท Monocarpic หรือ hapaxanthic ออกดอกและติดผลเพียงครั้งเดียวแล้วตาย ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่หรือมีร่มเงาบางส่วน ชอบดินที่อุดมสมบูรณ์และมีการระบายน้ำดี การใช้ประโยชน์--- ส่วนใหญ่มาจากป่ามีการใช้งานที่หลากหลายและมีความสำคัญต่อคนในท้องถิ่นที่เติบโตในแอฟริกา พืชชนิดนี้มีการเพาะปลูกในไนจีเรีย มาดากัสการ์และอินเดีย -ใช้กิน ผลไม้ - ต้มและกิน เนื้อผลไม้ที่ต้มจะให้ไขมันสีเหลืองที่เรียกว่า 'เนย raphia' มีรสชาติดีเมื่อสด นำผลมาบดแล้วเติมน้ำแล้วต้มทิ้งไว้ให้เย็น น้ำมันที่ลอยแล้วจะถูกคัดออกนำมาใช้ในการปรุงอาหาร เนื้อผลไม้จะถูกหมักทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แป้งที่บริโภคได้นั้นได้มาจากลำต้นซึ่งมีแป้งในปริมาณมากจะถูกบริโภคเหมือนสาคู -ใช้เป็นยา ในมาดากัสการ์ รากจะใช้กับอาการปวดฟัน เส้นใยจากเปลือกใบใช้สำหรับการรักษาโรคทางเดินอาหาร เหล้าที่ได้จากช่อดอกเป็นเครื่องดื่มเช่นเดียวกับยาระบาย ในประเทศมอริเชียสมีการใช้ยาต้มผลไม้ที่มีฤทธิ์ต้านบิดและมีการกล่าวถึงผลไม้ที่ห้ามเลือดทำให้เลือดหยุดไหล (PROTA) -ใช้ปลูกประดับ ใช้ประโยชน์ในงานภูมิทัศน์ มีลักษณะและศักยภาพในการเป็นไม้ประดับ ใช้ปลูกข้างทาง สวนขนาดใหญ่ สวนสาธารณะ -อื่น ๆ ไม้ใช้สำหรับการก่อสร้าง เส้นใยจากใบสำหรับเชือกและตะกร้า ก้านใบใช้ทำ เฟอร์นิเจอร์ ใบใช้สำหรับการมุงและทอตะกร้าเสื่อและหมวก การเตรียมต้นปาล์มเพื่อเป็นวัสดุ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่กว้างขวางที่สุดในมาดากัสการ์ ผู้ชายจะตัดใบปาล์มในป่าและนำกลับบ้านเพื่อให้ผู้หญิงทำงานให้เสร็จ ในวันเดียวกับที่เก็บมา ขี้ผึ้ง Raphia ซึ่งได้มาจากพื้นผิวด้านล่างของใบใช้เป็นยาขัดสำหรับเรือและพื้น หรือใช้สำหรับการผลิตเทียน น้ำมันที่สกัดจากเนื้อผลไม้ต้มและเมล็ดของผลไม้ใช้สำหรับการผลิตสบู่และสเตียริน เปลือกแข็งด้านนอกของผลใช้ทำยานัตถุ์และกระดุม หรือเพียงเพื่อการตกแต่ง ภัยคุกคาม--เนื่องจากพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กว้างขวาง ประชากรจึงมีขนาดใหญ่และมีเสถียรภาพ ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วงจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species.(2018) ขยายพันธุ์---เมล็ดหรือเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เมล็ดมีขนาดใหญ่สามารถเก็บได้ใต้ต้นไม้ และเก็บไว้ได้ถึงสองปี เมื่อนำมาเพาะใช้เวลา4-5เดือนหรือหลายเดือนกว่าจะงอก
|
Raphia taedigera/Yolillo palm

-Los Charcos de Osa, Osa Peninsula, Costa Rica. Oct 2005. Photo by Dr. Reinaldo F. Aguilar. -Osa Peninsula, Costa Rica. Photo by Dr. Reinaldo F. Aguilar. -https://www.palmpedia.net/wiki/Raphia_taedigera ชื่อวิทยาศาสตร์---Raphia taedigera (Mart.) Mart.(1838) ชื่อพ้อง---Has 7 synonyms. ---Basionym: Sagus taedigera Mart.(1824) ---Metroxylon taedigerum (Mart.) Spreng.(1825) ---More.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-176751 ชื่อสามัญ---Yolillo palm, American raffiapalm, Pine cone palm, Swamp palm. ชื่ออื่น---;[BRAZIL: Jupatí, Jurubati.];[COSTA RICA: Tagua.];[CZECH: Ságovník, Rafie,];[DEUTSCH: Bastpalme, Raffiapalme.];[FRENCH: Raphia d’Amazonie, Raphia d’Amérique, Raphia du Brésil.];[SPANISH: Holillo, Jolilo, Matomba, Palma pangana, Targuà, Yolillo.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---RAJSS (Preferred name: Raphia sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---ไนจีเรีย แคเมอรูน บราซิล โคลัมเบีย ปานามา คอสตาริกา นิการากัว นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสปีชีส์ 'taedigera'คือการรวมกันของคำนามละติน "taeda" = flambeau และคำกริยา "gero" = เพื่อดำเนินการ โดยอ้างอิงกับลำต้นที่ติดไฟได้ง่าย Raphia taedigera เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794-1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794-1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2481

-Osa Peninsula, Costa Rica. Photo by Dr. Reinaldo F. Aguilar. -https://www.palmpedia.net/wiki/Raphia_taedigera ที่อยู่อาศัย พบขึ้นกระจายอยู่ใน แคเมอรูนและไนจีเรียและในอเมริกา: บราซิล (เอเคอร์, Amazonas, Amapá, Pará, Roraima, Rondôniaและ Tocantins), โคลัมเบีย, คอสตาริกา, นิการากัว และปานามา เติบโตในป่าชื้นตามแนว ลำธารน้ำบนดินลุ่มน้ำที่ถูกน้ำท่วมเป็นระยะ ๆ มักจะอยู่ใกล้กับทะเล ที่ระดับความสูง 0-100เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มที่มีลักษณะเป็นเอกเทศ ต้นสูง 2-9(-15) เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 25-30 ซม. ปกคลุมด้วยฐานทางใบถาวรและที่โคนต้นล้อมรอบด้วยราก เหนือพื้นดินเป็นรากหายใจ (pnematophores root) ใบรูปขนนก (pinnate) ในยอดมงกุฎมีใบ 5 - 15 ใบ ขนาดใหญ่แต่ละใบยาว 5-10 เมตร ก้านใบที่ไม่มีหนามยาว 1.5 เมตร ใบย่อยรูปขอบขนานเชิงเส้น 95-205 คู่ยาว 1.2 เมตร กว้าง 0.8 ถึง 6 ซม จัดเรียงในมุมที่แตกต่างกันที่ขอบใบและเส้นกลางใบมีหนามเล็ก ๆ ช่อดอกออกระหว่างซอกใบ (interfoliar) ยาว 1-3 เมตร แตกกิ่งก้านได้ถึง 3 กิ่ง ดอกแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน(monoecious) ดอกเพศผู้อยู่ที่ปลายช่อ ดอกเพศเมียอยู่ที่โคน ดอกเพศผู้มีความยาว 7-10 มม. มีกลีบเลี้ยงผสม 3 กลีบและกลีบเลี้ยงขนาดใหญ่ 3 กลีบซึ่งหลอมรวมกันที่ด้านล่าง เกสรเพศผู้ 8-11; ดอกเพศเมียมีความยาว 7-9 มม. กลีบเลี้ยงถูกเชื่อมเข้าด้วยกันและมีลักษณะเป็นไทรโลบัลไม่สม่ำเสมอ ผลรูปไข่รียาว5-7 ซม.มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3-4 ซม. ปกคลุมด้วยเกล็ดสีน้ำตาลแดงมันเรียงซ้อนกันเป็นแถวเรียงตามแนวตั้ง 9-11 แถว มีเมล็ด 1 เมล็ด ขนาด 4.5–8 x 2.7–4.5 ซม ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---สามารถเพาะปลูกได้ในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ต้องการแสงแดดเต็มที่ ดินที่มีความชื้นอย่างต่อเนื่อง การใช้ประโยชน์--- ถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นเป็นแหล่งของวัสดุ อาหารและยา -ใช้เป็นยา น้ำมันที่ได้จากเนื้อผลไม้นั้นใช้ในการนวดเพื่อรักษาโรคเกาต์โรคไขข้อและอัมพาต -ใช้ปลูกประดับ มีการใช้ประโยชน์เพียงเล็กน้อยในที่อื่นทั้งๆที่มีลักษณะของไม้ประดับ เมื่อพิจารณาถึงขนาด การเติบโตอย่างรวดเร็วเหมาะสำหรับสวนสาธารณะและสวนขนาดใหญ่ ทนไอเค็ม สามารถใช้จัดสวนใกล้กับทะเล -อื่น ๆ เส้นใยที่ได้จากใบใช้สำหรับสินค้าถักประณีต, หมวก, เสื่อสำหรับครอบคลุม lloors และสำหรับห่อสินค้า ทอเป็นผ้าปูอย่างดีมีสีสัน ใช้แทนพรม และใช้สำหรับงานตกแเต่งภายใน ในการใช้งานแบบดั้งเดิมใช้ทำสายระโยงระยางและอวนจับปลา-การเตรียมต้นปาล์ม เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่กว้างขวางที่สุดในมาดากัสการ์ โดยผู้ชายตัดใบปาล์มในป่าและนำกลับบ้านเพื่อให้ผู้หญิงทำงานให้เสร็จในวันเดียวกับที่เก็บมา -มีรายงานความเป็นไปได้ของการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันของRaphia taedigera ระยะออกดอก---ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอกอาจถึง 1 ปี
|
สกุล Ravenea (rah-vehn-EH-ah) ชื่อสามัญทั่วไปเรียกว่า Majesty Palm เป็นประเภทปาล์มพื้นเมืองของเกาะมาดากัสการ์และหมู่เกาะโคโมโร สายพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับ18 สายพันธุ์และ มี1สายพันธุ์ที่ได้รับการปลูกเลี้ยงทั่วไปเป็น houseplant และปลูกในบ้านทั่วทุกมุมโลก คือ Ravenea rivularis (ดูที่ ปาล์ม 6 ปาล์มราวีเนีย) ถือว่าเป็นประเภทที่มีความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ในถิ่นที่อยู่ซึ่งมีน้อยกว่า 900 ต้นที่เติบโตในป่าตามธรรมชาติ (แสดงในหน้านี้ 5 สายพันธุ์) 1. Ravenea albicans (Jum.) Beentje มาดากัสการ์ตะวันออกเฉียงเหนือ (EN) 2. Ravenea delicatula Rakotoarin. มาดากัสการ์ทางตะวันตกเฉียงเหนือ (CR) 3. Ravenea dransfieldii Beentje มาดากัสการ์. (EN) 4. Ravenea glauca Jum. & H.Perrier มาดากัสการ์. (VU) 5. Ravenea hildebrandtii H.Wendl. ex C.D.Bouché คอโมโรส (EN) 6. Ravenea julietiae Beentje (ดูที่ปาล์ม 7) มาดากัสการ์. (EN) 7. Ravenea krociana Beentje มาดากัสการ์.(EN ) 8. Ravenea lakatra (Jum.) Beentje มาดากัสการ์.(CR) 9. Ravenea latisecta Jum. ภาคกลางตะวันออกของมาดากัสการ์ (CR) 10. Ravenea louvelii Beentje มาดากัสการ์. (CR) 11. Ravenea madagascariensis Becc. มาดากัสการ์. (LC) 12. Ravenea moorei J.Dransf. & N.W.Uhl คอโมโรส (CR) 13. Ravenea musicalis Beentje มาดากัสการ์. (CR) 14. Ravenea nana Beentje มาดากัสการ์. (EN) 15. Ravenea rivularis Jum. & H.Perrier มาดากัสการ์ (VU) 16. Ravenea robustior Jum. & H.Perrier มาดากัสการ์ (NT) 17. Ravenea sambiranensis Jum. & H.Perrier มาดากัสการ์ (LC) 18. Ravenea xerophila Jum. มาดากัสการ์ (VU)
Ravenea albicans/ White Majesty Palm

-Antanambe, Madagascar. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -Floribunda Nursery, Hawaii. Photo by Geoff Stein. ชื่อวิทยาศาสตร์---Ravenea albicans (Jum.) Beentje (1994) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See https://www.gbif.org/species/176760649 ---Basionym: Louvelia albicans Jum.(1933) ชื่อสามัญ---White Palm, White Majesty Palm ชื่ออื่น---; [MALAGASY: Hoza-tsiketra.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---RVNSS (Preferred name: Ravenea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์ นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลRaveneaนั้นอุทิศให้กับผู้ประกอบการชาวเยอรมันและหุ้นส่วน Louis Frederic Jacques Ravené (1823-1879) ศตวรรษที่ 19 ผู้สืบทอดตระกูล Huguenots ที่เคยลี้ภัยในกรุงเบอร์ลินเมื่อปี 1685 Ravenea albicans เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Henri Lucien Jumelle (1866-1935) นักพฤกษศาสตร์ขาวฝรั่งเศส และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Henk Beentje (เกิดปี 2494) นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์ ในปีพ.ศ.2537 ที่อยู่อาศัย เป็นพืชเฉพาะถิ่นอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของมาดากัสการ์ เติบโตในป่าชื้น บนเนินเขากลางที่สูงชันหรือพื้นราบลุ่ม บนดิน ultramafic ที่ระดับความสูง 100-400 เมตร และบางครั้งสูงถึง 1,000 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวสูง 3-6 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 11 ซม.มีใบในยอดมงกุฏขนาดใหญ่ประมาณ 8 ใบ ใบรูปขนนก ยาว 3-4 เมตร ใบย่อยแข็งระนาบเดียว มี45-47ใบในแต่ละข้างของแกนกลาง ด้านล่างใบสีเงินขาวและมีแถบม้าลายบนใบ ช่อดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ก้านช่อดอกเพศผู้ออกระหว่างใบ มีขนสีขาวหนาแน่น ช่อดอกเพศเมียมีสีม่วงเข้มมีขั้วเดี่ยวตั้งตรง 126-150 ซม.ผลไม่เป็นที่รู้จัก [เราเชื่อว่าสายพันธุ์นี้มีเพียงดอกไม้และผลไม้เป็นระยะ ๆ นั่นคือไม่ใช่ทุกปีเนื่องจากต้นไม้ทั้งหมดที่เราตรวจสอบในเขตสงวนชีวมณฑล Mananara ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเป็นหมัน มีเพียงช่อดอกโบราณเท่านั้น (J. Dransfield และ H. Beentje. 1995)/Palmweb] (แปลโดยกูเกิ้ล) ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการตำแหน่งที่อบอุ่นชื้น ชอบแสงผสมเปิดโล่งในร่มเงามากกว่า การใช้ประโยชน์--- พืชถูกเก็บจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นเป็นอาหาร -ใช้กิน ตายอดซึ่งเรียกกันว่า 'หัวใจปาล์ม' กินเป็นผัก -ใช้ปลูกประดับ เป็นปาล์มที่หายากในการเพาะปลูก แต่ยังมีศักยภาพที่ดีเช่นเดียวกับปาล์ม ที่ใช้ในการจัดสวนและปลูกเลี้ยงเป็นไม้ประดับ ภัยคุกคาม---เนื่องจากพื้นที่การกระจายมีจำกัดมาก ล่าสุดมีเพียงรู้จักจากสองพื้นที่ ซึ่งหนึ่งในนั้นนับต้นไม้ได้ 40 ต้น ที่มีลำต้นแล้ว อีกประมาณหนึ่งร้อยต้น เป็นต้นอ่อนที่ไม่มีลำต้นและต้นกล้าหลายต้น ส่วนสถานที่ที่สองกำลังเริ่มสำรวจ ภัยคุกคามหลักของสายพันธุ์นี้คือการสูญเสียถิ่นที่อยู่ผ่านการกวาดล้างเพื่อการทำไร่หมุนเวียนและการทำไม้ ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์' สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (2019) *This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation! นี่คือต้นปาล์มที่แตกกอมันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของรากของแซกโซโฟน (มีส้นเท้า) รักษาส้นที่สามบนเหนือระดับดิน!*(แปลโดยกูเกิ้ล) ขยายพันธุ์---เมล็ด
Ravenea hildebrandtii/Dwarf Majesty Palm

-J.D. Andersens Nursery, Hawaii. Photo by Paul Craft. -Bill Austin's Garden, Hawaii. Photo by Jack Sayers. https://www.palmpedia.net/wiki/Ravenea_hildebrandtii ชื่อวิทยาศาสตร์---Ravenea hildebrandtii H.Wendl. ex C.D.Bouché. (1878) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See all The Plant List http://theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-177011 ---Ranevea hildebrandtii (H.Wendl. ex CDBouché) LHBailey. (1902). ชื่อสามัญ---Dwarf Majesty Palm ชื่ออื่น--- [Inazi (fide St John) which sounds suspiciously like Mnazi.] the Swahili name for coconut. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---RVNSS (Preferred name:Ravenea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---เกาะโคโมโรส นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลRaveneaนั้นอุทิศให้กับผู้ประกอบการชาวเยอรมันและหุ้นส่วน Louis Frederic Jacques Ravené (1823-1879) ศตวรรษที่ 19 ผู้สืบทอดตระกูล Huguenots ที่เคยลี้ภัยในกรุงเบอร์ลินเมื่อปี 1685 ; ชื่อสายพันธุ์ 'hildebrandtii' ได้รับเกียรติจากนักสำรวจและนักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน Johann Maria Hildebrandt (1847-1881) Ravenea hildebrandti เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Hermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน จากอดีต Carl David Bouché (1809–1881) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2421 ที่อยู่อาศัย เป็นพืชเฉพาะถิ่นมีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะโคโมโรส อยู่บนเกาะแกรนด์โคโมโร Moheli และ Anjouan นอกชายฝั่งของมาดากัสการ์ เติบโตในป่าชื้นบนดินที่เป็นด่าง ที่ระดับความสูง 600-900 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดเล็ก ไม่มีหนาม มีลำต้นตั้งตรงสูง 5-6 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 5-8 ซม. มีใบในมงกุฎ 18-22 ใบ รูปขนนก (pinnate) ทางใบยาว0.6-1.8 เมตร ก้านใบยาว 40ซม. ใบย่อยรูปใบหอกเชิงเส้น 20-50คู่ จัดเรียงกันในระนาบเดียวกัน ช่อดอกระหว่างใบ (interfoliar) ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ช่อดอกเพศผู้ยาวประมาณ 50 ซม.สีขาวหม่นมีกลิ่นหอมเล็กน้อย ช่อดอกเพศเมียมีความยาวมากกว่า 1 เมตร ผลรูปไข่ยาวประมาณ 1 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8 ซม.สีเหลืองเมื่อสุก มีเมล็ดรูปกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 ซม.1เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ชอบบริเวณที่มีร่มเงาและมีความชื้นสูง ดินเป็นด่างเล็กน้อยเติบโตได้ดีมากในพื้นที่ที่อบอุ่น เช่นใน Central Florida ศัตรูพืช/โรคพืช---เพลี้ยกระโดดHaplaxius (SYN. Myndus ) crudus Haplaxius sp. เป็นพาหะที่น่าสงสัยว่าเป็นพาหะของไฟโตพลาสมาที่มีสีเหลืองถึงตาย (LY) ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับเป็นปาล์มขนาดเล็กที่น่ารักซึ่งมีค่าเป็นไม้ประดับและมีศักยภาพในการจัดสวนมาก ดีเยี่ยมสำหรับสวนขนาดเล็กหรือในสนามหญ้าที่ได้รับการดูแล เหมาะสำหรับสวนที่มีสภาพภูมิอากาศแบบเขตร้อน / กึ่งเขตร้อน เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ Ravenea ที่เล็กที่สุด ในสมัยวิคตอเรียนี่เป็นสายพันธุ์ที่นิยมสำหรับการปลูกเป็นไม้ในร่มในยุโรป ภัยคุกคาม---เนื่องจากถิ่นที่อยู่ถูกจำกัดไม่มีการรวบรวมข้อมูลเป็นเวลานาน ป่าไม้ทั้งหมดในหมู่เกาะคอโมโรสถูกคุกคามอย่างรุนแรง ถูกจัดวางไว้ในIUCN Red List ประเภท''ใกล้สูญพันธุ์' สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (1998) *This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation! นี่คือต้นปาล์มที่แตกกอมันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของรากของแซกโซโฟน (มีส้นเท้า) รักษาส้นที่สามบนเหนือระดับดิน*(แปลโดยกูเกิ้ล) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในกางอก3 เดือน การเจริญเติบโตช้า
Ravenea julietiae

-Madagascar. Photo by Phil Arrowsmith. -Madagascar. Photo by Dr. Henk Beentje, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Ravenea_julietiae ชื่อวิทยาศาสตร์---Ravenea julietiae Beentje (1994). ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-177012 ชื่อสามัญ--- Julietiae Palm, Majesty Palm ชื่ออื่น---; [AFRIKAANS: Sindro madiniky (Betsimisaraka, Antanambe); Saroroira (Betsimisaraka, Ampasimanolotra); Vakapasy, Anive, Anivona (Tanala / Antaisaka).] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---RVNSS (Preferred name:Ravenea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์ตะวันออก นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลRaveneaนั้นอุทิศให้กับผู้ประกอบการชาวเยอรมันและหุ้นส่วน Louis Frederic Jacques Ravené (1823-1879) ศตวรรษที่ 19 ผู้สืบทอดตระกูล Huguenots ที่เคยลี้ภัยในกรุงเบอร์ลินเมื่อปี 1685 ; ชื่อสายพันธุ์ 'julietiae'ตั้งชื่อตามจูเลียตภรรยาของ Henk Jaap Beentje ซึ่งเป็นคนแรกที่ชี้ให้เห็นในสนาม Ravenea julietiae เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการค้นพบและอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Henk Jaap Beentje (เกิดปี 2494) นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์ ในปี พ.ศ.2537 ที่อยู่อาศัย พบเพียงไม่กี่ท้องที่ตามแนวชายฝั่งตะวันออกของมาดากัสการ์ ระหว่าง Mananara Avaratra และ Vangaindrano ซึ่งเติบโตในป่าฝนที่ลุ่มบนพื้นที่ลาดชันถึงชันเล็กน้อย ที่ระดับความสูงจากน้ำทะเลระหว่าง 50-900 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มขนาดกลาง สูงได้ถึง 3-10 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น10-15ซม.ลำต้นสีน้ำตาลเทา เนื้อไม้แข็งมากมีเส้นใยสีดำอยู่ใต้เปลือกไม้ มีใบในมงกุฎ 9-23ใบ ใบรูปขนนก (pinnate)โค้งอย่างสวยงามยาว 1.10 - 2.8 เมตร ก้านใบยาว 30-80 ซม.ใบยาว1.1-2.8เมตร ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) แยกเพศอยู่ต่างต้น ( dioecious) ช่อดอกเพศเมียมีลักษณะเฉพาะที่ตั้งขึ้นและยาวกว่าใบ เป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างจากสายพันธุ์อื่น ๆ ที่มีดอกเพศเมียโดดเดี่ยว แต่หลายช่อดอก แต่ละช่อยาวประมาณ0.90เมตร ผลรูปรี ขนาด 22-27 x 17-20 มม. มีเมล็ด 1เมล็ดขนาด 19-20 x 14-17 มม.เปลือกเมล็ดหนาสีดำ ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้งการตำแหน่งที่ร่มชื้น ดินมีการระบายน้ำดี การใช้ประโยชน์---พืชนี้เก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ประโยชน์จากไม้เนื้อแข็งในท้องถิ่น ลำต้นใช้ในการก่อสร้างบ้านและใช้เป็นท่อกลวงสำหรับท่อชลประทาน ใช้ปลูกประดับ---เป็นปาล์มที่หายาก ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับได้ทั่วไป ตามบ้าน ที่พักอาศัย สวนสาธารณะ และสวนทั่วไป เหมาะสำหรับการตกแต่งในที่ร่มและกลางแจ้ง ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามโดยการสูญเสียที่อยู่อาศัย ภัยคุกคามหลักของปาล์มชนิดนี้คือการสูญเสียถิ่นที่อยู่ผ่านการกวาดล้างเพื่อการทำไร่หมุนเวียนและการตัดโค่นต้นปาล์มเพื่อใช้เป็นวัสดุก่อสร้าง และอาจมีเพียง 50 ต้นที่เหลืออยู่ในป่า ถูกจัดวางไว้ในIUCN Red List 'ประเภทใกล้สูญพันธุ์' สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (2013) *This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation! นี่คือต้นปาล์มที่แตกกอมันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของรากของแซกโซโฟน(มีส้นเท้า)รักษาส้นที่สามบนเหนือระดับดิน!(แปลโดยกูเกิ้ล)* ขยายพันธุ์---เมล็ด
Ravenea lakatra/Ironwood Palm

-ฮาวาย. ภาพถ่ายโดย BGL -มานัมโบ, มาดากัสการ์ ภาพถ่ายโดย Dr. Henk Beentje จาก Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb ชื่อวิทยาศาสตร์---Ravenea lakatra (Jum.) Beentje (1994) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.info/tpl/record/kew-177014 ---Basionym: Louvelia lakatra Jum (1927) ชื่อสามัญ---Ironwood Palm ชื่ออื่น---; [MADAGASCAR: Tsilanitafika.];[MALAGASY: Manara.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---RVNSS (Preferred name:Ravenea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์ นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลRaveneaนั้นอุทิศให้กับผู้ประกอบการชาวเยอรมันและหุ้นส่วน Louis Frederic Jacques Ravené (1823-1879) ศตวรรษที่ 19 ผู้สืบทอดตระกูล Huguenots ที่เคยลี้ภัยในกรุงเบอร์ลินเมื่อปี 1685 ; ชื่อสายพันธุ์ 'lakatra' นำมาจากชื่อท้องถิ่น ; ในมาดากัสการ์ต้นปาล์มนี้มีชื่อพื้นเมืองว่า Tsilanitafika ซึ่งในภาษาอังกฤษแปลว่า "กองทัพไม่สามารถถูกตัดลงได้" เนื่องจากลำต้นของต้นปาล์มนี้มีความทนทานเป็นพิเศษ Ravenea lakatra เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Henri Lucien Jumelle (1866-1935) นักพฤกษศาสตร์ขาวฝรั่งเศสและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Henk Beentje (เกิดปี 2494) นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์ ในปี พ.ศ.2537 ที่อยู่อาศัย พืชเฉพาะถิ่นมาดากัสการ์ตะวันออกระหว่าง Masoala และ Vangaindrano เติบโตในป่าดงดิบชื้นบนเนินลาดกลางหรือยอดสันเขาเล็กน้อย ที่ระดับความสูง 50 - 1,200 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงถึง15 - 30 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 30 - 50 ซม ร่องรอยซากของกาบใบลักษณะเป็นขั้นระยะห่าง 7 ซม.สีน้ำตาลอ่อน ไม้แข็งมาก ใบรูปขนนก (pinnate) มีใบในมงกุฏขนาดใหญ่ 8 - 10 ใบ มีความยาวสูงสุด 3.5 เมตร ก้านใบยาว0.8-1.5เมตร ขนาดใบ ยาว1.5-2เมตร กว้าง1.2-1.5เมตร ด้านบนสีน้ำเงินเขียว ด้านล่างสีฟ้าเขึยว ใบกับก้านใบมีหนาม ช่อดอกแบบเพศเดียว เดี่ยว ออกระหว่างใบ (interfoliar) ยาวประมาณ 2 เมตร แตกแขนงออกเป็น 1 กิ่ง ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ช่อดอกเพศเมียออกเดี่ยวระหว่างใบก้านช่อยาว 82–130 ซม. ช่อดอกเพศผู้ ความยาว 92 ซม. ผลรูปกลมขนาด 15-20 x 18-21 มม. เมื่อสุกสีดำ เมล็ด 1-3 เมล็ดขนาด 9–10 × 5–10 มม.ส่วนปลายแหลมยาว 1.5 มม.มีเปลือกหนาสีดำ ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการตำแหน่งในดวงอาทิตย์เต็ม สามารถปรับตัวเข้ากับดินประเภทต่างๆได้ดี ชอบภูมิอากาศแบบเขตร้อน / กึ่งเขตร้อน อัตราการเจริญเติบโต ช้ามากในการพัฒนาลำต้น การใช้ประโยชน์---พืชถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเพื่อใช้ในท้องถิ่นเป็นอาหารและเป็นแหล่งของวัสดุทอ -ใช้กิน ตายอดซึ่งมักเรียกกันว่า 'หัวใจปาล์ม' กินเป็นผัก -อื่น ๆ ไม้เนื้อแข็งมากเนื้อไม้มีสีขาวนวลมีชั้นเส้นใยสีดำ ใบใช้สำหรับทอหมวก,ทอผ้าคุณภาพสูงและหัตถกรรมอื่น ๆ ภัยคุกคาม---เนื่องจากพบได้ในปริมาณน้อยประชากรคาดว่าจะมีต้นไม้ที่โตเต็มที่เพียง 30 ต้นเท่านั้นในพื้นที่เพียงไม่กี่แห่ง ซึ่งหลายแห่งถูกทำลายอย่างรวดเร็ว ภัยคุกคามหลักของสายพันธุ์นี้คือการสูญเสียถิ่นที่อยู่ผ่านการกวาดล้างเพื่อการทำไร่หมุนเวียนและการตัดไม้และเก็บเกี่ยวใบเพื่อใช้ในการทอผ้า การเก็บเกี่ยวมากเกินไปกระทบต่อผลผลิตของสายพันธุ์ ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต' สถานะการอนุรักษ์---CR- CRITICALLY ENDANGERED - IUCN Red List of Threatened Species (2012) *This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation! นี่คือต้นปาล์มที่แตกกอมันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของรากของแซกโซโฟน (มีส้นเท้า) รักษาส้นที่สามบนเหนือระดับดิน! (แปลโดยกูเกิ้ล)* ระยะออกดอก/ติดผล---กรกฎาคม - กันยายน/ตุลาคม - กุมภาพันธ์ ขยายพันธุ์---เมล็ด
Ravenea xerophila/Anivona Palm.

-Antanimora, Madagascar. -Photo by Dr. Henk Beentje, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Ravenea_xerophila ชื่อวิทยาศาสตร์---Ravenea xerophila Jum. (1933) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.info/tpl/record/kew-177026 ชื่อสามัญ---Anivona Palm. ชื่ออื่น---; [MADAGASCAR: Ahaza, Anivo, Anivona (Malagasy).]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---RVNSS (Preferred name:Ravenea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์ นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสายพันธุ์ 'xerophila'คือการรวมกันของคำคุณศัพท์กรีก“ ξηρός” (xerós) = แห้งและของคำสำคัญ“ φίλος” (philos) = เพื่อน หมายถึง "ความรักที่แห้งแล้ง" (J. Dransfield และ H. Beentje. 1995) Ravenea xerophila เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Henri Lucien Jumelle (1866-1935) นักพฤกษศาสตร์ขาวฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2476 ที่อยู่อาศัย เป็นปาล์มเฉพาะถิ่น อยู่ในพื้นที่แห้งแล้งทางใต้ของมาดากัสการ์ระหว่าง Ampanihy และ Ampingaratra Mts เกิดขึ้นในป่าดิบแล้งบนดินทรายและหิน ที่ระดับความสูง 200 -700 เมตร ลักษณะ เป็นสายพันธุ์ Ravenea ที่แปลกประหลาดที่สุดและหายากที่สุดของต้นปาล์มทั้งหมดของสายพันธุ์นี้ ซึ่งมีการพัฒนาระบบรากที่มีเนื้อสีขาว ขนาดใหญ่และแข็งแรง เป็นที่เก็บน้ำ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดกลางไม่มีหนาม สูง 1.5-8 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 13-30 ซม. ที่โคนต้นขยายกว้าง ปลายครึ่งบนของลำต้น (หรือในต้นไม้ขนาดเล็กทั่วทั้งลำต้น) ปกคลุมด้วยเศษกาบใบที่อัดแน่น ถึงใกล้มงกุฎ เปลือกต้นสีน้ำตาล รอยแผลเป็นระยะห่าง 2.5-8 ซม รอยแผลเป็นที่ปม 0.5-1 ซม. บางครั้งมีเศษเปลือกที่ขาดรุ่งริ่งปรากฏเป็นเกลียวไม้เนื้อแข็ง ลำต้นบางครั้งผลิตสารที่มีลักษณะคล้ายน้ำยางสีเหลืองเมื่อเฉือน มีใบ (11-) 18-22 ในมงกุฏ ใบรูปขนนก (pinnate) ทางใบเป็นซุ้มโค้งคันศรอย่างสง่างามยาว1.6-2 เมตร ก้านใบยาว 22-60 ซม ใบย่อย 47-55ใบเรียงสลับในแต่ละด้าน ด้านบนสีเขียวอ่อน ด้านล่างสีเทาเงิน ใบเก่าเหี่ยวแห้งติดคาต้น ผลัดใบใหม่ได้รวดเร็ว ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้นเป็นต้นไม้เพศผู้ และต้นไม้เพศเมีย (dioecious) ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ช่อดอกเพศผู้สีขาว ยาว 55-58 ซม.ช่อดอกเพศเมียยาว 60-80 ซม.ผลรูปกลมเมื่อสุกสีเหลือง ขนาด 2-2.5 ซม. มี 1-3 เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---สายพันธุ์ Ravenea ที่หายาก นี่อาจจะเป็นสายพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเพาะปลูกเพราะมันเติบโตในที่แห้งแล้งและเป็นปาล์มที่สวยงามเป็นพิเศษ เจริญเติบโตช้าต้องการตำแหน่งในดวงอาทิตย์เต็ม สามารถปรับตัวเข้ากับดินประเภทต่างๆได้ดี ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -5 องศา C การใช้ประโยชน์--- คนในท้องถิ่นรวบรวมใบย่อยปาล์มด้วยมือเพื่อสานเสื่อ ถาด หมวกและตะกร้า -ใช้ปลูกประดับ การใช้ในงานจัดสวน เหมาะสำหรับสวนแบบทะเลทรายเนื่องจากมีความต้านทานต่อความแห้งแล้งสูง ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามที่อยู่อาศัยซึ่งกำลังลดลง จากการการผลิตถ่านและปศุสัตว์ และถูกคุกคามโดยความถี่ที่เพิ่มขึ้นของไฟในพื้นที่ มีต้นไม้ที่เหลือ 65 ต้นที่เห็นลำต้น และต้นกล้า 80 ต้น ถูกจัดอยู่ใน IUCN Red List ประเภท 'ความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ในธรรมชาติ' สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE - IUCN. Red List of Threatened Species (2012 ) *This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation! นี่คือต้นปาล์มที่แตกกอมันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของรากของแซกโซโฟน (มีส้นเท้า) รักษาส้นที่สามบนเหนือระดับดิน! (แปลโดยกูเกิ้ล)* ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้ระยะเวลาในการงอก 1-3 เดือน
|
สกุล Rhapidophyllum (rap-ih-doh-FIL-lum) เป็น Monotypic genus มีสายพันธุ์เดียวคือ Rhapidophyllum hystrix หรือ Needle Palm พบตามชายฝั่งของอ่าวตะวันออกค่อนข้างร้อนและรัฐมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา พืชเฉพาะถิ่นพบได้จากทางตะวันออกเฉียงใต้ชายฝั่งเซาท์แคโรไลนา , ใต้ฟลอริด้าและทางทิศตะวันตกข้ามที่ราบชายฝั่งของแม่น้ำมิสซิสซิปปีและภาคใต้ของอลาบามา เป็นหนึ่งในปาล์มที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกและสามารถปลูกได้ในหลายพื้นที่ที่มีภูมิอากาศในเขตอบอุ่น และเขตร้อน
Rhapidophyllum hystrix/Needle Palm

-"A multiheaded Rhapidophyllum hystrix" Photo by H.P. Leu Gardens Botonist Eric S. -Laurens Co., GA. Oconee River Floodplain, River Bend Wildlife Management Area. Close-up of a staminate inflorescence. Photo by Cressler, Alan. -https://www.palmpedia.net/wiki/Rhapidophyllum_hystrix ชื่อวิทยาศาสตร์---Rhapidophyllum hystrix (Fraser ex Thouin) H.Wendl. & Drude (1876) ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-177950 ---Basionym: Corypha hystrix Fraser ex Thouin.(1803) ---Chamaerops hystrix (Fraser ex Thouin) Pursh.(1813) ---Rhapis caroliniana Kunt. (1841) ---Sabal hystrix (Fraser ex Thouin) Nutt.(1822) ชื่อสามัญ--Needle Palm, Porcupine palm, Blue Palmetto, Creeping Palmetto ชื่ออื่น--; [FRENCH: Palmier a aiguilles, Palmier porc-épic.];[GERMWN: Nadelpalme.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---RPMHY (Preferred name: Rhapidophyllum hystrix.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---สหรัฐอเมริกา (เซาท์แคโรไลนา , ฟลอริด้า, อลาบามา มิสซิสซิปปี) นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Rhapidophyllum มาจากภาษากรีก 'rhaphis'แปลว่า เข็ม และ 'phyllon' หมายถึง ใบไม้ สำหรับอวัยวะที่คล้ายเข็มของแผ่่นใบ ; ชื่อสายพันธุ์จากภาษากรีก 'hystrix' หมายถึง 'เม่น' อ้างอิงถึงเงี่ยงเหมือนเข็มที่ผลิตที่ฐานก้านใบ ด้วยเหตุผลที่คล้ายกันบางครั้งเรียกว่า Porcupine palm Rhapidophyllum hystrix เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย John Fraser (1750-1811) นักพฤกษศาสตร์ชาวสก็อตจากอดีต Andre Thouin ( 1747-1824 ) นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศสและได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยHermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันและCarl Georg Oscar Drude (1852–1933) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ. 2419

-H.P. Leu Gardens, Orlando, FL. 2004. Photo by Frank. -Houston, TX. Photo by Wasowski, Sally and Andy. -https://www.palmpedia.net/wiki/Rhapidophyllum_hystrix ที่อยู่อาศัย มีถิ่นกำเนิดในป่าชื้น ในหุบเขาและลำธาร ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา (เซาท์แคโรไลนา จอร์เจีย อลาบามา และมิสซิสซิปปี) ลักษณะ เป็นปาล์มที่มีลักษณะคล้ายไม้พุ่ม เจริญเป็นกอๆ สูงได้ถึง2-3เมตร ลำต้นเกิดจากฐานเดียว (เหง้า)ขนาด8-10ซม.และแตกแน่นเข้าด้วยกันในที่สุดกลายเป็นฐานที่หนาแน่นขนาด1-1.2เมตร มีหนามแหลมคล้ายเข็มจำนวนมาก ที่ผลิตระหว่างกาบใบ หนามยาวถึง 10-15ซม.เพื่อป้องกันจุดเจริญเติบโตของลำต้นจากการสำรวจของสัตว์ ใบเป็นรูปพัด (palmate) ก้านใบยาว 1.2-1.4 เมตร แต่ละใบยาวไม่เกิน 2 เมตร สีเขียวมันวาว ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ออกเป็นกระจุกสั้นหนาแน่นด้านบนของลำต้น ดอกสีเหลืองน้ำตาล ผลมีเนื้อ สีน้ำตาลแดงเมื่อสุกขนาด 2 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดจัดไปถึงร่มเงาบางส่วน ความต้องการน้ำโดยเฉลี่ยอย่างสม่ำเสมอ ดินเหนียว ดินร่วน ทราย โปร่งระบายน้ำดี pH 6.1-7.8 ศัตรูพืช/โรคพืช---ไม่มีปัญหาเรื่องโรคหรือศัตรูพืชร้ายแรง การใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประกับ เป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบปาล์ม และนักสะสม ในสหรัฐอเมริกามีการปลูกต้นปาล์มเข็มขึ้นเหนือไปตามชายฝั่งตะวันออกไปจนถึงลองไอส์แลนด์ซาวด์และตามชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาไปทางเหนือจนถึงซีแอตเทิลวอชิงตัน ตัวอย่างขนาดใหญ่ที่ดีมีการเติบโตในรัฐเทนเนสซี , ภาคใต้หุบเขาโอไฮโอและวอชิงตันดีซีในสหรัฐอเมริกาสวนรุกขชาติแห่งชาติตั้งแต่ปี 1960 และเมื่อเร็ว ๆ นี้ในชายฝั่งนิวยอร์คที่ Brooklyn Botanic Gardens และใน Boothbay Harbor Maine และได้กลายเป็นหนึ่งในปาล์มจัดสวนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในพื้นที่ Chesapeake Bay ของรัฐแมรี่แลนด์. รู้จักอันตราย---พืชมีหนามหรือขอบแหลมคม ใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งในการจัดการ ระยะออกดอก---มิถุนายน-กรกฏาคม ขยายพันธุ์---จากหน่อหรือเมล็ด เมล็ดใช้ระยะเวลาในการงอก 6-12 เดือน
|
สกุล Rhopaloblaste (roh-pah-loh-BLAHS-teh) เป็นประเภทปาล์มพื้นเมือง ในหมู่เกาะนิโคบาร์ คาบสมุทรมลายูและสิงคโปร์ หมู่เกาะโมลุกกะนิวกีนี และหมู่เกาะโซโลมอน สกุลที่ใกล้ชิด Dictyosperma (สกุล Princess palm.) มี 6 สายพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับดังต่อไปนี้ (แสดงในหน้านี้ 3 สายพันธุ์) 1 Rhopaloblaste augusta (Kurz) HEMoore - หมู่เกาะนิโคบาร์ 2 Rhopaloblaste ceramica (Miq.) Burret - New Guinea, Maluku 3 Rhopaloblaste elegans H.E.Moore - หมู่เกาะโซโลมอน 4 Rhopaloblaste gideonii Banka - ไอร์แลนด์ (Ireland Baru) 5 Rhopaloblaste ledermanniana Becc. - นิวกินี 6 Rhopaloblaste singaporensis (Becc.) Hook.f. - สิงคโปร์และคาบสมุทรมาเลเซีย
Rhopaloblaste augusta/Nicobar Majestic Palm

-Singapore Botanic Gardens. Photo by Paul Craft. -Sri Lanka. Photo by Philippe. -https://www.palmpedia.net/wiki/Rhopaloblaste_augusta ชื่อวิทยาศาสตร์---Rhopaloblaste augusta (Kurz) H.E. Moore (1970) ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-178276 ---Basionym: Areca augusta Kurz (1875) ---Ptychoraphis augusta (Kurz) Becc.(1885) ชื่อสามัญ---Nicobar Majestic Palm. ชื่ออื่น---None.(Not recorded) ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---RPBAU (Preferred name: Rhopaloblaste augusta.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย เขตกระจายพันธุ์---หมู่เกาะนิโคบาร์ในมหาสมุทรอินเดีย นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Rhopaloblaste เป็นการรวมกันของคำภาษากรีก"ρόπαλον" (rhopalon) = กระบองและ "βλαστός" (blastos) = ตัวอ่อน อ้างอิงถึงตัวอ่อนขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนกระบอง ; ชื่อสายพันธุ์คือคำคุณศัพท์ภาษาละติน = ''augustus, a, um'' august, majestic Rhopaloblaste augusta เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Wilhelm Sulpiz Kurz (1834-1878) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Harold Emery Moore (1917–1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ. 2513

-Hilo Hatties in Hilo, Hawaii. Photo by Dr. George M. Peavy. -Sri Lanka. Photo by Philippe. -https://www.palmpedia.net/wiki/Rhopaloblaste_augusta ที่อยู่อาศัย หมู่เกาะนิโคบาร์อินเดียทางตอนเหนือของเกาะสุมาตราในทะเลอันดามัน ลักษณะ เป็นปาล์ม ต้นเดี่ยว สายพันธุ์เดียวที่ไม่มีหนาม ลำต้นสูงถึง 15-25 เมตรเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 20-30 ซม. ผิวลำต้นสีน้ำตาลเมื่ออายุยังน้อย และกลายเป็นสีเทาเมื่อต้นอายุมากขึ้น สามารถมองเห็นรอยแผลเป็นวงแหวนจากใบที่หลุดร่วง คอใบยาว 50-60 ซม. ก้านใบสั้น ยาว8-10ซม.ปกคลุมด้วยเกล็ดสนิมเล็ก ๆ ใบประกอบแบบขนนก (pinnate) ยาว3-4เมตร ใบย่อย90-100ใบในแต่ละด้าน กระจายในระนาบเดียว ช่อดอกออกใต้ใบใกล้คอยอด (infrafoliar) ช่อดอกยาว 40-60 ซม. ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่บนต้นเดียวกัน (monoecious) ดอกจัดเรียงเป็นกลุ่มๆละ 3 ดอก (ดอกเพศเมียอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) สีเขียว ผลรูปไข่ยาว 2.4-2.6 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลางผล 1.2 - 1.5 ซม. สีส้มถึงแดงเมื่อสุก มีเมล็ดรูปรี 1 เมล็ด ขนาด ยาว 5 ซม.เส้นผ่านศูนย์กลาง1 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม--- ต้องการแสงแดดจัด ไม่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับดิน ดินชื้นสม่ำเสมอ เหมาะปลูกลงแปลงกลางแจ้งตามพื้นลาดเอียงเพื่อให้มีการระบายน้ำดี เป็นสายพันธุ์ที่ทนทานต่อความเย็นที่สุดของ Rhopaloblaste อัตราการเจริญเติบโต เร็ว ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นสายพันธุ์ที่ปลูกกันอย่างแพร่หลายมากที่สุดเพื่อการประดับของ Rhopaloblaste นิยมนำมาใช้จัดสวนในเขตร้อนชื้นและเขตกึ่งร้อน ใช้ในงานตกแต่งภูมิทัศน์ มักปลูกเป็นกลุมในระดับความสูงที่แตกต่างกันตามสวนสาธารณะและสวนขนาดใหญ่ หรือตามแนวริมถนน -อื่น ๆ ลำต้นถูกนำมาใช้ สร้างโครงสร้างของหลังคาของบ้านโดยประชากรในท้องถิ่น ภัยคุกคาม---ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามจากกิจกรรมการตัดไม้และการเพิ่มการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภทมีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์โดยผิดธรรมชาติ (เกิดจากมนุษย์) สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE - IUCN. Red List of Threatened Species (1998) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 6 เดือนหรือมากกว่านั้น
Rhopaloblaste ceramica/Majestic Palm

-Singapore. Photo by zqqyjml -Lae International Hotel, Morobe, Papua New Guinea. Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb.http://www.palmpedia.net/wiki/Rhopaloblaste_ceramica ชื่อวิทยาศาสตร์---Rhopaloblaste ceramica (Miq.) Burret (1928) ชื่อพ้อง---Has 5 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-178278 ---Bentinckia ceramica Miq.(1868 ) ---Cyrtostachys ceramica (Miq.) H.Wendl.(1878) ---Rhopaloblaste dyscrita H.E.Moore (1970) ---Rhopaloblaste hexandra Scheff.(1876) ---Rhopaloblaste micrantha Burret (1940) ชื่อสามัญ---Majestic Palm, Ceram Palm. ชื่ออื่น---; [CHINESE: Ni bing lang .];[INDONESIA: Ahad (Buru dialect), Henahena (Ternate dialect), Ogulubenge (Tobaro dialect), Akelamo Oba (Maluku).] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---RPBCE (Preferred name: Rhopaloblaste ceramica.) ถิ่นกำเนิด---โอเชียเนีย เขตกระจายพันธุ์---นิวกินี โมลุกกะ อินโดนีเซีย นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Rhopaloblaste เป็นการรวมกันของคำภาษากรีก"ρόπαλον" (rhopalon) = กระบองและ "βλαστός" (blastos) = ตัวอ่อน อ้างอิงถึงตัวอ่อนขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนกระบอง ; ชื่อสายพันธุ์ 'ceramica' บ่งบอกถึงที่มาจากเกาะ Ceram,Moluccas ซึ่งถูกค้นพบในขั้นต้น Rhopaloblaste ceramica เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Friedrich Anton Wilhelm Miquel (1811–1871) นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Carl Ewald Maximilian Burret (1883–1964) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ. 2471
-Putrajaya Botanical Gardens, Putrajaya, Malaysia. (Taman Botani Putrajaya). Photo by Ahmad Fuad Morad. -Putrajaya Botanical Gardens, Putrajaya, Malaysia. (Taman Botani Putrajaya). Photo by Ahmad Fuad Morad. -http://www.palmpedia.net/wiki/Rhopaloblaste_ceramica ที่อยู่อาศัย เติบโตบนเกาะ Ceram ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย พบในพื้นที่ลุ่มมีการระบายน้ำดีสู่ป่าดิบเขาชั้นต้น ในพื้นที่บนแนวปะการังที่แตกหักจนถึงดินภูเขาไฟสีดำที่ระดับความสูง 35 - 900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงได้ถึง 35 เมตร ขนาดเส้นผ่านศุนย์กลางลำต้น 15-35 ซม.ลำต้นหยาบสีเทามีร่องรอยวงแผลเป็นสีน้ำตาลระยะห่าง12-14ซม. crownshaft ยาว 1.3-1.5เมตร กว้าง 25-40 ซม. มีใบในมงกุฎ 15-17 ใบ กาบใบยาว 1.2 - 1.5 เมตร.ใบรูปขนนก(pinnate) ก้านใบสั้น ทางใบมีความยาว 3-4 เมตร สีขาวอมน้ำตาล ใบย่อยรูปขอบขนานเชิงเส้น100-120 คู่ เรียงในระนาบเดียวไม่เป็นระเบียบ พื้นผิวด้านข้างไปยังด้านบนของก้านใบสีเขียวเข้มมีเกล็ดสีน้ำตาลเข้มคล้ำอยู่ใกล้กับฐานของใบย่อย ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) ช่อดอกขนาดใหญ่ออกใต้ใบ (infrafoliar) ยาว 0.55 - 1.30 เมตรแตกเป็น 3 ช่อ.แผ่กระจาย1-1.5 เมตร ผลรีรูปไข่ ผลอ่อนสีเหลืองเมื่อสุกสีแดง ขนาด 3-3.5ซม. มีเมล็ด1 เมล็ดสีน้ำตาลเข้มยาว 3.1 ซม.กว้าง 1.6 ซม.Rhopaloblaste ceramica เป็นปาล์มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสกุลนี้และสามารถแยกแยะได้ง่ายด้วยผลขนาดใหญ่ที่ไม่สมมาตร ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่ ไม่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับชนิดของดินแต่ชอบดินชื้นสม่ำเสมอและระบายน้ำได้ดี ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง 10องศา C ในช่วงสั้นๆ เป็นปาล์มที่ปลูกได้ง่ายและโตเร็วสำหรับเขตร้อน การใช้ประโยชน์--หัวใจปาล์มสามารถกินได้เป็นผัก ไม้ใช้สำหรับหัวลูกศรและกระดานสำหรับบ้าน -ใช้ปลูกประดับ เป็นที่นิยมเพาะปลูกและใช้เป็นไม้ประดับในเอเชียใต้ ขยายพันธุ์---เมล็ด
Rhopaloblaste singaporensis/ Walking Stick Palm

-Kepong, Selangor, Malaysia. -Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -Singapore. Photo by Dr. Scott Zona. -https://www.palmpedia.net/wiki/Rhopaloblaste_singaporensis ชื่อวิทยาศาสตร์---Rhopaloblaste singaporensis (Becc.) Benth. & Hook.f.(1883) ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-178290 ---Drymophloeus singaporensis (Becc.) Hook.f.(1884) ---Ptychoraphis longiflora Ridl.(1904) ---Ptychoraphis singaporensis (Becc.) Becc.(1885) ---Ptychosperma singaporensis Becc.(1877) ชื่อสามัญ---Walking Stick Palm, Singapore Walking Stick Palm, Kerinting palm, Malaysian walking stick palm ชื่ออื่น---;[INDONESIA: Kerintin.];[JAPANESE: Himenikoparuyashi, Shingapôruyashi.];[MALAYSIA: Kerinting, Rinting.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---RPBSI (Preferred name: Rhopaloblaste singaporensis.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย เขตกระจายพันธุ์---มาเลเซีย สิงคโปร์ นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Rhopaloblaste เป็นการรวมกันของคำภาษากรีก"ρόπαλον" (rhopalon) = กระบองและ "βλαστός" (blastos) = ตัวอ่อน อ้างอิงถึงตัวอ่อนขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนกระบอง ; ชื่อสายพันธุ์คือคำคุณศัพท์ภาษาละติน "singaporensis" = ของสิงคโปร์โดยมีการอ้างอิงที่ชัดเจน Rhopaloblaste singaporensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลีได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย George Bentham (1800-1884) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษและ Sir Joseph Dalton Hooker (1817-1911) นักพฤกษศาสตร์นักชีววิทยาและศัลยแพทย์ชาวอังกฤษ ในปี พ.ศ.2426

-Singapore. Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -Singapore. Photo by Chow Khoon Yeo. -https://www.palmpedia.net/wiki/Rhopaloblaste_singaporensis ที่อยู่อาศัย ถิ่นกำเนิดที่อยู่จำกัดเฉพาะสิงคโปร์และมาเลเซีย ในมาเลเซียพบบ่อยที่สุดในยะโฮร์ จากปะหัง เประ และพื้นที่ใกล้อีโปะห์ พบในป่าเต็งรังที่ระดับความสูง 180 เมตรจากระดับน้ำทะเล ลักษณะ เป็นสายพันธุ์เดียวของ Rhopaloblaste ที่มีการจัดกลุ่มลำต้น ลักษณะลำต้นตั้งตรง สเลนเดอร์ มีไม่กี่ลำต้น สูงถึง 3-5 ม. ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 2 - 4 ซม.สีเทาหรือน้ำตาล มีวงรอยแผลเป็นของใบที่ร่วง เด่นชัด ระยะห่าง 3 - 5 ซม. ในมงกุฎมี 5-8ใบ ใบรูปขนนก (pinnate) มีการแบ่งละเอียดมากสีเขียวมันวาว ทางใบยาว 60-70 ซม. คลุมด้วยเกล็ดสีน้ำตาล ฐานทางใบยังคงแห้งเป็นเวลานานหลังจากใบตายทับซ้อนกัน และครอบคลุมส่วนปลายของลำต้นยาวเหยียด ช่อดอกออกใต้คอยอด (infrafoliar) ยาว 20-35 ซม.ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่บนต้นเดียวกัน (monoecious) ดอกจัดเรียงเป็นกลุ่มๆละ 3 ดอก (ดอกเพศเมียอยู่ระหว่างดอกเพศผู้สองดอก) ยกเว้นในส่วนขั้วของ rachillae (การแตกกิ่งรองของช่อดอก) ที่มีเฉพาะดอกเพศผู้ที่อยู่โดดเดี่ยวหรือเป็นคู่ ผล ยาว 1-1.5 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8ซม.. สีส้มเหลืองถึงแดงเมื่อสุก มี1เมล็ด เมล็ดสีน้ำตาลเหลืองยาว 6 - 7 มม.เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.6 - 0.7 มม ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ปลูกเลี้ยงได้เฉพาะในเขตภูมิอากาศกึ่งเขตร้อนชื้นและเขตร้อนชื้น ในตำแหน่งที่มีที่กำบังลมและร่มเงาบางส่วน หรือแสงแดดจัด ต้องการดินร่วนที่ชื้นสม่ำเสมอมีการระบายน้ำดี และมีความชื้นในอากาศสูง การใช้ประโยชน์---ใช้กิน บางครั้งผลนั้นใช้เคี้ยว กินแบบ หมากพลู (Areca catechu) -ใช้ปลูกประดับ เหมาะสำหรับสวนขนาดเล็กเนื่องจากมีขนาดไม่ใหญ่โตมาก สวยกระทัดรัด ตอนเป็นปาล์มต้นน้อยปลูกเป็นไม้กระถางตกแต่งภายในได้ดี -อื่น ๆ ลำต้นใช้สำหรับทำที่จับและทำไม้เท้ามากที่สุด เลยได้ชื่อสามัญ Walking Stick Palm ตามนั้น ภัยคุกคาม---เนื่องจากการกระจายที่ค่อนข้างกว้าง R. singaporensis ไม่อาจถูกคุกคามในระดับโลกภายใต้เกณฑ์ของ IUCNถูกวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความเสี่ยงต่ำกว่า/ขึ้นอยู่กับการอนุรักษ์ ' สถานะการอนุรักษ์---Lower Risk/conservation dependent - IUCN Red List of Threatened Species (1998) การอนุรักษ์---ในขณะที่ประชากรมาเลเซียบางส่วนเกิดขึ้นในพื้นที่คุ้มครอง แต่ช่วงของสายพันธุ์ก็ลดลงอย่างมาก ปัจจุบันมีการแพร่กระจายอย่างเบาบางในสิงคโปร์ (Loo, pers. comm.) และประชากร Perak ถูกคุกคามอย่างสูง (Saw, pers. comm.) (R. Banka และ WJ Baker. 2004)/Palmweb. ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 3-4 เดือน
|
สกุล Sabinaria (Sah-bih-nah-REE-ah) เป็นปาล์มสกุลใหม่ (Cryosophileae, Coryphoideae, Arecaceae) เป็น Monotypic genus มีเพียง1สายพันธุ์ในสกุล คือ Sabinaria magnifica หรือเรียกว่า Girasol Palm มีถิ่นกำเนิดใน Darién Gap ที่ชายแดนระหว่างโคลัมเบียและปานามา แม้ว่าจะเป็นที่รู้จักกันในหมู่คนขับล่อในท้องถิ่น แต่สายพันธุ์นี้ได้รับการเก็บรวบรวมเป็นครั้งแรกในเดือนเมษายน 2013 โดย Saúl Hoyos และอธิบายทางวิทยาศาสตร์โดยผู้เชี่ยวชาญปาล์มโคลอมเบีย Gloria Galeano และ Rodrigo Bernal ที่ตั้งชื่อสกุล Sabinaria ตามชื่อลูกสาวของพวกเขา Sabina Bernal Galeano มันได้รับการอธิบายว่าเป็น "ต้นปาล์มโคลัมเบียที่สวยที่สุด" สกุลที่มีความสัมพันธุ์ใกล้ชิดคือสกุลItaya
Sabinaria magnifica/Girasol Palm

-Capurganá, โคลัมเบีย ภาพถ่ายโดย Ibguomeva -https://www.palmpedia.net/wiki/Sabinaria_magnifica ชื่อวิทยาศาสตร์---Sabinaria magnifica Galeano & R.Bernal (2013) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name. ชื่อสามัญ---Girasol Palm ชื่ออื่น---; [SPANISH: Sabinaria.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์--โคลัมเบีย ปานามา นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลตั้งชื่อตามลูกสาวของผู้ค้นพบ Gloria Galeano และ Rodrigo Bernal; Sabina Bernal Galeano (1995-) ที่มีคำต่อท้าย –ria ถูกเลือกโดยพลการ ตามศิลปะ 20 แห่งประมวลกฎหมายการตั้งชื่อสากล (McNeill et al. 2012) ; ชื่อสายพันธุ์จากภาษาละติน 'magnifica' หมายถึงลักษณะที่สวยงามอย่างยอดเยี่ยมของปาล์ม Sabinaria magnifica เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Gloria Amparo Galeano Garcés (1958–2016) นักพฤกษศาสตร์และนักปฐพีวิทยาชาวโคลอมเบีย และ Rodrigo Bernal González (เกิด1959 )นักพฤกษศาสตร์ชาวโคลอมเบีย ในปี พ.ศ.2556

-Capurganá, โคลัมเบีย ภาพถ่ายโดย Ibguomeva -https://www.palmpedia.net/wiki/Sabinaria_magnifica -S. magnifica -ช่อดอก Photo:http://www.pacsoa.org.au -http://www.pacsoa.org.au/wiki/File:Sabinaria_magnifica05.jpg ที่อยู่อาศัยและการกระจาย เป็นที่รู้จักเฉพาะในพื้นที่เล็ก ๆ ที่ฐานของ Serranía del Dariénใน Department of Chocó ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโคลัมเบียระหว่างระดับความสูง 100-250 เมตร.ในป่าอบอุ่นชื้น ซึ่งห่างจากชายแดนโคลัมเบีย - ปานามาน้อยกว่าหนึ่งกิโลเมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูง 1-6 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 9–12 ซม. สีน้ำตาลอ่อนผิวเรียบมีแผลเป็นจากใบไม่เด่น มีใบในมงกุฎ 20-35ใบ ใบรูปพัด (palmate) ความยาวรวมของกาบใบและก้านใบประมาณ 3.2 เมตร ความกว้างของแผ่นใบ 1.4-1.6 เมตร ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนลึกลงไปจนถึงโคนใบมีลักษณะคล้ายผีเสื้อ ด้านบนใบสีเขียวมันวาว ด้านล่างใบสีขาวเงิน ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ยาวประมาณ 30 ซม.ดอกแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน (monoecious) ผลิตดอกไม้ทั้งเพศผู้และเพศเมียสีขาว ดอกเพศผู้อยู่ที่ปลายช่อดอก ในขณะที่ ดอกเพศเมีย อยู่ใกล้กับฐานและล้อมรอบไปด้วยกาบขนาดใหญ่ ผลไม้อัดแน่นและซ่อนอยู่ตามโคนใบ มักมีเศษขยะปกคลุม ผลอ่อนสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลือง และสีดำเมื่อสุก ขนาด กว้าง 3-3.6 ซม. ยาว 3.6-4.4 ซม.มีเมล็ด 1เมล็ด ขนาดกว้าง 2.2-2.3 ซม.ยาว2.4-2.7ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---มีแนวโน้มว่าจะทำได้ดีในสภาพอากาศแบบเขตร้อนชื้น อาศัยอยู่ในความชื้นที่ร่มรื่น ไม่ค่อยมีใครรู้จักปาล์มนี้มากนักเนื่องจากเพิ่งอธิบายครั้งแรกในปี 2013โดยทีมนักพฤกษศาสตร์ชาวโคลอมเบีย ซึ่งรวมถึงกลอเรีย กาเลอาโน และโรดริโก เบอร์นัล การใช้ประโยชน์---Sabinaria magnifica นั้นยอดเยี่ยมไม่แพ้ต้นปาล์มประดับที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดชนิดหนึ่งของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย (RPS.com) -อื่น ๆใบไม้ถูกใช้อย่างไม่ตั้งใจเหมือนร่ม ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามจากกิจกรรมการตัดไม้และการเพิ่มการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง ถูกจัดวางไว้ใน National Red List of Colombia ประเภทมีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์โดยผิดธรรมชาติ (เกิดจากมนุษย์) สถานะการอนุรักษ์---National Red List of Colombia (2021): VU B1ab(iii). ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล saribus (sahr-EE-buhs) เป็นประเภทของปาล์มพื้นเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ , Papuasia และ หมู่เกาะแปซิฟิก เป็นปาล์มพัด (costapalmate) ทีมีใบกับก้านใบมีหนาม Livistona มีความสัมพันธ์กับสกุล Saribus และ Saribus ถูกรวมอยู่ใน Livistona อย่างไรก็ตามการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้สนับสนุนการแยกของทั้งสองกลุ่มในเดือนกันยายน 2554 หลังจากการวิจัยดีเอ็นเอการจัดประเภทใหม่จากLivistona สู่การฟื้นคืนชีพของ Saribus เป็นทางการ ชื่อสายพันธุ์ที่ยอมรับได้ (แสดงในหน้านี้ 1 สายพันธุ์) 1 Saribus brevifolius (Dowe & Mogea) Bacon & W.J.Baker - เกาะราชาอัมพัตในอินโดนีเซีย 2 Saribus chocolatinus (Dowe) Bacon & W.J.Baker - ปาปัวนิวกินี 3 Saribus jeanneneyi (Becc.) Bacon & W.J.Baker -นิวแคลิโดเนีย 4 Saribus merrillii (Becc.) Bacon & W.J.Baker - ฟิลิปปินส์ 5 Saribus papuanus (Becc.) Kuntze - นิวกินี 6 Saribus rotundifolius (Lam.) Mart. – An?haw - ฟิลิปปินส์ สุลาเวสี โมลุกุ (ดูที่ปาล์ม5ปาล์มยะวา Livistona ) 7 Saribus surru (Dowe & Barfod) Bacon & W.J.Baker - ปาปัวนิวกินี 8 Saribus tothur (Dowe & Barfod) Bacon & W.J.Baker -นิวกินี 9 Saribus woodfordii (Ridl.) Bacon & W.J.Baker - นิวกินี, หมู่เกาะโซโลมอน
Saribus tothur

-Nong Nooch Tropical Botanical Gardens. Photo by Michael Merritt. -Niau, Papua New Guinea. "Inflorescence Branched to 5 Orders" -Photo by Dr. William J. Baker, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -https://www.palmpedia.net/wiki/Saribus_tothur ชื่อวิทยาศาสตร์---Saribus tothur (Dowe & Barfod) Bacon & W.J.Baker (2011) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-468462 ---Basionym: Livistona tothur Dowe & Barfod (2001) ชื่อสามัญ---None.(Not recorded), No common name has yet been provided in this category. ชื่ออื่น---[INDONESIA/PHILLIPPINES:Tot-hur, Yu Bbraal (Bewani language).] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---LIVSS (Preferred name: Livistona sp.) ---Livistonaมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับสกุล Saribusและในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ครึ่งหนึ่งของ Saribusก็รวมอยู่ใน Livistona อย่างไรก็ตาม การศึกษาล่าสุดได้สนับสนุนให้แยกทั้งสองกลุ่มออกจากกัน ถิ่นกำเนิด---โอเชียเนีย เขตกระจายพันธุ์---นิวกินี นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Saribus' มาจากชื่อท้องถิ่นในภาษา Maluku คือ sariboe ตามที่ชาวดัตช์บันทึกไว้ Saribus tothur เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย John Leslie Dowe (เขามีบทบาทมากที่สุดในปีพ.ศ. 2536) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรเลียและ Anders Sánchez Barfod (เกิดปี 1957) นักพฤกษศาสตร์ชาวเดนมาร์ก ได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Christine D. Bacon (เขามีบทบาทมากที่สุดในปีพ.ศ. 2554) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน และ William John Baker (1972– ) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ในปี พ.ศ.2554 ที่อยู่อาศัยและการกระจาย ปาปัวนิวกินี. ในเทือกเขา Oenake ของ West Sepik Prov เติบโตในป่าฝนบนสันเขาหินปูนและหินแปรที่ระดับความสูง 400-600 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงถึง 20 แมตร.ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15-20 ซม. ร่องรอยแผลเป็นเกิดจากใบนูนเล็กน้อย แคบ สีเทาเข้ม ใบรูปพัด (costapalmate) มีใบในมงกุฏ 20-40 ใบ ก้านใบยาว1.5-2เมตร ขนาดใบ ยาว1.5-2เมตร กว้าง1.2-1.5เมตร ขอบใบจักลึกหนึ่งในสามส่วนของใบ ด้านบนสีน้ำเงินเขียว ด้านล่างสีฟ้าเขึยว ใบกับก้านใบมีหนาม ช่อดอกออกใต้ใบ (infrafoliar) ช่อดอกแยกออกเป็นสามส่วน กิ่งแยกเป็น 3 ลำดับ แต่ละแกนยาว ยาวประมาณ 2 เมตร ไม่เกินขอบมงกุฎ มีช่อดอก 5-6 ช่อ กาบมีปลอกหลวม ดอกแยกเพศอยู่่ร่วมต้น (monoecious) ดอกไม้ (กลีบเลี้ยง กลีบดอก และ carpels)เป็นสีแดง ผลกลม ก้นแบน เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.5-4.3 ซม. เมื่อสุกสีส้มเป็นมันเงา ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม--- ต้องการแสงแดดจัด ดินชื้นมีการระบายน้ำดี สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพภูมิอากาศกึ่งร้อนชื้นและเขตร้อนชื้น การใช้ประโยชน์---เป็นพืชสวนทั่วไปในภูมิภาค ใบไม้ใช้ทำหลังคาและร่ม ลำต้นทำคันธนูและเกลือได้มาจากเถ้าของก้านใบที่ถูกเผา ภัยคุกคาม---ใกล้ถูกคุกคาม (NT) - ใกล้จะมีคุณสมบัติที่มีความเสี่ยงที่จะถูกคุกคามโดยไม่มีมาตรการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่องหรือใกล้สูญพันธุ์และ/หรืออาจมีคุณสมบัติในอนาคตอันใกล้ สถานะการอนุรักษ์---NT - Near Threatened - National - IUCN Red List of Threatened Species ระยะออกดอก/ติดผล---พฤศจิกายน-มกราคม/ กุมภาพันธ์-มีนาคม ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุล Satranala (sah-trah-NAH-lah) เป็นMonotypic genus มีเพียงสายพันธุ์เดียวคือ Satranala decussilvae ประเภทปาล์มที่มีถิ่นที่อยู่ในมาดากัสการ์และถูกคุกคามโดยการสูยเสียที่อยู่อาศัย ต้นปาล์มที่ผิดปกตินี้ถูกค้นพบครั้งแรกโดย Royal Botanic Gardens, Kew ในปี 1991 และมีความโดดเด่นพอที่จะวางไว้ในสกุลของตัวเอง ใบเป็นรูปพัด สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของต้นปาล์มนี้คือขนชั้นในเมล็ดซึ่งมีสันครีบและหน้าแปลนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในหมู่ต้นปาล์มในภูมิภาคซึ่งโดยทั่วไปแล้วเมล็ดจะเรียบ ในความเป็นจริงเมล็ดเหล่านี้มีลักษณะเฉพาะที่คล้ายคลึงกันกับปาล์มอื่น ๆเพียงไม่กี่ชนิดบนเกาะที่ห่างไกลของนิวกีนี (eol.org)
Satranala decussilvae/Satranabe Palm

-เขตสงวน Ambodiriana - Manompana มาดากัสการ์ "ภาพถ่ายโดย Olivier Reilhes" ชื่อวิทยาศาสตร์--- Satranala decussilvae Beentje & J.Dransf.(1995) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.com/tpl/record/kew-185419 ชื่อสามัญ---Satranabe Palm, Forest Bismarckia. ชื่ออื่น---[MADAGASCAR: Satranabe (Betsimisaraka).] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---ZATDE (Preferred name: Satranala decussilvae.) ถิ่นกำเนิด--- ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์ นิรุกติศาสตร์---ชื่อสายพันธุ์ 'decussilvae' มาจากภาษาละตินความหมาย; 'อัญมณีแห่งป่า' Satranala decussilvae เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยHenk Beentje (เกิดปี 2494) นักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์และ John Dransfield (เกิดปี 1945) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ในปี พ.ศ.2538

-988-Habitat Photo: Phil Arrowsmith. -Ambodiriana reserve - Manompana, Madagascar. "Photo by Olivier Reilhes" -https://www.palmpedia.net/wiki/Satranala_decussilvae ที่อยู่อาศัย เป็นปาล์มเฉพาะถิ่นของมาดากัสการ์ตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นที่รู้จักจากห้าแหล่งที่กระจัดกระจายระหว่าง Soanierana, Ivongoและคาบสมุทร Masoala เกิดขึ้นในป่าที่ลุ่มชื้นบนดินตื้น ๆ ที่วางตัวอยู่เหนือหิน ultramafic หรือควอตไซต์ ที่ระดับความสูง 10- 600 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูง 8-15 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15-18 ซม. ลำต้นแข็งเแกร่งค่อนข้างบวมที่โคนมีรากอากาศอยู่เหนือโคนลำต้น ลำต้นมีรอยแผลเป็นจากใบไม่สม่ำเสมอ ระยะห่าง 8-10 ซม.รอยแผลเป็นที่แผลกว้าง 1.5 ซม. มีใบ 20-24 ใบในมงกุฎ คอยอดยาว45-60ซม.ใบรูปพัด (costapalmate) ก้านใบ 1.4-1.5 เมตร จาก hastula ถึงยอด 110-180 ซม., กว้าง 240-260 ซม. ตามแนวแกนมีไขสีขาวเด่นชัด ผิวทั้งสองมีเกล็ดขนาดใหญ่จำนวนมากใกล้โคน ปลายมีเกล็ดสีน้ำตาลเล็กๆ เล็กน้อย ช่อดอกเพศผู้ออกระหว่างใบ (interfoliar)โค้งและแผ่ ยาว 2.3 เมตร ช่อดอกเพศผู้ โค้งขยาย ยาว 230 ซม. ก้านช่อดอกยาวประมาณ 45 ซม ช่อดอกเพศเมียคล้ายเพศผู้ยาว 28-30ซม. ผลรูปไข่เกือบกลมเมื่อสุกสีม่วงดำมันวาว ขนาด 5.6x5 ซม. ผลมีเนื้อค่อนข้างแห้งหนา1ซม. พื้นผิวด้านนอกเป็นสันครีบ 6สันเห็นได้ชัดเจน ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มหรือร่มเงาบางส่วน ต้องการดินลึกที่มีการระบายน้ำดี อัตราการเจริญเติบโต ช้ามาก การใช้ประโยชน์--- เมล็ดพันธุ์นี้จะถูกเก็บเกี่ยวและส่งออกเพื่อตลาดพืชสวนระหว่างประเทศ ใบจะถูกเก็บเกี่ยวเพื่อใช้สำหรับมุง ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่ผ่านการกวาดล้างเพื่อการทำไร่หมุนเวียนและการทำไม้ การเก็บเกี่ยวใบสำหรับมุงและเมล็ดเพื่อการค้าระหว่างประเทศ มีการลดลงอย่างต่อเนื่องในขอบเขตและคุณภาพของที่อยู่อาศัย มีจำนวนประชากรวัยเจริญพันธุ์เหลืออยู่ประมาณ 200 ต้นในป่า ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์' สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED - IUCN Red List of Threatened Species (2012) การอนุรักษ์---สายพันธุ์นี้ได้รับการคุ้มครองภายในอุทยานแห่งชาติ Mananaraและอุทยานแห่งชาติ Masoala ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 2-3เดือน เมื่อเมล็ดงอกก้านใบเลี้ยงยื่นออกมาจากเอนโดคาร์ปซึ่งอ้าค้างเล็กน้อยตามยอดหลัก เอนโดคาร์ปจึงดูเหมือนวอลนัทที่มีสองลิ้น ไม่มีปาล์มชนิดอื่นที่เรารู้จักงอกด้วยวิธีนี้ (J. Dransfield และ H. Beentje. 1995)/Palmweb.
|
สกุล Schippia (skip-EE-ah) เป็น monotypic genus มีชนิดเดียวในสกุล คือ Schippia concolor มีถิ่นกำเนิดในประเทศเบลีซและกัวเตมาลา สายพันธุ์นี้ถูกค้นพบโดยนักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรเลียWilliam A. Schippในปี 1932และอธิบายโดยMax Burretนักอนุกรมวิธานชาวเยอรมันในปี 1933 Burret ตั้งชื่อสกุลเพื่อเป็นเกียรติแก่ Schipp โฮโลไทป์ที่เป็นพื้นฐานของสปีชีส์ (และสกุล) คือคอลเล็กชันของสคิปป์ กำหนดหมายเลขคอลเล็กชัน S367 ตัวอย่างนี้ถูกทำลายเมื่อ Berlin Herbarium ถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
Schippia concolor/ Silver Pimento.

-Stuart, FL. Photo by Chris. -Fairchild Tropical Botanic Garden, Coral Gables, Florida. Photo by Arielle Simon. -https://www.palmpedia.net/wiki/Schippia_concolor ชื่อวิทยาศาสตร์---Schippia concolor Burret (1933) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-187845 ชื่อสามัญ---Mountain Pimento , Mountain pimento palm, Silver Pimento, Silver pimento palm ชื่ออื่น---Unknown ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---ZHICO (Preferred name: Schippia concolor.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เบลีซ, กัวเตมาลา นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล Schippia ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ William Augustus Schipp (1891-2510) นักสำรวจทางพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรเลีย ผู้ค้นพบสายพันธุ์ในเบลีซ ; ชื่อเฉพาะคือคำคุณศัพท์ภาษาละติน“ cóncolor, oris” = มีสีเดียวกันสีสม่ำเสมอโดยอ้างอิงกับสีเกือบเท่ากันทั้งสองด้านของใบไม้ Schippia concolor เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยCarl Ewald Maximilian Burret (1883–1964) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2476 ที่อยู่อาศัย เป็รป่บ์มเฉพาะถิ่นจำกัดพื้นที่อยู่ เฉพาะ Mountain Pine Ridge และ Cayo District และกัวเตมาลา พบบริเวณสันเขาและยอดเขา กระจัดกระจายในป่าดิบชื้น ที่เปิดและปิด ที่ระดับความสูง 500 เมตร ลักษณะ ดูทั่วไปจะคล้าย Coccothrinax ซึ่งใบมีสีเงินอยู่ด้านล่าง แต่ Schippia ใบจะมีสีเขียวทั้งสองด้าน เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดกลาง สูง 5-10 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 5-10ซม.ลำต้นมีวงรอยแผลเป็นที่เกิดจากใบเก่าที่หลุดร่วงมักถูกปกคลุมไปด้วยซากของใบไม้ที่แห้งและตาย ใบรูปพัด (palmate) มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร.ขอบใบจักลึก มี 6-15 ใบ ก้านใบยาว 2 เมตร มีสีเขียวทั้งสองด้านของแผ่นใบ ข่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ยาวประมาณ 60 ซม.แตกแขนงออกเป็น 2-3 กิ่งและช่อดอกย่อยมีหลายดอกที่มีก้่นดอกเดี่ยวเรียงเป็นเกลียว ดอกกระเทยอยู่ที่โคน6ดอกและดอกเพศผู้อยู่ที่ปลาย ผลกลมสีขาว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5 ซม.มีเมล็ดกลมเมล็ดเดียวขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ปาล์มชนิดนี้ปลูกได้ง่ายในเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อน ต้องการแสงแดดจัด เติบโตได้ในดินทุกชนิดแต่ดินต้องมีการระบายน้ำดี ชอบดินที่เป็นกรดเล็กน้อยหรือเป็รด้างเล๋กน้อย ทนอุณหภูทิต่ำสุดได้ถึง (-2)-(-3)องศา C สามารถรับแสงแดดตรงได้ตั้งแต่อายุยังน้อย อัตราการเจริญเติบโต ช้ามาก อายุ10 ปี จะสูง 1"-2" เท่านั้น ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นที่นิยมในหมู่นักสะสม ในฟลอริดานิยมใช้ในงานแลนด์สเคป นอกจากนี้ยังเหมาะปลูกเป็นไม้กระถางได้ดี ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามจากกิจกรรมการตัดไม้และการเพิ่มการตั้งถิ่นฐานและการเกษตร ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างต่อเนื่อง ถูกจัดวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท "มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์โดยผิดธรรมชาติ" (เกิดจากมนุษย์) สถานะการอนุรักษ์---VU- VULNERABLE - IUCN. Red List of Threatened Species (1998) ขยายพันธุ์---เมล็ด งอกง่ายใช้ระยะเวลาการงอก 6-8 สัปดาห์
|
สกุล Socratea (sohc-rah-TEH-ah) เป็นสกุลปาล์ม ที่พบในเขตร้อนอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เป็นที่เชื่อกันโดยทั่วไปว่า Socratea สามารถย้ายออกไปจากจุดที่มันงอกโดยการเติบโตของรากในด้านหนึ่งและละทิ้งมันไปอีกด้านหนึ่ง ความพยายามตรวจสอบพฤติกรรมนี้ล้มเหลว มี 5 สายพันธุ์ที่ยอมรับ ได้แก่ 1 Socratea exorrhiza (Mart.) H.Wendl - คอสตาริกา, นิการากัว, ปานามา, โคลัมเบีย, เวเนซุเอลา, Guianas, เปรู, เอกวาดอร์, โบลิเวีย, บราซิล (สหรัฐอเมริกา Amazonas, Amapá, Mato Grosso, Pará, Rondônia, Roraima) 2 Socratea hecatonandra (Dugand) R.Bernal - โคลัมเบีย, เอกวาดอร์ 3 Socratea montana R.Bernal & AJHend - โคลัมเบียเอกวาดอร์ 4 Socratea rostrata Burret - เปรู, โคลัมเบีย, เอกวาดอร์ 5 Socratea salazarii H.E. เพิ่มเติม - เปรู, โบลิเวีย, บราซิลตะวันตก (State of Acre) (แสดงในหน้านี้ 1 สายพันธุ์)
Socratea exorrhiza/ Walking Palm

-Jeff Anderson giving scale. Wilson Botanical Garden in Costa Rica. -Photo by Jeff Anderson -Hawaii. Photo by BGL ชื่อวิทยาศาสตร์---Socratea exorrhiza (Mart.) H.Wendl.(1860) ชื่อพ้อง---Has 15 Synonyms. ---Basionym: Iriartea exorrhiza Mart.(1824) ---Iriartea orbignyana Blume ex Mart.(1838) ---More.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-192767 ชื่อสามัญ---Walking Palm ชื่ออื่น---; [PORTUGUESE: Castiçal, Paxiubinha, Paxiúba.];[SPANISH: Huacrapona, Zancona, Jira, Palma de Zancos, Cashapona, Pona.];[SWEDISH: Paxiubapalm.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---SOQEX (Preferred name: Socratea exorrhiza.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---โบลิเวีย, เปรู, บราซิล, เอกวาดอร์, โคลัมเบีย, เวเนซุเอลา, กายอานา, นิคารากัว Socratea exorrhiza เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Friedrich Philipp von Martius (1794-1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดย Hermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2403

-Plants growing in native habitat. Photograph by: Dr. Reinaldo Aguilar. -Just north of Hilo, Hawaii. Photo by Timothy Brian -https://www.palmpedia.net/wiki/Socratea_exorrhiza ที่อยู่อาศัย พบได้ทั่วไปในโบลิเวีย, เปรู, บราซิล, เอกวาดอร์, โคลัมเบีย, เวเนซุเอลา, Guyanas และทิศเหนือผ่านอเมริกากลางไปยังนิคารากัว พบได้มากในป่าที่ราบลุ่มของภูมิภาคอเมซอน เนื่องจากมีการปรับระบบรากให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีน้ำท่วมขัง เติบโตตามทุ่งนา ที่ลุ่มป่าฝน ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,000 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มลำต้นเดี่ยว สูง 8-25 เมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางลำต้น 15-20 ซม ยอดมงกุฎมีใบประมาณ 7 ใบ ใบรูปขนนก (pinnate) สีเขียวเข้มแกมน้ำเงิน ยาว 1.5-3.5 เมตร ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น (monoecious) แกนช่อดอกยาว 30-60 ซม. กิ่ง 5-20 กิ่ง ยาวถึง 40 ซม. ดอกเพศผู้ยาวประมาณ 1 ซม. มีเกสรเพศผู้ 17-65 อัน ดอกเพศเมียยาวประมาณ 5 มม. ผลสีเหลืองเมื่อสุกขนาด 1.5-2.5 ซม.เมล็ดมีน้ำหนักประมาณ 3.5 กรัมมีความยาวประมาณ 2 ซม. และกว้าง 1.5 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการตำแหน่งที่แสงแดดเต็มเติบโตภายใต้ร่มเงา 25% ตลอดทั้งปี มีที่กำบังลมและมีความชื้นมาก ใบของS. exorrhizaที่เติบโตกลางแดดจะมีใบหนากว่า มีต่อมและปากใบมากกว่าใบที่เติบโตในที่ร่ม เป็นปาล์มที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีรากค้ำยันที่ผิดปกติ โดยมีรากจากพื้นดินสูงถึง 2-3 เมตร รากมีหนามเล็กสีขาว รากมีลักษณะคล้ายเสาสูงและหยั่งรากในดินรอบ ๆ ทำให้มีลักษณะของขาหลายขา หากแสงดีกว่าด้านหนึ่งของต้นรากจะงอกขึ้นสู่บริเวณที่มีแสงสว่างและรากที่อยู่ด้านแสงน้อยมักจะตาย ดังนั้นต้นไม้จึงขยับเข้าหาแสงมากขึ้น ลักษณะนี้ทำให้ถูกเรียกว่า Walking Palm การใช้ประโยชน์--- ในท้องถิ่นเก็บจากป่าเพื่อเป็นอาหารวัสดุก่อสร้างและยารักษาโรค -ใช้กิน ผลกินได้ ตายอด (หัวใจปาล์ม) - ปรุงสุกกินเป็นผัก มีรสชาดดี (การกินยอดอ่อนจะทำให้ต้นไม้ตายเพราะไม่สามารถงอกยอดใหม่หรืองอกกิ่งด้านข้างได้) -ใช้เป็นยา ส่วนด้านในของรากไม้ค้ำยันถูกใช้เป็นยาโป๊ว ยาต้มของใบ และยาต้มเมล็ด ใช้ล้างอวัยวะเพศเพื่อรักษาโรคหนองใน ควันจากผลที่ถูกเผาใช้สำหรับรักษาโรคหนองในและโรคทางเดินปัสสาวะ ลำต้นใช้สำหรับทำพลาสเตอร์เพื่อห่อหุ้มสายสะดือของทารกแรกเกิด -วนเกษตรใช้ เป็นพืชบุกเบิกโตเร็ว ขนาดที่เล็ก ทำให้แสงส่องผ่านได้และพัฒนาได้ดี จากเมล็ดที่ถูกทิ้งหรือถูกโยนทิ้ง การบำรุงรักษาน้อยและเติบโตได้ดีกับพืชเกือบทุกชนิด -อื่น ๆ มีบทบาทสำคัญในท้องถิ่นในการก่อสร้าง ลำต้นถูกใช้ในการสร้างบ้านและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ เช่น เสา, รั้ว เมล็ดถูกใช้เป็นลูกปัดสำหรับทำสร้อยคอและอื่น ๆ ใช้สำหรับสัตว์ : สุนัขที่เป็นโรคเรื้อนสามารถรักษาให้หายขาดได้โดยการถูส่วนที่ได้รับผลกระทบด้วยรากอ่อนที่ถูกทุบ ภัยคุกคาม---ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วง ถุกจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species (2001) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เมล็ดสดจะงอกเร็ว ใช้เวลาการงอก 45-60 วัน (มีเพียง 45% เท่านั้นที่งอก)
|
สกุล Synechanthus (sihn-eh-KAHN-tuhs) เป็นประเภทหนึ่งของปาล์ม ที่พบในเม็กซิโก ,กลางและอเมริกาใต้ เรียกกันว่า Bola , Palmilla หรือ วุ้นถั่วปาล์ม ( jelly bean palm, ) เป็นสปีชีส์ที่สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ มี 2 เพศในต้นเดียวกัน (Monoecious) พวกเขามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับสมาชิกของ Chamaedoreaโดดเด่นด้วยดอกไม้และผลไม้รูปแบบของพวกเขาเท่านั้น มี 2 สายพันธุ์เป็นที่ยอมรับ (accepted species names.) (แสดงในหน้านี้ 1 สายพันธุ์) 1 Synechanthus fibrosus (H.Wendl.) H.Wendl. 2 Synechanthus warscewiczianus H.Wendl
Synechanthus fibrosus/ Jelly Bean Palm
-Reserva Ecológica Gavilán Blanco. San Ramón, La Virgen, Costa Rica. -Photo by Dr. Eric Castro -https://www.palmpedia.net/wiki/Synechanthus_fibrosus ชื่อวิทยาศาสตร์---Synechanthus fibrosus (H.Wendl.) H.Wendl.(1858) ชื่อพ้อง---Has 4 Synonyms.See all The Plant Listhttp://www.theplantlist.org/tpl/record/kew-199013 ---Basionym: Chamaedorea fibrosa H.Wendl. (1854) ---Collinia fibrosa (H.Wendl.) Oerst. (1859) ---Rathea fibrosa (H.Wendl.) H.Karst.(1858) ---Synechanthus mexicanus L.H.Bailey ex H.E.Moore (1949) ชื่อสามัญ---Palmilla, Jelly Bean Palm, Monkey Tail Palm ชื่ออื่น---;[CHINESE: He sheng hua zong.];[SOUTH AMERICA: Bola.];[SPANISH: Palmilla.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---CMDSS (Preferred name: Chamaedorea sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---เม็กซิโก, กัวเตมาลา, ฮอนดูรัส, นิการากัว, คอสตาริกา, ปานามา, โคลอมเบีย, เอกวาดอร์ นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Synechanthus' ที่เกิดขึ้นจากคำภาษากรีก synechos = "ต่อเนื่อง" และ anthos = "ดอกไม้" ในการอ้างอิงถึงการจัดเรียงเชิงเส้นของดอกไม้ ( acérvulo ) Synechanthus fibrosus เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยHermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยHermann Wendland (1825–1903) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2401

-Synechanthus warscewiczianus -La Selva, OET; STR; De la intersección de STR y CES, Osa Peninsula, Costa Rica. Photo by Dr. O. Vargas -https://www.palmpedia.net/wiki/Synechanthus_warscewiczianus ที่อยู่อาศัย กระจายจากเม็กซิโกตอนใต้ถึงคอสตาริก้า เติบโตในป่าฝนที่ ระดับความสูงถึง 1,000-1,200 เมตร ลักษณะ S.fibrosus เป็นปาล์มต้นเดี่ยวส่วน S. warscewiczianus เป็นแบบกลุ่ม มักจะมีลำต้นหลักที่โดดเด่นมีหน่วยขนาดเล็กรอบตัว ลำต้นเรียวยาว สูงประมาณ 4.5 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น ไม่เกิน 2-3 ซม. ลำต้นสีเขียวมีวงรอยแผลเป็นสีขาวที่เกิดจากจากใบเก่าที่หลุดร่วง ใบรูปขนนก (pinnate) ยาวมากกว่า 1 เมตร 10-23 ในแต่ละด้านของ rachis จัดเรียงอย่างไม่ค่อยสม่ำเสมอ ก้านใบยาว 30ซม. ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ดอกแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน (monoecious) ผลกลมหรือรีเล็กน้อย เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4-2.1 ซม. ยาว 1.0-1.4 ซม.เปลี่ยนจากสีเขียวอมเหลืองเป็นสีส้มเหลือง และสุดท้ายเป็นสีแดงเข้ม ผลมีเนื้อมากเมื่อสุกเต็มที่นุ่มลื่น เมล็ดรีถึงทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.2-1.4 ซม. ยาว 0.7-1.2 ซม.เอนโดสเปิร์มเกือบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องคงสภาพเหมือนป่าฝนอยู่ใต้ร่มเงาหรือแสงกรอง ดินร่วนซุยที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอินทรีย์วัตถุ และปริมาณน้ำที่ระบายออกอย่างรวดเร็ว ไม่ทนทานต่อความเย็น การใช้ประโยชน์---ทั้งสองชนิดได้รับการปลูกเลี้ยงในรูปแบบของไม้ประดับ ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุลTahina (tah-HEE-nah) เป็น Monotypic genus (สกุลที่มีเพียง1สายพันธุ์)ได้แก่ Tahina spectabilis เป็นปาล์มยักษ์ ที่พบเฉพาะใน Analalava เขตตะวันตกเฉียงเหนือของมาดากัสการ์ และเป็นประเภท Monocarpic (ออกดอกติดผลแล้วตาย) สกุลใหม่นี้ไม่สัมพันธ์กับสกุลอื่นๆ ของปาล์มมาดากัสการ์ 170 สกุล และมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ 3 สกุลในเผ่า Chuniophoeniceae สมาชิกอื่นๆแต่ละสกุลที่พบในอัฟกานิสถานและส่วนใกล้เคียงของเอเชีย ภาคใต้ของประเทศไทย; เวียดนามและจีนตอนใต้
Tahina spectabilis/Tahina Palm

-Madagascar. Photo by Dr. John Dransfield, Royal Botanic Gardens, Kew/Palmweb. -http://www.palmpedia.net/wiki/Tahina_spectabilis ชื่อวิทยาศาสตร์--- Tahina spectabilis J. Dransf. & Rakotoarinivo (2008) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-351389 ชื่อสามัญ---Tahina Palm, Suicide Palm. Blessed Palm ชื่ออื่น---;[MADAGASCAR: Dimaka (Malagasy).];[VIETNAM: Cọ tự tử.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---มาดากัสการ์ นิรุกติศาสตร์---ถูกค้นพบในปี 2550โดยซาเวียร์เมตซ์ Xavier Metz เจ้าของสวนในมาดากัสการ์ทางตอนเหนือ ชื่อสกุลTahina เป็นชื่อที่ได้รับจาก Anne-Tahina Metz ลูกสาวของผู้ค้นพบต้นปาล์ม ความหมายคำตามภาษามาลากาซี่ แปลว่า "เพื่อปกป้อง" หรือ "ความสุข" ; ชื่อสายพันธุ์ในภาษาละติน "spectabilis" หมายถึงความโดดเด่นตระการตา Tahina spectabilis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยJohn Dransfield (เกิดปี 1945) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ และMijoro Rakotoarinivo (เขามีบทบาทมากที่สุดในปีพ.ศ. 2550) นักพฤกษศาสตร์ชาวมาลากาซีในปี พ.ศ.2551 ---ต่อมาได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของการค้นพบสายพันธุ์ในปี 2551 โดยสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการสำรวจชนิดพันธุ์

-Madagascar. Photo by Dr. Xavier Metz. -http://www.palmpedia.net/wiki/Tahina_spectabilis ที่อยู่อาศัย เป็นปาล์มเฉพาะถิ่นที่รู้จักเฉพาะในท้องที่เดียวในเขต Analalava ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมาดากัสการ์ เกิดขึ้นในเนินเขาที่ราบเรียบและพื้นราบของภูมิภาค ซึ่งตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยทุ่งหญ้า anthropogenic มีโผล่ขึ้นมาเล็กน้อยของ 'tsingy' (karst Tertiary limestone) หินปูนตติยภูมิ ความยาวประมาณ 250 เมตร ถือเป็นพืชพรรณกึ่งธรรมชาติ Tahina เติบโตในดินแดนที่ถูกน้ำท่วมตามฤดูกาลที่เชิงเขาหินปูน ที่ระดับความสูง10-20เมตร ลักษณะTahina Palm เป็นปาล์มหายากขนาดยักษ์ มีขนาดใหญ่พอที่จะมองเห็นได้ในภาพถ่ายดาวเทียม เป็นปาล์มที่ใหญ่ที่สุดใน 170 สายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดในมาดากัสการ์ รู้จักกันทั่วไปในชื่อ 'dimaka' ต้นสูงถึง 18 เมตร มีฐานบวม ลำต้นถูกปกคลุมด้วยรอยแผลเป็นวงแหวนที่ทิ้งร่องรอยใบไม้ร่วงไว้ มงกุฎสูง 4-10 เมตร ใบรูปพัด (palmate) ขนาดใหญ่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 5 เมตร มีชีวิตอยู่ได้นานถึง 30-50 ปีก่อนที่ปลายของลำต้นจะขยายช่อดอกขนาดใหญ่ ลักษณะช่อดอกเหมือนพีระมิดหรือเชิงเทียนที่น่าประทับใจ สูงประมาณ 4-5 เมตร ดอกสีเหลืองเล็กๆออกเป็นหลายร้อยดอก หลังจากที่ติดผลต้นจะตายและยุบลง ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดจัด เติบโตได้ดีที่สุดในเขตร้อนที่แห้งแล้ง การใช้ประโยชน์---ไม่เป็นที่รู้จัก ในฐานะที่เป็นสายพันธุ์ที่หายากแต่ก็มีแนวโน้มที่จะปลูกเป็นไม้ประดับในการเพาะปลูก มันจะเป็นไม้ประดับที่งดงามตระการตาสำหรับสวนขนาดใหญ่หรือสวนสาธารณะ หรือคอลเล็คชั่นของนักสะสม ภัยคุกคาม--เนื่องจากพื้นที่การครอบครองและขอบเขตของการเกิดขึ้นคาดว่าจะน้อยกว่า 4 กม. และถูกคุกคามโดยความถี่ของไฟป่าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจลดคุณภาพของที่อยู่อาศัย ประชากรไม่มีการฟื้นฟูใด ๆ มีการนับต้นไม้ที่โตเต็มที่ประมาณ 30 ต้นและต้นอ่อน100ต้นในพื้นที่นี้ ถูกวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต' สถานะการอนุรักษ์---CR- CRITICALLY ENDANGERED - IUCN Red List of Threatened Species (2012) การอนุรักษ์---มีความพยายามที่จะอนุรักษ์สายพันธุ์นี้ผ่านการกระจายของเมล็ดพันธุ์และการเพาะเลี้ยงในสวนและในสวนพฤกษศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์นอกถิ่นฐาน ขยายพันธุ์---เพาะเมล็ด ใช้เวลาการงอกหลังจาก2เดือน *This is a tillering palm, it exhibits saxophone style root growth (it has a heel), keep top third of heel above soil elevation! นี่คือต้นปาล์มที่แตกกอ แสดงให้เห็นการเจริญเติบโตของรากแบบแซกโซโฟน (มีส้น) ให้ส้นเท้าที่สามอยู่เหนือระดับความสูงของดิน! (แปลโดยกูเกิ้ล)
|
สกุลTectiphiala (tehk-tih-fee-AHL-lah) เป็น Monotypic genus มีเพียง 1 สายพันธฺุคือ Tectiphiala ferox เป็นปาล์มเฉพาะถิ่นในมอริเชียส ในมหาสมุทรอินเดียทวีปแอฟริกา
Tectiphiala ferox/ Curly palm

-Mauritius. Photo-(Société Palmophile Francophone). -Mauritius. Photo by Phillip Arrowsmith. https://www.palmpedia.net/wiki/Tectiphiala_ferox ชื่อวิทยาศาสตร์---Tectiphiala ferox H. E. Moore (1978) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-202016 ชื่อสามัญ---Curly palm ชื่ออื่น---;[MAURITIUS: Palmiste bouclé (Fr).] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) รหัสอนุกรมวิธาน: 154492 (สำหรับการอ้างอิงในบทความ โปรดใช้ NCBI:txid154492) https://www.ncbi.nlm.nih.gov/Taxonomy/Browser/wwwtax.cgi?name=Tectiphiala+ferox ถิ่นกำเนิด---ทวีปแอฟริกา เขตกระจายพันธุ์---มอริเชียส นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุลTectiphiala มาจากภาษาละติน 'tectus' = ปิดบังซ่อนเร้น และ 'phiala' = ภาชนะสำหรับดื่มก้นแบน,จานรอง) โดยอ้างอิงจากมุมมองด้านข้างของดอกไม้ ซึ่งตอนแรกถูกบดบังด้วย ตาที่ทับซ้อนกัน Tectiphiala ferox เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae)ค้นพบในปี 1969 โดย Marc D'Unienville ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Harold Emery Moore (1917–1980) นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2521 ที่อยู่อาศัย ปาล์มเฉพาะถิ่นในมาดากัสการ์ พบในสองท้องที่บนที่ราบสูงตอนกลาง ได้แก่: Crown Land Declerc ใกล้ Mare Longue และ Bois Sec ซึ่งเป็นเขตสงวนคุ้มครอง เติบโตในสครับแบบสัมพัทธ์ ส่วนใหญ่เปียก ที่ระดับความสูงระหว่าง 570 - 650 เมตรจากระดับน้ำทะเล ลักษณะ ป็นปาล์มต้นเดี่ยวหรือจัดกลุ่มเป็นกระจุกส่วนใหญ่มีสองลำต้น ต้นหนึ่งมีขนาดใหญ่กว่าอีกต้นหนึ่ง ต้นสูงสุดประมาณ 3เมตร ตอนเล็กจะมีกาบใบเก่าห่อหุ้มลำต้นและมีหนามยาวและขนสั้นสีดำปกคลุมหนาแน่นโตขึ้นจะหลุดไปมีรอยวงแผลเป็นที่เกิดจากใบร่วง คอยอดเป็นกระเปาะ สีน้ำตาลแดง มีขนสั้นสีดำและหนามยาว ปกคลุมหนาแน่นมากมาย รวมทั้งใบรูปขนนก(pinnate) และก้านใบที่ค่อนข้างสั้นด้วย ช่อดอกเดี่ยว(infrafoliar)ตั้งขึ้น ดอกแยกเพศอยู่ในช่อดอกเดียวกัน (monoecious) ดอกสีส้มเหลืองจัดเป็นกลุ่มของเพศเมียสองและเพศผู้หนึ่ง เรียงหกแถวแนวตั้งตลอดก้านช่อยกเว้นที่ปลายสุดที่จัดดอกไม้เดี่ยวหรือคู่ มีใบประดับคล้ายจานรองที่โดดเด่น ผลรูปไข่สีดำน้ำเงินยาว 11x 6 มม. มีกลิ่นเหมือนผลเบอร์รี่สุก มีเมล็ดรูปไข่1เมล็ด ไม่พบเมล็ดพืชในบริเวณใกล้เคียงกับต้นไม้ที่โตเต็มวัย แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมล็ดเหล่านี้อาจกระจัดกระจายโดยนกที่กินผล ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---พบว่าในถิ่นที่เดิบโตเป็นดินเหนียวที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียมและเป็นกรดไม่มากก็น้อย ดูเหมือนว่าข้อกำหนดของ Tectiphiala ferox นั้นจำเพาะเจาะจงอย่างผิดปกติและการเพาะปลูกนั้นยากมาก ภัยคุกคาม---เนื่องจากการฟื้นฟูถูกขัดขวางโดยการบุกรุกของวัชพืช (Alien species) และการปล้นสะดมภ์เมล็ด ถูกจัดวางในIUCN Red List ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต' สถานะการอนุรักษ์---CR- CRITICALLY ENDANGERED - IUCN Red List of Threatened Species (1998) ขยายพันธุ์---เมล็ด
|
สกุลThrinax (TREE-nahks) เป็นประเภทปาล์มพื้นเมืองในทะเลแคริบเบียน เกี่ยวข้องและมีความสัมพันธุ์อย่างใกล้ชิดกับสกุล Coccothrinax, Hemithrinax และ สกุล Zombia ประกอบด้วย 3 สายพันธุ์ที่ยอมรับได้แก่ (แสดงในหน้านี้ 1สายพันธุ์) 1 Thrinax excelsa 2 Thrinax parviflora (ดูที่ปาล์ม 6-ปาล์มสะดือเขียว) 3 Thrinax radiata Lodd. ex Schult. & Schult.f.
Thrinax radiata/ Florida thatch palm

-Private garden in the Florida Keys. Photo by Paul Craft. -Naples Botanical Garden, Naples, Florida. Photo by Dr. Scott Zona -http://www.palmpedia.net/wiki/Thrinax_radiata ชื่อวิทยาศาสตร์---Thrinax radiata Lodd. ex Schult. & Schult.f.(1830) ชื่อพ้อง---Has 15 synonyms.See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-203987 ชื่อสามัญ---Florida thatch, Silk-top thatch palm, Sea thatch palm, Caribbean thatch palm. ชื่ออื่น---; [CUBA: Guano campeche, Guano de costa, Miraguano de lana.];[DOMINICAN REPUBLIC: Guanillo.];[GERMAN: Florida-Schilfpalme.];[HAITI: Latanier-la-mer.];[JAMAICA: Thatch.];[MEXICO: Chit, Chi-it.];[SPANISH: Palma chit.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---THXRA (Preferred name: Thrinax radiata.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---C. อเมริกา - นิการากัว, ฮอนดูรัส, เบลีซ, เม็กซิโกตอนใต้; แคริบเบียน - สาธารณรัฐโดมินิกัน, เฮติ, คิวบา, บาฮามาส; ฟลอริดา นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสกุล 'Thrinax' มาจากภาษากรีก“ θρῖναξ” (thrinax) =“ โกยสามขา” แต่ยังมี“ พลั่วตักดินเพื่อการร่อน” ด้วยการอ้างอิงถึงใบปาล์ม ; ชื่อของสายพันธุ์คือคำคุณศัพท์ภาษาละติน "radiatus, a, um" = ล้อมรอบด้วยรังสีโดยอ้างอิงกับส่วนของใบไม้ Thrinax radiata เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Conrad Loddiges (1738–1826) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันจากอดีต Josef August Schultes (1773–1831) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรียและJulius Hermann Schultes (1804–1840) นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรียในปี พ.ศ.2473 ที่อยู่อาศัย พบในนิคารากัว, ฮอนดูรัส, เบลีซ, เม็กซิโกตอนใต้; แคริบเบียน - สาธารณรัฐโดมินิกัน, เฮติ, คิวบา, บาฮามาส; ตะวันออกเฉียงใต้อเมริกา - ฟลอริดา ในพื้นที่ชายฝั่งบนหินปูนหรือดินทรายใกล้กับทะเล ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว รูปร่างเพรียวบาง สูงประมาณ1.5 - 12 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 6-13 ซม. มีแผ่นใยสีน้ำตาลปกคลุมลำต้น ใบรูปพัด(palmate) มี 12–20 ใบ แผ่นใบจักลึกเกือบถึงสะดือ กว้าง1-1.5เมตร ปลายใบลู่ลง สะดือนูนเด่นสีม่วงเข้ม ผิวใบด้านบนเป็นสีเขียวหม่น ใต้ใบผิวสีอ่อนกว่า สีเขียวอมเหลือง ก้านใบโค้งอ่อนยาว 1.5 เมตร ไม่มีหนาม ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ยาว1-1.2 เมตร แยกโค้งและแตกแขนงออกเป็นสองส่วน ดอกกระเทย(มีทั้งเพศผู้และเพศเมีย)สีขาว ผลกลมสีขาว ขนาด 7-8 มม.มีเมล็ดสีน้ำตาล 1 เมล็ดขนาด 6-7มม.(ผลกินไม่ได้) ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ปลูกในตำแหน่งที่มีแดดจัดหรือในร่มเงาบางส่วน ต้องการดินทราย ดินร่วนหินปูนที่เป็นด่างเล็กน้อยหรือเป็นกลางมีการระบายน้ำดี ทนอุณหภูมิที่ลดลงถึง -2°C เติบโตช้ามาก ค่าเฉลี่ยการเติบโตไม่เกิน 6 นิ้วต่อปี อายุปาล์มอยู่ได้ถึง150ปี การใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ การนำมาใช้ในงานภูมิทัศน์ ต้นปาล์มฟลอริดานั้นยืดหยุ่นต่อลมพายุโซนร้อน ทนไอเกลือและภัยแล้งทำให้เหมาะสำหรับ สวนOceanside , Xeriscapeและ สวนทะเลทราย ใช้ปลูกประดับในบ้านพักอาศัยทั่วไป เหมาะเป็นไม้กระถางหรือปลูกลงสนามกลางแจ้ง -อื่น ๆใบมักจะเก็บเกี่ยวมาจากป่าซึ่งมักถูกใช้เพื่อมุงหลังคา ใบเป็นส่วนที่ใช้มากที่สุดของปาล์มใช้ ใช้ในการทำไม้กวาด, งานฝีมือ ถักหมวกและสิ่งของอื่น ๆใช้ห่ออาหาร ส่วนลำต้นเพิ่งถูกใช้เพื่อสร้างกับดักกุ้งมังกรโดยชาวประมงในคาบสมุทรYucatán ภัยคุกคาม--เนื่องจากพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กว้างขวาง ประชากรจึงมีขนาดใหญ่และมีเสถียรภาพ ไม่มีภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วงจัดไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ความกังวลน้อยที่สุด' (ไม่น่าจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้) สถานะการอนุรักษ์---LC - Least Concern - National - IUCN Red List of Threatened Species.(2021) สถานะการอนุรักษ์---สายพันธุ์นี้ถูกระบุว่าใกล้สูญพันธุ์โดยรัฐฟลอริดา ระยะออกดอก/ติดผล---ตลอดปี ขยายพันธุ์ ---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 2-3 เดือน
|
สกุลTrachycarpus (trahk-ee-KAHR-puhs) เป็นประเภทปาล์มพื้นเมืองของทวึปเอเชีย จากเทือกเขาหิมาลัยตะวันออกไปทางทิศตะวันออกของประเทศจีน เป็นประเภท ปาล์มพัด costapalmate (อนุวงศ์ Coryphoideae) ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ชนิดที่พบมากที่สุดในการเพาะปลูกคือTrachycarpus fortunei (ปาล์ม Chusan หรือปาล์มกังหันลม) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ปาล์มที่ปลูกทางเหนือสุดในโลก สกุลนี้เป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบปาล์มเพราะสามารถทนต่อความหนาวได้โดยเฉพาะในฤดูร้อนที่มีอากาศชื้นและเย็นในฤดูหนาว ปาล์มเหล่านี้มักจะทนหิมะในที่อยู่อาศัยดั้งเดิมและเป็นปาล์มที่หายากที่สุด มี 9 สายพันธุ์ที่ยอมรับได้แก่ 1 Trachycarpus fortunei (Hook.) H.Wendl.(ดูที่ปาล์ม6 ปาล์ม Chusan) 2 Trachycarpus geminisectus Spanner & al. 3 Trachycarpus latisectus Spanner, Noltie & Gibbons 4 Trachycarpus martianus (Wall. ex Mart.) H.Wendl. 5 Trachycarpus nanus Becc. 6 Trachycarpus oreophilus Gibbons & Spanner 7 Trachycarpus princeps Gibbons, Spanner & San Y.Chen 8 Trachycarpus takil Becc. 9 Trachycarpus ukhrulensis M.Lorek & K.C.Pradhan (แสดงในหน้านี้ 2 สายพันธุ์)
Trachycarpus nanus/ Dragonhead Palm

-Photo-Martin Gibbons & Tobias Spanner -Western Yunnan Provence, China. Photo by Tobias Spanner. -https://www.palmpedia.net/wiki/Trachycarpus_nanus ชื่อวิทยาศาสตร์---Trachycarpus nanus Becc (1910) ชื่อพ้อง---Has 2 synonyms.See all https://www.gbif.org/species/2739080 ---Chamaerops nana (Becc.)(1915) ---Trachycarpus dracocephalus Ching & YCHsu (1955) ชื่อสามัญ---Dragonhead Palm, Yunnan Dwarf Palm ชื่ออื่น---;[CHINESE: Long zong.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---TRRSS (Preferred name: Trachycarpus sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย เขตกระจายพันธุ์---ประเทศจีน นิรุกติศาสตร์---ชื่อสายพันธุ์จากภาษาละติน 'nanus ' = "เล็ก" หรือ "แคระ" อย่างแท้จริง Trachycarpus nanus เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae)เป็นสมาชิกที่เล็กที่สุดของสกุล และเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Odoardo Beccari (1843–1920) นักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี ในปี พ.ศ.2453

-Augusta, GA. 15 yrs. old. Photo by Joe Le Vert. -https://www.palmpedia.net/wiki/Trachycarpus_nanus ที่อยู่อาศัย มณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เติบโตในทุ่งหญ้าหรือชุมชนป่าไม้ของเทือกเขาหิมาลัยตอนกลาง ที่ระดับความสูง 1,750-2,700 เมตรจากระดับน้ำทะเล ลักษณะ เป็นปาล์มแคระที่มีลำต้นอยู่ใต้ดินลึกและบิดตัวเหมือนมังกร สามารถยาวได้ถึง 1.8-2 เมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 5ซม. แต่ไม่ค่อยสูงจากพื้นดินส่วนใหญ่มองไม่เห็นหรือเห็นเพียงลำต้นสั้น ๆ ตามกฎแล้วเฉพาะมงกุฎใบไม้เท่านั้น ที่สามารถมองเห็นได้ ปลายยอดของลำต้นถูกปกคลุมด้วยเส้นใยสั้นที่มีความหนาแน่นซึ่งแตกตัวมาจากกาบใบ ในมงกุฎมีใบ 5-20 ใบ เป็นใบรูปพัด (palmate) ด้านล่างพื้นผิวใบเป็นสีเขียวอมฟ้า ด้านบนสีเงินสีฟ้าบางครั้ง โดยเฉพาะในช่วงหลังแดดจัด ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ช่อดอกตั้งตรงหรือเอียงเล็กน้อย สีขาวเหลือง ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ดอกรูปทรงกลม ขนาด2.5ซม.ซึ่งอาจเป็นเพศหญิงเพศชายหรือกระเทย ผลรูปไตผิวเรียบ ผลอ่อนสีเขียวเหลือง ต่อมากลายเป็นสีน้ำตาลดำและผิวมีรอยย่นในสภาพแห้ง มีเมล็ดรูปไต1เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการตำแหน่งแสงแดดเต็ม ทนความแห้งแล้ง และทนความหนาวเย็นได้ถึง -15°C เจริญเติบโตช้ามาก การใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ เป็นปาล์มที่หายากมาก เนื่องจากความขาดแคลนทางพฤกษศาสตร์ที่แท้จริงและถูกคุกคามด้วยการสูญพันธุ์ในถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติ ช่อดอกที่ถูกแพะกินก่อนที่มันจะบานเต็มที่ ทำให้เสียโอกาสในการผลิตเมล็ด จนกระทั่งในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมาเมื่อมีเมล็ดมากขึ้นโดยเนิสเซอรี่ย์สถานเพาะเลี้ยงที่มีความสามารถพิเศษหลายแห่งที่มีสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์แคระที่แท้จริง ภัยคุกคาม---เนื่องจากถูกคุกคามด้วยการลดลงของพื้นที่ ขอบเขต และ/หรือคุณภาพของที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง การสูญพันธุ์ในที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ โดยช่อดอกจะถูกกินโดยแพะก่อนที่มันจะบานเต็มที่ จึงมีพืชตั้งเมล็ดน้อยมาก ถูกวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์ในธรรมชาติ' สถานะการอนุรักษ์---EN-ENDANGERED-IUCN Red List of Threatened Species (2004) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้เวลาในการงอก 1-2 เดือน
Trachycarpus princeps/Stone Gate Palm

-Photo-exoten-forun.de -Inverleith, Edinburgh, Scotland. Photo by Christopher. -https://www.palmpedia.net/wiki/Trachycarpus_princeps ชื่อวิทยาศาสตร์---Trachycarpus princeps Gibbons, Spanner & San Y.Chen (1995) ชื่อพ้อง---No synonyms are recorded for this name. See https://www.gbif.org/species/2739084 ชื่อสามัญ---Stone Gate Palm ชื่ออื่น---; [CHINESE: Gong shan zong lü.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---TRRSS (Preferred name: Trachycarpus sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปเอเซีย เขตกระจายพันธุ์---ประเทศจีน นิรุกติศาสตร์---ชื่อสายพันธุ์ 'princeps' = a prince (เจ้าชาย) หมายถึงความสง่างามของปาล์มนี้และความสง่างามที่มองลงมาจากตำแหน่งที่สูงบนหน้าผาสูงชัน Trachycarpus princeps เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Martin Gibbons ( เขามีบทบาทมากที่สุดในปีพ.ศ.2538) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ, Tobias Walter Spanner (1967–) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน และ San Yang Chen ( เขามีบทบาทมากที่สุดในปีพ.ศ.2538) นักพฤกษศาสตร์ชาวจีนในปี พ.ศ.2538

-Border of China, Tibet and Burma. Photo by James Verhaegen. -https://www.palmpedia.net/wiki/Trachycarpus_princeps ที่อยู่อาศัย เป็นพืชประจำถิ่นของจีน พบในภาคใต้ของจีน ยูนนาน, เขตหนานเจียง เติบโตบนหน้าผาหินปูนสูงชันไปตามแม่น้ำสาละวินหรือในภาษาจีน "หู่เจียง" (แม่น้ำพิโรธ)ในหุบเขาที่เข้าถึงได้ยากในจังหวัดยูนนานทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนใกล้กับหมู่บ้านที่เรียกว่า Bingzhongluo ที่ระดับความสูง 1,500-1,900 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ในพื้นที่ รู้จักกันในชื่อประตูหิน (Stone Gate) เมื่อถูกค้นพบครั้งแรก แต่ในความเป็นจริงปาล์มนี้ไม่เพียงแต่จะเติบโตบนหน้าผาเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่ที่ใหญ่กว่าและเติบโตได้จริงในพื้นที่ "Nu Jiang" บนหน้าผาเกือบทั้งแนวดิ่งและแนวราบของ Shi Shi Guan และด้านล่างของหน้าผาในป่าฝนมรสุมที่เขียวชอุ่มตลอดปี มีประชากรขนาดเล็กหลายแห่ง ประตูหินเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพื้นที่นั้น ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูงถึง 10 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 13-20 ซม ถูกปกคลุมด้วยเส้นใยหนาแน่นในทุกส่วนยกเว้นในส่วนที่เก่าแก่ที่สุด มีใบ18-26ใบ บางครั้งสร้างกระโปรงเล็กๆใต้มงกุฎ (ใบที่แห้งติดอยู่บนต้นเป็นเวลานาน) กาบใบมีเปลือกค่อนข้างหยาบแข็งแรงยาวประมาณ 45 ซม. มีขนปกคลุมหนาแน่นสีน้ำตาลอ่อน ก้านใบโค้งยาวประมาณ 80 ซม.ใบรูปพัดเกือบงกลม ขอบใบจักลึกครึ่งใบ มี 45-48 ส่วนเชิงเส้น สีเขียวเข้มด้านบนและ สีฟ้าขาวด้านล่าง ( glaucous) ช่อดอกออกระหว่างใบ (interfoliar) ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น (dioecious) ช่อดอกเพศผู้ยาวประมาณ 50 ซม.แยกเป็น 4 กิ่ง มีดอกสีซีดคล้ายขี้ผึ้ง ช่อดอกเพศเมียยาวประมาณ 75 ซม.แยกเป็น 3 กิ่ง ดอกมองไม่เห็น ผลสีเหลืองสดใสเมื่อสุก ขนาดยาว 0.8 ซม., กว้าง 1.0 ซม (ส่วนกว้างมากกว่าส่วนยาว) ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่ น้ำมาก ดินที่อุดมด้วยฮิวมัสและด่าง (pH 7.5-8) และ มีการระบายน้ำดี ทนต่อความร้อนของแสงแดดที่ร้อนจัด และ ทนต่อความเย็นได้ถึง -15 ° C ใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ T.princeps นั้นถูกปกคลุมไปด้วยแว็กซ์สีขาวบริสุทธิ์ซึ่งแตกต่างและแยกจากสายพันธุ์อื่นอย่างง่ายดาย ส่วนบนของใบมีสีเขียวพิเศษพร้อมบลัชออนสีฟ้า สวยงามที่สุดเหมาะสำหรับภายนอก สายพันธุ์นี้หายากและเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบปาล์ม ขยายพันธุ์---เมล็ด เมล็ดดั้งเดิมนั้นหายากและยากต่อการงอก
|
สกุลTrithrinax ได้รับการตั้งชื่อในปี 1837 โดย Carl Friedrich Philipp von Martius นักพฤกษศาสตร์และนักสำรวจชาวเยอรมัน ปาล์มสกุลTrithrinax มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ ชนิดต่อไปนี้ได้รับการยอมรับในรายการตรวจสอบทั่วโลกของตระกูลพืชที่ได้รับการคัดเลือกจากสวนพฤกษศาสตร์ Royal Kew (แสดงในหน้านี้ 4 สายพันธุ์) 1 Trithrinax acanthocoma Drude 2 Trithrinax brasiliensis Mart. : บราซิลตอนใต้, ปารากวัยและอุรุกวัย ในสองสายพันธุ์ Includes 2 Accepted Infraspecifics ---Trithrinax brasiliensis var. acanthocoma (Drude) Mattos.Basionym: Trithrinax acanthocoma Drude ---Trithrinax brasiliensis var. Brasiliensis 3 Trithrinax campestris (Burmeist.) Drude & Griseb. : อาร์เจนตินาและอุรุกวัยตอนเหนือ 4 Trithrinax schizophylla Drude : โบลิเวียตะวันออก, บราซิล, ปารากวัยและอาร์เจนตินาตอนเหนือ ในสองสายพันธุ์ Includes 2 Accepted Infraspecifics --- Trithrinax schizophylla var. biflabellata (Barb.Rodr.) Án.Cano & F.W.Stauffer --- Trithrinax schizophylla var. Schizophylla
|
Trithrinax acanthocoma/Carandá

-Jill Menzel Garden in Brazil. Photo by Paul Craft. -UCLA Botanic Garden, CA. Photo by Peter Griffith. -http://www.palmpedia.net/wiki/Trithrinax_acanthocoma ชื่อวิทยาศาสตร์---Trithrinax acanthocoma Drude.(1878) ชื่อพ้อง--No synonyms are recorded for this name. See all The Plant List http://www.theplantlist.org/tpl1.1/record/kew-209201 ชื่อสามัญ---Buriti palm, Spiny fiber palm. ชื่ออื่น---;[BRAZIL: Carandá.];[PORTUGUESE: Butiti, Carandaí.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---TTXSS (Preferred name: Trithrinax sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---โบลิเวีย, บราซิล, ปารากวัย, อุรุกวัย, อาร์เจนตินา Trithrinax acanthocoma เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Georg Oscar Drude (1852–1933) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2421 ที่อยู่อาศัย กระจายไปทั่วเขตร้อนของอเมริกาใต้ ในบราซิลพบบนพื้นที่ภูเขาทางใต้ ในป่าเปิด ในภาคกลางและภาคเหนือของ Rio Grande do Sul และทั่วทั้ง Santa Caterina และ Parana เติบโตในดินทรายในเนินเขาหินที่ระดับความสูง 700- 1,000 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยวขนาดกลาง สูงถึง 4 เมตร หรือสูงกว่านั้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 20 ซม.มีเส้นใยทอที่ห่อหุ้มลำต้นปกคลุมไปด้วยหนามจากเปลือกใบที่มีความหนาแน่นถาวร มงกุฎขนาดใหญ่ ใบรูปพัด (palmate) ขอบใบจักลึกถึงครึ่งใบ ปลายใบแยกเป็น2แฉกชี้แหลม แผ่นใบ (glaucous) ด้านบนสีเขียวด้านล่างคลุมด้วยแว็กซ์สีขาว ก้านใบขอบคมมีหนามแข็ง ดอกออกเป็นช่อสีขาว ออกผลเป็นพวงใหญ่ ผลรูปไข่ สีขาว/เขียวซีด มีเนื้อสีขาวเหลือง ขนาด1.5 ซม.เมล็ดมีขนาดเล็กและเรียบ ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่ ดินมีความชื้นสม่ำเสมอ เป็นด่างเล็กน้อย มีการระบายน้ำได้ดี ต้องการน้ำปริมาณมากในฤดูร้อน ทนอุณหภูมิต่ำสุดได้ถึง -10°C การใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลบางครั้งหมักเพื่อผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ -ใช้ปลูกประดับ การใช้งานในภูมิทัศน์ เป็นปาล์มที่ทนต่อความแห้งแล้ง ทนต่อความร้อนความเย็นและแสงแดดได้อย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับสวนในเขตกึ่งร้อน ตลอดจนถึงสวนเมืองหนาว -อื่น ๆ ในท้องถิ่น เส้นใยใบจะถูกใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับสิ่งทอ เสื้อผ้าที่เรียบง่าย และงานหัตถกรรม น้ำมันสกัดได้จากเมล็ด ขยายพันธุ์---เมล็ด เมล็ดงอกเร็ว แต่การเจริญเติบโตช้า
|
Trithrinax brasiliensis/ Brazilian needle palm

-Trithrinax brasiliensis Lotusland, Santa Barbara, California. Photo by Geoff Stein -California. Photo by Geoff Stein -https://www.palmpedia.net/wiki/Trithrinax_brasiliensis ชื่อวิทยาศาสตร์---Trithrinax brasiliensis Mart.(1837) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonymshttps.See all https://www.gbif.org/species/2735187 ---Thrinax brasiliensis (Mart.) Mart.(1853) ชื่อสามัญ---Brazilian needle palm, Carana palm, Saho palm, Spiny fiber palm ชื่ออื่น---;[GERMAN: Brasilianische Nadelpalme.];[PORTUGUESS-BRAZIL: Buriti, Buriti-palito, Caraná, Carandá, Carandá-moroti, Carandá-piranga, Carandaí, Caran- daùba, Palmeira-leque, Ibitiriá.]; [SPANISH: Carandai, Caranday brasileño, Palmera de buruti, Palmera espinosa.]. ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO Code---TTXBR (Preferred name: Trithrinax brasiliensis.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---บราซิล นิรุกติศาสตร์---ชื่อสกุล 'Trithrinax' จากภาษากรีก tri = "three" และ thrinax : "trident" นั่นคือ "three tridents" ; ชื่อสายพันธุ์ “ brasiliensis” = เนื่องจากมีถิ่นกำเนิดในบราซิล Trithrinax brasiliensis เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดยCarl Friedrich Philipp von Martius (1794-1868) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ในปี พ.ศ.2480 ที่อยู่อาศัย เป็นพืชเฉพาะถิ่นำายากมีถิ่นกำเนิดในประเทศบราซิล ( Rio Grande do Sul และพื้นที่ที่ จำกัดใน Paraná และ Santa Catarina) และ Uruguay พบอยู่ตามลำธารน้ำ และพื้นที่กึ่งแห้งแล้ง ที่ระดับความสูงมากกว่า 500 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว สูง15เมตร ในการปลูกเลี้ยงอาจไม่ถึง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 12-30 ซม มีเส้นใยห่อหุ้มลำต้นปกคลุมไปด้วยหนามจากเปลือ ใบที่มีความหนาแน่นถาวร หนามยาวประมาณ10-18 ซม.ตามแนวขึ้นลงของลำต้น ใบรูปพัด (palmate) ขอบใบจักลึกถึงตรึ่งใบ ขนาดกว้าง1-1.5เมตร ยาว0.80-1 เมตร ปลายใบสีเขียวเข้มแยกเป็น2แฉก ส่วนปลายของใบลดลงเป็นหนามแหลม ฐานใบถึงกลางใบสีเทาเขียวมีแว็กซืสีขาวคลุม ดอกออกเป็นช่อสั้น ยาว 60-70ซม.สีขาว ผลรูปกลมถึงรียาว ขนาด 2.2ซม. มีเมล็ด 1 เมล็ด ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการแสงแดดเต็มที่ ดินมีความชื้นสม่ำเสมอ เป็นด่างเล็กน้อย มีการระบายน้ำได้ดี การใช้ประโยชน์---ใช้ปลูกประดับ การใช้งานในภูมิทัศน์ เป็นปาล์มที่ทนต่อความแห้งแล้ง ทนต่อความร้อนความเย็นและแสงแดดได้อย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับสวนในเขตกึ่งร้อน ตลอดจนถึงสวนเมืองหนาว เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการเพาะปลูกค่อนข้างน้อย แต่มีค่าประดับ การปลูกในสถานที่เปิด เช่นสวนสาธารณะ ตำแหน่งที่จัดวาง ควรปลูกให้พ้นทางสัญจรอาจเกิดอันตรายจากหนาม -อื่น ๆ ใบไม้ถูกนำไปใช้ในการทำหมวกและหัตถกรรมอื่น ๆ ภัยคุกคาม---ถูกวางไว้ใน IUCN Red List ประเภท 'ข้อมูลที่มีอยู่ไม่เพียงพอสำหรับการประเมินความเสี่ยงของการสูญพันธุ์ สถานะการอนุรักษ์---DD -Data Deficient-IUCN Red List of Threatened Species (1998) ขยายพันธุ์---เมล็ด ใช้ระยะเวลาในการงอก 1-5 เดือน แต่อาจใช้เวลานานกว่าหนึ่งปี
|
Trithrinax campestris/ Blue Needle Palm
-Photo: https://www.palmpedia.net -https://www.palmpedia.net/wiki/Trithrinax_campestris ชื่อวิทยาศาสตร์---Trithrinax campestris (Burmeist.) Drude & Griseb.(1879) ชื่อพ้อง---Has 1 Synonyms.See all https://www.gbif.org/species/2735184 ---Basionym: Copernicia campestris Burmeist.(1861) ชื่อสามัญ---Blue Needle Palm, Caranday palm, Thatch Palm, Campestre palm, Spiny fiber palm. ชื่ออื่น---; [ARGENTINA: Saro.];[CHINESE: San shan zong.];[CROATIA: Kampestre palma.];[FRENCH: Palmier trident, Trithrinax d’Argentine, Palmier épineux à fibre du Brésil.];[GERMAN: Blaue Nadelpalme, Savannen-Nadelpalme];[SPANISH: Caranday, Palmera de Argentina, Palmera del Uruguay];[URUGUAY: Caranday.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---TTXCA (Preferred name: Trithrinax campestris.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---อาร์เจนติน่า อุรุกวัย นิรุกติศาสตร์---ชื่อของสายพันธุ์มาจากภาษาละติน "campestris" = "ของทุ่งกว้าง" Trithrinax campestris เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Hermann Conrad Burmeister (1807–1892) นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน-อาร์เจนตินา และได้รับชื่อที่แน่นอนในปัจจุบันโดยCarl Georg Oscar Drude (1852–1933) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันและAugust Heinrich Rudolf Grisebach (1814-1879) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2422
 -Jardín Botánico de La Concepción, Spain. Photo by José A. Conde -https://www.palmpedia.net -https://www.palmpedia.net/wiki/Trithrinax_campestris ที่อยู่อาศัย พบในอาร์เจนตินา ใน Perugorria และ อุรุกวัย ขยายไปถึง ยอดของเทือกเขาเซียร์ราเดอคอร์โดบา และ เซียร์ราสเดอซานหลุยส์ ส่วนใหญ่มักเติบโตตามพื้นแม่น้ำที่แห้งแล้งในทุ่งหญ้าสะวันนา ที่ระดับความสูงประมาณ900-1300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ลักษณะ โดยทั่วไป สปีชีส์นี้มีลำต้นตั้งแต่หนึ่งต้นขึ้นไป สูงถึง 2-5 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนยฺกลางลำต้น 20-25 ซม. มักจะปกคลุมด้วยซากของใบไม้เก่า ใบรูปพัด (palmate) จักลึกกว่าครึ่งใบ ยาวประมาณ 1 เมตร.มีก้านใบแข็งและมีหนามแข็งมาก ใบสีเขียวเข้มถึงน้ำเงินเข้ม เมื่อระดับความสูงของที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นใบไม้จะกลายเป็นสีเทามากขึ้น ช่อดอกประกอบด้วยช่อดอกย่อยที่สั้นแตกแขนงสูงตั้ง ออกที่โคนใบล่างแตกกิ่งก้านสีน้ำตาลอมเหลือง ดอกกระเทยสีขาวประมาณ100 ดอก ขนาดกว้าง 10-12 มม ผลกลมสีเหลือง มีเนื้อบาง ขนาด 1.5-2 ซม. ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---ต้องการตำแหน่งแสงแดดจัด ปรับตัวให้เหมาะกับดินที่มีสภาพแย่และมีหินแต่มีการระบายน้ำดีได้เป็นอย่างดี ได้รับการชื่นชมและเติบโตไปทั่วโลกในฐานะที่ทนต่อความแห้งแล้งและสภาพอากาศหนาวเย็นได้ถึง -9 °C/-15 °C ศัตรูพืช/โรคพืช---Paysandisia archon (หนอนเจาะปาล์มในอเมริกาใต้) การใช้ประโยชน์---ใช้กิน ผลมีเนื้อบางและมีเส้นใยมากจะไม่ได้ถูกกิน อย่างไรก็ตามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะถูกเตรียมในท้องถิ่นผ่านการหมัก -ใช้ปลูกประดับ เป็นปาล์มเรียบง่าย มีเอกลักษณ์และความงามเฉพาะตัว ปลูกเลี้ยงกันอย่างกว้างขวางในประเทศภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนและยังนิยมปลูกกันทั่วโลก เนื่องจากเป็นปาล์มขนาดเล็กที่ง่ายต่อการดูแลรักษา ทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็น และทนแล้ง ในงานภูมิทัศน์ใช้กันอย่างมากในสวนขนาดใหญ่โดยปลูกในตำแหน่งที่ห่างทางสัญจรและจุดที่ต้องแวะเวียนไปมา หลีกเลี่ยงอันตรายจากหนามและปลายใบที่แหลมคม -อื่น ๆ ใบมีเส้นใยที่แข็งแรง ทนต่อแรงตึงได้มาก ใช้ในการผลิตงานฝีมือเช่น หมวก รองเท้า และพัด ภัยคุกคาม---เนื่องจากภัยคุกคามที่สำคัญคือการตัดไม้ทำลายป่าหรือไฟธรรมชาติ เนื่องจากลำต้นถูกคลุมด้วยก้านแห้งหนา ใบของ caranday ติดไฟได้ง่าย ขยายพันธุ์---เมล็ดใช้เวลาในการงอก 3-4 เดือน
|
Trithrinax schizophylla/ The Carandilla Palm

-T. schizophylla var schizophylla Photo by Paul Craft -Trithrinax schizophylla var schizophylla Photo by Gaston Torres Vera -http://www.palmpedia.net/wiki/Trithrinax_schizophylla ชื่อวิทยาศาสตร์---Trithrinax schizophylla Drude.(1882) ชื่อพ้อง---Has 2 Synonyms ---Diodosperma burity H.Wendl.(1878) ---Trithrinax biflabellata Barb.Rodr. (1899) ชื่อสามัญ---Carandilla Palm, Brazilian needle palm, Mosquito palm. ชื่ออื่น---; [ARGENTINA: Saho, Saro.]; [GERMAN : Brasilianische Nadelpalme.] ชื่อวงศ์---ARECACEAE (PALMAE) EPPO code---TTXSS (Preferred name: Trithrinax sp.) ถิ่นกำเนิด---ทวีปอเมริกา เขตกระจายพันธุ์---อาร์เจนตินา, ปารากวัย, โบลิเวีย, บราซิล นิรุกติศาสตร์---ชื่อสายพันธุ์ 'schizophylla' เป็นภาษาละติน 'schizophylla' = "มีใบแบ่ง" Trithrinax schizophylla เป็นสายพันธุ์ของพืชดอกในครอบครัวปาล์ม (Arecaceae) ได้รับการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกโดย Carl Georg Oscar Drude (1852–1933) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันในปี พ.ศ.2425

-Trithrinax schizophylla var. biflabellata. Image by Jose A. Grassia. -Central area of the Province of Formosa in the North of Argentina. Trithrinax schizophylla var. biflabellata Photo by Juan Pech -http://www.palmpedia.net/wiki/Trithrinax_schizophylla ที่อยู่อาศัย พบขึ้นกระจายอยู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาร์เจนตินา โบลิเวีย และ ปารากวัย ในบราซิลพบในภูมิภาค Chaco ของ Mato Grosso do Sul เติบโตใกล้ลำธารในป่าดิบแล้ง ใกล้แม่น้ำในดินปนทราย ที่ระดับความสูง 400 เมตร ลักษณะ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว หรือหลายลำต้น สูง 2- 6 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 7-12 ซม.ปกคลุมด้วยเส้นใยและใบเก่ารวมทั้ง มีหนามแข็งยาว 5 - 15 ซม โดยทั่วไป สำหรับผู้ที่ไม่ชอบปาล์มที่มีหนามน่าจะข้ามไปเลยเพราะหนามเหล่านี้อาจมีความยาวได้ถึง 45 ซม. (18 นิ้ว) หนามเหล่านี้จะเติบโตรอบต้นในรูปแบบที่ซับซ้อน ในยอดมงกุฎมี 10-25 ใบ ใบรูปพัด (palmate) ขอบใบจักลึกเกือบถึงสะดือ ปลายใบแยกเป็น2แฉก ใบเล็กแข็งและเป็นสีเทาเงิน ดอกออกเป็นดอกช่อสีขาวสมบูรณ์เพศ ผลมีขนาดเล็ก ขนาด 0.8 ซม. สีเขียวเหลือง ข้อกำหนดสิ่งแวดล้อม---เจริญเติบโตค่อนข้างเร็ว ต้องการแสงแดดเต็มที่ถึงร่มรำไรชอบดินที่ชื้นและเป็นทราย ต้องการน้ำมาก มีอัตราการเติบโตค่อนข้างเร็ว ทนต่ออุณหภูมิที่เย็นจัด (-5°C) และทนความร้อนได้ถึง 45 ° c การใช้ประโยชน์---บางครั้งพืชถูกเก็บเกี่ยวจากป่าเป็นแหล่งวัตถุดิบในท้องถิ่น -ใช้ปลูกประดับ เป็นที่ต้องการอย่างมากของนักนิยมปาล์มทั่วโลก ให้ผลตอบแทนสูงสำหรับการปลูกเลี้ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นไม้ประดับที่ใช้ในงานภูมิทัศน์ได้สวยงามมากชนิดหนึ่ง -อื่น ๆ ใบสำหรับทำตะกร้าและหมวก ใช้มุงหลังคา ลำต้นใช้ในการสร้างบ้านแบบดั้งเดิม ขยายพันธุ์---เมล็ด งอกยาก ต้องการความเย็นในตอนกลางคืน
|
อ้างอิง แหล่งที่มา
REFERENCES General Bibliography + REFERENCES General & specific on-line + REFERENCES Complementary / Specific
---หนังสือ “คู่มือปาล์มประดับ” ดร. ปิยะ เฉลิมกลิ่น.2 ---คู่มือปาล์มประดับ : Ornamental Palm ฉบับปรับปรุงและเพิ่มเติม/ดร. ปิยะ เฉลิมกลิ่น 2550 ---หนังสือ"ปาล์มประดับที่ปลูกได้ในประเทศไทย"สวัสดิ์ หรั่งเจริญ สำนักพิมพ์มติชน 2547 ---สารานุกรมพืชในประเทศไทย (ฉบับย่อ) (Concise Encyclopedia of Plants in Thailand) ---Australian Government's Species Profile and Threats Database. http://www.environment.gov.au/ ---Palmpedia - Palm Grower's Guide https://www.palmpedia.net ---ฐานข้อมูลพรรณไม้มีชีวิต องค์การสวนพฤกษศาสตร์ Living Plant Database of The Botanical Organization ---ต้นปาล์มในเอเชียใต้โดย Andrew HENDERSON https://books.google.co.th ---ประมวลคำศัพท์ปาล์ม: ขึ้นอยู่กับอภิธานศัพท์ใน Dransfield, J. , NW Uhl, CB Asmussen-Lange, WJ Baker, MM Harley และ CE Lewis 2008 จำพวก Palmarumวิวัฒนาการและการจำแนกประเภทของปาล์มสวนพฤกษศาสตร์ Royal, Kew http://eunops.org/content/glossary-palm-terms ---Plant of the world on line.Kewscience.http://powo.science.kew.org ---The IUCN Red List of Threatened Species. https://www.iucnredlist.org ---ประมวลคำศัพท์ปาล์ม http://eunops.org/content/glossary-palm-terms ---Catalogue of Life: 2019 Annual Checklist.http://www.catalogueoflife.org/col/search/all/key/ ***แหล่งข้อมูลที่สำคัญมีดังนี้: ---www.palmweb.org - แหล่งข้อมูลซึ่งให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือจำนวนมากเกี่ยวกับอนุกรมวิธานปาล์มและระบบการตั้งชื่อ ---Govaerts, R. และ J. Dransfield 2005 รายการตรวจสอบโลกของ Palms สำนักพิมพ์ Kew รายการตรวจสอบได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและสามารถเข้าถึงออนไลน์ได้ที่http://apps.kew.org/wcsp/home.do ---Dransfield, J. , NW Uhl, C. Asmussen, WJ Baker, MM Harley และ C. Lewis 2551. จำพวก Palmarum วิวัฒนาการและการจำแนกประเภทของปาล์ม (Genera Palmarum ed. 2) สำนักพิมพ์คิว ---http://eunops.org/content/glossary-palm-terms คำศัพท์อินเทอร์แอคทีฟของปาล์มโดยอ้างอิงจากอภิธานศัพท์ที่พิมพ์ใน Genera Palmarum ed 2 ***http://thaipalm.myspecies.info/
ขอขอบคุณเป็นพิเศษกับ Geoff Stein (Palmbob) สำหรับภาพถ่ายนับร้อยของเขา ขอขอบคุณเป็นพิเศษกับPalmweb.org ดร. จอห์นดรานสฟิลด์ ดร. บิลเบเกอร์และทีมสำหรับข้อมูลและภาพถ่ายของพวกเขา
Search images using Google | CalPhotos | Wikimedia Search on internet using Google Search using Tropicos | Plants of the World | IPNI | PlantList Search using BHL | EOL | GBIF | ITIS | Wikipedia
Check for more information on the species:
---Plants Database Names, synonymy and distribution The Garden.org Plants Database https://garden.org/plants/ ---Global Plant Initiative Digitized type specimens, descriptions and use หอพรรณไม้ - กรมอุทยานแห่งชาติ www.dnp.go.th/botany/Herbarium/GPI.html ---Tropicos Nomenclature, literature, distribution and collections Tropicos - Home www.tropicos.org/ ---GBIF Global Biodiversity Information Facility Free and open access to biodiversity data https://www.gbif.org/ ---IPNI International Plant Names Index The International Plant Names Index - home page http://www.ipni.org/ ---EOL Descriptions, photos, distribution and literature Global access to knowledge about life on Earth Encyclopedia of Life eol.org/ ---PROTA Uses The Plant Resources of Tropical Africa ---Prelude Medicinal uses Prelude Medicinal Plants Database http://www.africamuseum.be/collections/external/prelude รวบรวมและเรียบเรียงโดย Tipvipa..V บริษัท สวนสวรส การ์เด้น ดีไซน์ จำกัด สวนเทวา เชียงใหม่ www.suansavarose.com
2/2/2020
21/5/2020
UP DATE 18/6/2022
|
|
|